ตอนที่แล้วบทที่ 31: [เนื้อเรื่องเสริม] เอิร์ลแห่งครอสโรด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33: [เนื้อเรื่องเสริม] สิ่งที่ข้าทำได้

บทที่ 32: [เนื้อเรื่องเสริม] เอิร์ลแห่งครอสโรด (2)


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 32: [เนื้อเรื่องเสริม] เอิร์ลแห่งครอสโรด (2)

สายวันนั้น ข้าก็มาที่หน้าประตูคฤหาสน์ของลอร์ดครอส

“ลอร์ดครอส! ท่านอยู่บ้านหรือเปล่า?”

ขณะที่กระแทกประตูด้านนอก ข้าก็ก้าวเข้าไปในสวนของคฤหาสน์ เกือบจะในทันที ลอร์ดครอสได้ปรากฏตัวออกจากในคฤหาสน์

“เจ้าคงไม่สนใจชีวิตของเจ้าสินะ! ข้าพูดชัดเจนแล้ว! อย่ามายุ่งกับข้า …”

เมื่อลอร์ดครอสใกล้เข้ามา เขาก็ชี้หอกมาที่ข้าแล้วพร้อมจะแทงทันที

จากนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่รถเข็นเล็กๆ ที่ข้านำมาด้วย

“อะไรนะ…นั่นอะไร?”

"ท่านคิดว่ามันเป็นอะไรล่ะ?"

ข้ายิ้มเยาะและดึงผ้าที่คาดอยู่บนรถเข็นออกไป

“มันเป็นของโปรดท่านไง”

รถเข็นเต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทุกขวดเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ ราวกับเป็นเม็ดทรายสีขาวบนชายหาด

“…”

ลอร์ดครอสตกตะลึง สายตาของเขามองไปมาระหว่างข้ากับขวดอย่างต่อเนื่อง

***

ตัวละครที่ข้าเข้ามาสิงร่างนั้นคือตัวละครที่เฮงซวยอย่างแท้จริง

เขาเป็นเจ้าชายผู้บัดซบ ชอบการดื่มและเป็นพวกตะกละ เป็นหายนะที่เดินได้

เขาเป็นคนที่ไม่มีทางจะเดินเข้าไปในเขตชนบทเด็ดขาดหากไม่มีของเตรียมไว้มากพอ ดังนั้นเขาจึงนำแอลกอฮอล์ชั้นเลิศมากมายมาด้วย

แต่ตัวข้าไม่ชอบดื่ม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเก็บมันเอาไว้

ข้ารวบรวมเครื่องดื่มราคาแพงทั้งหมดที่แอชขนส่งมาจากเมืองหลวงมาที่นี่อย่างระมัดระวัง

“มาดื่มกันเถอะลอร์ดครอส”

ข้าคว้าขวดออกมาจากรถเข็นและเขย่าขวดเล็กน้อย

ขวดหรูหราบรรจุของเหลวสีทองสวยงามที่กำลังหมุนวนอยู่ภายใน

เสียงน้ำที่ขยับไปมาดังก้องอยู่ในอากาศ

สำหรับนักดื่มผู้ช่ำชองอย่างลอร์ดครอส มันเป็นข้อเสนอที่ไม่อาจต้านทานได้เลย

อึก

ลอร์ดครอสได้แต่กลืนน้ำลายที่แห้งผาก ข้ายักไหล่และเก็บขวดไปที่รถเข็น

“เจ้าคงไม่สนใจสินะ?”

"ไม่ ไม่! ใครบอกว่าข้าไม่สนใจกันเล่า?”

ลอร์ดครอสเปิดประตูสู่คฤหาสน์ของเขา

“เข้ามาสิฝ่าบาท นำทุกอย่างมาด้วยเลย!”

ต้อนรับกันดีเชียวนะ

ข้าเข็นรถเข็นที่บรรทุกแอลกอฮอล์เข้าไปในคฤหาสน์โดยตรง

“โอ้ ให้ตายเถอะ”

ข้าสบถออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

จากทางเข้าด้านขวาไปจนถึงภายใน มีขวดที่ทิ้งไว้เต็มเกลื่อนพื้นไปหมด

"ให้ตาย...เถอะ..."

ข้าเอามือปิดจมูก

เมื่อพิจารณาถึงปริมาณของขวดที่กองอยู่ กับการที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานาน อากาศจึงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ระเหยออกมา มันทำให้คล่นไส้เป็นอย่างมาก

’นี่ไม่ใช่แค่พวกติดการดื่มแล้ว แต่เป็นพวกบ้าแอลกอฮอล์ชัดๆ...’

เมื่อพยายามหลบขวดที่ทิ้งไว้บนพื้น ข้าก็พบทางเข้าไปยังห้องครัวของคฤหาสน์

ลอร์ดครอสดึงถ้วยสองใบออกมาจากตู้

“เป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้ดื่มกับคนอื่น”

เมื่อรับถ้วยที่ลอร์ดครอสนำมาให้ ข้าก็มองไปที่ก้นแก้วอย่างสงสัย

“แก้วใบนี้สะอาดใช่ไหม?”

“ถึงคฤหาสน์อาจจะรก แต่กระจกต้องสะอาด มันเป็นเรื่องที่เหล่านักดื่มควรคำนึงอยู่แล้ว”

ขณะที่พูดถึงหลักคำสอนแปลกๆ ที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ลอร์ดครอสก็คว้าขวดเหล้าไปจากมือข้า

“งั้นมาดูกันเถอะว่าท่านนำแอลกอฮอล์ชนิดใดมา…”

ดวงตาของมาร์คกราฟครอสจ้องมองไปยังฉลาก

“'พีชเมคเกอร์’ รอยัลวิสกี้ชั้นยอด! ไม่อยากจะเชื่อ นี้มันของดีหายากชัดๆ!”

’พีชเมคเกอร์’ เป็นชื่อกลางของจักรพรรดิในยามนี้

มันคือเหล้าที่ทำขึ้นมาเพื่อฉลองการครองบัลลังก์ของจักรพรรดิ นอกจากนี้ มันยังเป็นของพิเศษที่สร้างขึ้นจากโรงกลั่นเหล้าองุ่นของราชวงศ์ด้วย

ไม่ใช่แค่รสชาติเครื่องดื่มที่พิเศษ แต่ความหมายที่มีอยู่ในเหล้านี้ก็พิเศษเช่นกัน

ทำให้มันมีราคาแพงอย่างเหลือล้น

’ข้าให้ของขวัญเจ้าเป็นเครื่องดื่มที่มีราคาแพงไปแล้ว เพราะงั้นก็ช่วยรบกวนเคารพข้ามากขึ้นด้วยเถอะ’

สิ่งที่ข้าสื่อออกไปผ่านการกระทำไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็เห็นได้ชัด

มาร์คกราฟครอสมองดูข้าอีกครั้ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแกะขวดวิสกี้โดยไม่คิดเลย

ของเหลวสีทองพลันเต็มแก้วของเรา

“ถ้าอย่างนั้นก็เพื่อ …”

ข้ายกแก้วขึ้นเพื่อฉลอง แต่มาร์เกรฟครอสกลับนำแก้วของตัวเองมาที่ริมฝีปากของเขาแล้ว

“…”

ข้าจึงได้แต่ลดแก้วลงอย่างเชื่องช้า

มาร์เกรฟครอสดื่มวิสกี้ลงไปในครั้งเดียว ดื่มแบบนั้นมันจะไม่แรงไปหน่อยเหรอ? เขาคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?

"ฟิ้ว!"

ต้องขอชื่นชมมาร์เกรฟครอสเลย เขาสามารถดื่มหมดลงเพียงอึกเดียว

“มหัศจรรย์จริงๆ! เป็นรสชาติที่นุ่มเนียนไม่มีอะไรเทียบได้เลย”

“เจ้าสัมผัสรสชาติเหล้าเลิศรสด้วยการกระดกไวๆ เช่นนั้นหรือ?”

“เพื่อเปรียบเทียบระหว่างของดีกับราคาถูก ไม่ใช่ว่ามันต้องทำเช่นนี้หรือ? นี่แหละคือวิธีเดียวในการประเมินรสชาติที่แท้จริงของมัน”

ให้ตายเถอะ ความรู้เรื่องแอลกอฮอล์ของข้ามีจำกัด ข้าจึงบอกไม่ได้ว่าตรรกะของเขามันถูกหรือผิดกันแน่

ทว่าวันนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดคุยเรื่องเหล้า ข้าวางแก้วที่ยังไม่แตะต้องลงไปอย่างเงียบๆ

“คือว่ามาร์คกราฟ วันนี้เราต้อง…”

“อย่ามาคุยเรื่องอื่น!”

มารเกรฟครอสขัดจังหวะข้าพร้อมกับเติมแก้วของเขา

“แค่ดื่มให้เต็มที่แล้วออกไปซะ หากเจ้ามีเรื่องอื่นที่จะพูดคุย ก็จงออกไปได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยก็ให้ข้าได้ชิมอะไรสักอย่างทีเถอะ…”

ตาแก่นี้ซดเหล้าจนหมดไปเต็มท้องของตนเองหมดแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงบ่นของข้า มาร์คกราฟครอสจึงเปิดตู้ออกมาและดึงกระเป๋าใบเล็กใบหนึ่ง

“กินเจ้าสิ่งนี้สิ”

"นี่มันคืออะไรเหรอ?"

"ผลไม้แห้ง พวกมันมาจากผลไม้ที่เก็บเกี่ยวจากสวนผลไม้ของข้าเอง”

ในถุงเต็มไปด้วยผลไม้แห้ง หั่นสี่เหลี่ยมเป็นลูกเต๋าอย่างดี

ข้าหยิบมันออกมาและพินิจพิเคราะห์มัน มันคือมะม่วงเหรอ? หรือองุ่นกัน?

“เจ้ามีสวนผลไม้ด้วยหรือ?”

“ตรงนั้นไง ลองมองออกไปนอกหน้าต่างดูสิ เห็นหรือเปล่า? มันอยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลังนี้เอง มันเป็นเพียงสวนเล็กๆ ข้าแค่ทำมันเป็นงานอดิเรก”

“ก็ได้ เช่นนั้นข้าคงต้องลองดูหน่อยแล้ว…ถุ้ย อะไรกันเนี่ย?!”

ข้าพ่นมันออกมาทันทีที่ใส่เข้าไปในปากของข้า

“นี่มันอะไรกัน มันทั้งขมและเปรี้ยวมาก! เจ้ากินสิ่งนี้ลงไปได้ยังไง!”

“อย่าคายผลไม้ที่ข้าปลูกและเก็บเกี่ยวอย่างยากลำบากสิ…นั่นค่อนข้างหยาบคายมากเลยนะ”

มาร์คกราฟครอสกล่าวด้วยสีหน้าขุ่นเคืองพร้อมกับกัดลงไปในผลไม้ชิ้นหนึ่ง

"ถุ้ย อะไรกันเนี่ย?!"

เขาก็พ่นน้ำลายออกมาในทันที

“เจ้าก็กินไม่ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?!”

“รสชาติเหมือนขยะไม่มีผิด ถึงจะเป็นผลไม้ที่ข้าปลูกเอง แต่นี่มันแค่ขยะชัดๆ”

มาร์คกราฟครอสรีบควักเหล้าของเขาออกมา กระดกเข้าไปในปากของเขาและโยนถุงผลไม้แห้งให้ข้า

“นี่ของขวัญ รับไปสิ”

“ทำไมเจ้าถึงให้อะไรที่แม้แต่เจ้าก็กินไม่ลงกัน?”

“ก็ถ้าข้ากินได้ข้าคงเก็บไว้กินเองแล้ว คิดว่าทำไมข้าถึงเอาให้ท่านเล่า? เหตุผลมันก็ง่ายจะตายไป”

อืม ที่พูดก็ถูก ตรรกะของเขาบิดเบี้ยวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันกลับน่าสนใจอย่างประหลาด

ข้าบ่นพึมพำพลางถอนหายใจและรับถุงผลไม้แห้งมา

ถือเสียว่าเป็นของขวัญจากเจ้าเมืองคนก่อน ข้าคงไม่สามารถทิ้งมันไปเฉยๆ ได้

มาร์คกราฟครอสถอนหายใจขณะที่เขาจ้องมองไปที่ผลไม้ที่เหลืออยู่ในมือของเขา

“ครอสโรดอยู่ที่ขอบด้านใต้สุดของทวีป ดวงตะวันส่องสว่าง ดินแดนมีความอุดมสมบูรณ์ ไม่มีดินแดนไหนเหมาะกับการเพาะปลูกผลไม้ไปมากกว่านี้แล้ว”

“เช่นนั้นทำไมรสชาติถึงได้แย่นักล่ะ?”

“หากเจ้าดูแลพวกผลไม้อย่างดี มันก็จะตอบแทนเจ้า พวกพืชผลอย่างอื่นก็เช่นกัน”

คำพูดต่อไปของเขาทำให้ข้าแทบไม่ทันตั้งตัว

“หากเพียงว่าพวกสัตว์ประหลาดไม่บุกรุกเข้ามา”

"อา...!"

“พวกสัตว์ประหลาดทำลายทุ่งนาและฆ่าชาวสวน แต่เมื่อพวกมันตายไป พวกมันก็พ่นพลังเวทย์แห่งความหายนะลงบนแผ่นดิน ท่านรู้หรือไม่ว่านั่นหมายความว่าอะไร?”

รอยยิ้มอันขมขื่นพาดผ่านใบหน้าที่ร่วงโรยของมาร์คกราฟครอส

“พื้นที่ทั้งหมดต้องมลทิน พืชผลใดๆ ที่ปลูกที่นี่จะเหี่ยวเฉาและตายลงไป มันกลายเป็ฯแผ่นดินที่ถูกสาปแช่ง”

มาร์คกราฟครอสจ้องไปที่เครื่องดื่มของเขาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน

เหล้าทองคำที่ชงจากราชวงศ์ที่บ่มด้วยการใช้ธัญพืชและผลไม้ไม่สามารถเพาะปลูกได้ในภูมิภาคนี้...

“นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีทุ่งนาอยู่รอบๆ ครอสโรด แสงแดดและดินที่อุดมสมบูรณ์จะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย? ต่อให้พยายามอย่างหนัก แต่ก็ไร้ค่าหากพวกมันบุกรุกเข้ามาเพียงครั้งเดียว”

“…”

“ที่แห่งนี้คล้ายถูกสาปแช่ง ไม่ว่าจะในอดีต หรือในอนาคตต่อจากนี้”

ข้าโน้มตัวไปทางหน้าต่าง

“แล้วทำไมเจ้าถึงเก็บสวนผลไม้ไว้ล่ะ?”

“ทุกคนต่างมีความเสียใจอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตไม่ใช่หรือ?”

ชายชรามองไปที่สวนผลไม้ สายตาจ้องมองไปไกล จากนั้นเขาก็หลับตาลงและเทเครื่องดื่มออก

“สวนผลไม้นั่นคือความเสียใจของข้า”

เรานั่งเงียบๆ จนน้ำเมาในขวดหมดลง

“พอมายามนี้ ต่อให้อยากจะเมาแค่ไหนข้าก็ไม่สามารถทำได้เลย…”

มาร์คกราฟครอสบ่นพึมพำขณะหมุนขวดเปล่าไปมารอบๆ

ข้าดึงขวดถัดไปออกจากรถเข็น แกะมันออกด้วยมือข้าและเติมใส่ถ้วยของมาร์คกราฟครอส

“มาร์คกราฟ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่ในวันนี้?”

ท่าทางของมาร์คกราฟทำให้ข้ารู้สึกถึงอะไรบางอย่างในใจ

“ข้าพูดชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องอื่นอีก?”

“อยากไล่ข้าออกไปก็เชิญเลย แต่ข้าต้องเล่าเรื่องของข้าก่อนที่ข้าจะจากไป”

ฟุบ

หลังจากเติมถ้วยของมาร์คกราฟแล้ว ข้าก็วางขวดลงบนโต๊ะและเริ่มพูด

“พวกสัตว์ประหลาดกำลังออกอาละวาดอีกครั้ง จำนวนของพวกมันไม่น้อยเลย”

“…”

“การรุกรานครั้งก่อนคือชุดเกราะมีชีวิต 1,000 ตน เราสามารถป้องกันพวกมันได้ แต่กำแพงของเราได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงและทหารของเราก็น้อยลงมาก”

“…”

“เรากำลังตกที่นั่งลำบาก ต้องการกำลังเสริม”

มาร์คกราฟครอสยังคงเงียบขณะที่เขาฟังข้า จากนั้นข้าจึงกล่าวต่อ

“มาร์คกราฟ ข้าต้องการทหารที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเจ้า”

“ข้าไม่ได้มีทหารคนใดอยู่ใต้บังคับบัญชาแล้ว”

“ข้ารู้มาว่ามีทหารรับจ้างอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้า”

“ข้าได้มีมิตรสหายที่ข้าร่วมฝึกฝนและต่อสู้เคียงข้างมาตลอดชีวิต”

มาร์คกราฟครอสถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“แต่เมื่อข้าสละตำแหน่งของข้าในฐานะเจ้าเมือง เมื่อข้าทิ้งหอกและโล่ของข้า… สหายเหล่านั้นก็วางอาวุธของตนลงไปเช่นเดียวกัน ยามนี้พวกเขาทั้งหมดต่างเกษียณตัวกันไปแล้ว”

“ข้าขอร้องเจ้าเถอะ ได้โปรดช่วยเรียกพวกเขามาอีกครั้งด้วย”

“นั่นคงเปล่าประโยชน์”

กุ๊บ

มาร์คกราฟครอสยกถ้วยขึ้นมาดื่มและกล่าวตัดพ้อออกมา

“ดินแดนแห่งนี้ไม่คุ้มแก่การป้องกัน”

“ที่ท่านกล่าวออกมาหมายความว่าเช่นไรหรือ?”

“อย่าทำให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ต้องมาเสียเปล่าจากการพยายามปกป้องป้อมปราการไร้ค่านี้อีกเลย อพยพทุกคนหนีออกไปเถอะ”

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

คนของตระกูลเขาก็สาบานว่าจะปกป้องดินแดนนี้ ทว่ายามนี้เขากลับไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว

ข้าถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของอีกฝ่ายจนเงียบไปครู่หนึ่ง

“บอกข้ามาเถิดฝ่าบาท ทำไมท่านถึงต้องลงแรงมายังดินแดนแห่งนี้ด้วย?”

มาร์คกราฟครอสจ้องมาที่ข้าและถามออกมาอย่างเย็นชา

“ทุกอย่างบนแผ่นดินนี้มันเหี่ยวเฉาไปหมดแล้ว ที่นี่ไม่มีความหวังหรืออนาคต”

“…”

“นี่คือคำแนะนำจากข้าผู้ที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตปกป้องสถานที่แห่งนี้ จงออกไปจากที่นี่เถิด รีบไปเสียก่อนที่ดินแดนแห่งคำสาปจะกลืนกินท่าน

สิ่งใดที่เข้ามาในชีวิตของชายชราคนนี้กัน?

อะไรทำให้เขาละทิ้งทุกสิ่งที่เขาอุทิศชีวิตให้ไป?

ข้าอยากจะถามเขาและฟังคำตอบของเขา แต่มาร์เกรฟครอสก็หันหลังกลับและโบกมืออย่างไม่ไยดี

“ท่านออกไปเถอะ ข้าเหนื่อยที่จะต้องพูดคุยอะไรกันต่อแล้ว”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกว่านี่เป็นจุดสิ้นสุดของการสนทนาของเราในวันนี้ ข้าค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง

“ข้าจะกลับมา มาร์คกราฟ”

“…”

“คราวหน้าข้าสัญญาว่าจะนำเครื่องเคียงที่ดีกว่านี้มาให้ด้วย”

มาร์คกราฟไม่ตอบสนองหรือหันมามองข้า

เขาเพียงแค่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่สวนผลไม้ของเขา

หลังจากเหลือบมองร่างของชายชรา ข้าก็ออกจากคฤหาสน์ของเขาไป

***

ขณะที่ข้าก้าวออกไปข้างนอก ลูคัสก็กำลังรออยู่ที่ม้า

“ฝ่าบาท ท่านเกลี้ยกล่อมเขาได้สำเร็จหรือไม่?”

“ไม่ ข้าล้มเหลว แต่ข้าได้รับของขวัญชิ้นหนึ่งมา”

ของขวัญที่ว่าเป็นผลไม้แห้งที่กินไม่ได้ แต่ของขวัญก็ถือว่าเป็นของขวัญใช่ไหม? นี่ไม่ใช่ก้าวสำคัญหรอกเหรอ?

ข้ายักไหล่และปีนขึ้นไปบนหลังม้า

“ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ในวันเดียวสักหน่อย”

“เพราะอย่างนั้นท่านจึงวางแผนที่จะมาพบเขาเรื่อยๆ สินะขอรับ”

“ถ้าข้าทำสำเร็จ ข้าจะได้รับทหารที่มีประสบการณ์ที่ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมาตลอดชีวิต หากแลกกับความพยายามที่ต้องใช้ไปก็ถือว่าคุ้มค่า”

ขณะที่ข้ากลับไปที่เมืองพร้อมกับลูคัส ก็ได้เกิดคำถามขึ้นในใจ

“จะว่าไปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสกัน? ดูเหมือนว่าเขาจะผ่านอะไรมามากมาย…ลูคัส เจ้ารู้อะไรถึงเบื้องลึกของเรื่องนี้บ้างไหม?”

“ไม่ขอรับ ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน…”

ลูคัสก็เหมือนข้าที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตของเขาในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ก่อนที่จะถูกเนรเทศมาทางใต้

เราไม่มีทางรู้สถานการณ์โดยละเอียดของสถานที่แห่งนี้ได้เลย

“ไอเดอร์บอกให้เรารับฟังมันเองจามาร์คกราฟ……เฮ้อ”

ดูเหมือนว่าไอเดอร์คงจะไม่บอกอะไรจริงๆ สินะ ให้ตายเถอะ ไอ้ผู้อำนวยการเกมบัดซบนี้

“เอาเถอะ เกลี้ยกล่อมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยามนี้เราต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้”

ต้องทำทุกสิ่งที่เราทำได้

ซ่อมแซมกำแพงเมือง เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม

ไม่ว่าข้าจะมีอะไรเหลืออยู่ในมือ สุดท้ายพวกสัตว์ประหลาดก็จะมาอยู่ดี ทั้งหมดที่ข้าทำได้คือฆ่าพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อมองออกไปยังเมืองที่ห่างไกล ข้าพึมพำกับตัวเองราวกับกำลังให้คำมั่นสัญญา

“กลับไปครอสโรดกันเถอะ มีหลายอย่างที่ต้องทำอีก”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด