ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 111
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 113

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 112


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 112

“หึ”

คูเบรัดยิ้มอย่างอารมณ์ดี เขามองที่แผ่นหลังของราอนที่กำลังมองหาดาบ

'โลกไม่เคยหยุดนิ่งเลย’

ในฐานะช่างตีเหล็ก เขาเคยได้พบกับนักรบเก่งๆ มากมาย ตั้งแต่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ไปจนถึงคนที่เหมือนไม่มีอยู่จริงที่สามารถทำให้ตระกูลของตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกได้

ทุกๆ คนทำให้เขาประทับใจแบบไม่รู้ลืม แต่เด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างออกไป

'ไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง’

ความกล้าหาญที่เขามีนั้นก็น่าทึ่ง แต่นั่นอาจจะพอหาได้ในทวีปนี้บ้าง

แต่ว่าจิตวิญญาณของเขาต่างออกไป

เช่นเดียวกับช่างตีเหล็กที่ทำดาบด้วยการใช้ค้อน เขาลับดาบของเขาด้วยการขัดเกลาจิตใจ

มันเป็นภาวะที่ยอดเยี่ยมที่สามารถทำให้ดาบและร่างกายรวมกันได้ภายในระยะเวลาไม่นาน และจะสามารถเข้าถึงจิตใจของดาบได้ในภายหลัง

'นั่นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อได้ระดับเชี่ยวชาญพิเศษแล้วเท่านั้น...'

ความกล้าหาญราอนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับผู้เชี่ยวชาญ จิตใจของเขาผ่านกำแพงจำนวนนับไม่ถ้วนมาแล้ว

“ชื่อของซีกฮาร์ทจะดังก้องไปทั่วโลกอีกครั้ง”

คูเบรัดพึมพำว่าเขาอยากเห็นโลกที่น่าสนใจแบบนั้นและดื่มเหล้าต่ออย่างกระหาย เหล้าราคาถูกมีรสหวานได้เพราะลูกค้าที่น่าสนใจของเขา

วืด!

เมื่อได้ยินเสียงสั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน เขาก็วางขวดลงแล้วเงยหน้าขึ้น

“หือ?”

กริชสีแดงบนโต๊ะกำลังคร่ำครวญ และราอนก็ยื่นมือไปทางนั้น

"ด-เดี๋ยว!"

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกริชที่เขาทิ้งไว้ตรงมุมห้องถึงไปอยู่ที่นั่น

"หยุดก่อน!"

เขาตะโกนอย่างเร่งรีบ แต่กริชสีแดงก็อยู่ในมือของราอนแล้ว

“บ้าเอ๊ย!”

“อั่ก!”

จู่ๆ คูเบรัดก็ลุกขึ้นยืนแล้วลากดอเรียนที่กำลังตกตะลึงรุดถอยหลังอย่างรวดเร็ว

“ค-คุณทำอะไรเนี่ย? ผมจะเอาแค่อันเดียวไม่ได้จะแอบหยิบไปสองอันจริงๆ นะ....”

"เห็นนั่นไหม?”

“ห๊ะ หือ? กริชอันนั้นคืออะไร? ทำไมพลังงานถึง…”

ดอเรียนกลืนน้ำลาย แสงสีแดงแปลกๆ คุกรุ่นขึ้นมาจากกริชที่ราอนถืออยู่

“มันเป็นกริชที่ถูกสิง”

“ก-กริชผีสิงเหรอ?”

กริชที่ถูกสิงนั้นเป็นกริชที่พิสดารและมีเล่ห์เหลี่ยม พวกมันเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย มันมีแต่อารมณ์ด้านลบและจะพยายามเข้าครอบงำผู้ที่ครอบครองมัน

“บ้าเอ๊ย”

คูเบรัดกัดริมฝีปากของเขา คนที่กำลังถือมันอยู่เป็นเพียงเด็กที่จิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ เขาจะถูกพลังงานอันน่าสยดสยองในกริชเข้าครอบงำได้อย่างง่ายๆ เลย

“เราต้องหยุดเขาก่อนที่พลังงานบ้านั่นจะไปถึงสมองของเขา! ไอ้เด็กขี้ขลาด! ชักดาบออกมาสิ!”

“เอ่อ…”

เขาหยิบค้อนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาและบอกให้ดอเรียนเตรียมสู้ แต่ดอเรียนเพียงแค่เอียงหัวมองโดยไม่ชักดาบออกมา

"ทำบ้าอะไรอยู่? มันจะเป็นเรื่องถ้าเราไม่หยุดเขาไม่ท…”

"เราไม่ต้องไปหยุดเขาหรอกครับ คุณชายจัดการได้ตลอดนั่นแหละ”

"หา? แต่พลังงานน่ากลัวนั่นกำลังไหลไปที่…ฮะ?”

คูเบรัดอ้าปากค้าง เป็นเรื่องจริงที่พลังงานอันน่าสยดสยองล้นออกมาจากกริช

แต่พลังงานอันน่าสยดสยองนั้นก็อยู่แค่รอบๆ กริชเท่านั้น มันไม่สามารถเข้าใกล้ราอนได้

โฮฮฮ!

ดาบที่ถูกสิงส่งเสียงคร่ำครวญอีกครั้ง มันฟังดูเหมือนเสียงสุนัขเห่าเมื่อโดนจับใส่สายจูง

"เธอเป็นไรไหม?”

ราอนเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาไม่ได้โดนครอบงำโดยพลังงานอันน่าสยดสยองนั่น ดวงตาสีแดงที่ชัดเจนของเขายังดูดีอย่างสมบูรณ์แบบ

"ผมไม่เป็นไรครับ แต่กริชนี่ดูไม่ใช่อาวุธธรรมดา”

“ฮะ...”

คูเบรัดอ้าปากค้าง

"จริงๆ แล้วเธอเป็นใครกันเนี่ย?!"

* * *

กล้าดียังไง—

เสียงที่จริงจังของราธเยือกเย็นจนน่ากลัว

—แมลงที่อ่อนแอพยายามแย่งร่างกายของราชาแห่งแก่นแท้

ความโกรธของมันออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความเยือกเย็นสีน้ำเงินเดือดพล่านและโจมตีพลังงานอันน่าสยดสยองของกริชอย่างไร้ความปราณี

กรีซซ!

กริชกรีดร้องเมื่อถูกบีบอัดด้วยความเยือกเย็นของราธ

ข้าจะทำให้แกแหลกสลายเป็นชิ้นๆ

ราธแบ่งความเย็นของมันออกเป็นเส้นบางๆ แล้วค่อยๆ เจาะเข้าไปในกริช ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามจะฆ่ากริชด้วยตัวเอง

'หยุด'

หา?

'หยุดเดี๋ยวนี้'

ทำไม? มันพยายามจะแย่งอาหารไปจากราชาแห่งแก่นแท้! เจ้าเกือบจะถูกกลืนกินด้วยพลังอันน่าสยดสยองของมันถ้าไม่ใช่เพราะราชาแห่งแก่นแท้

'ฉันไม่ใช่อาหารของแกและฉันไม่มีทางถูกกลืนด้วยกริชแบบนี้แน่'

เจ้ากำลังประเมินพลังงานอันน่าสยดสยองต่ำไป เป็นเรื่องจริงที่ระดับของมันเทียบไม่ได้กับปลายนิ้วของราชาแก่นแท้ แต่สำหรับมนุษย์ธรรมดานั้น...

'แกยังฝ่าการป้องกันของฉันเข้ามาไม่ได้เลย แล้วคิดว่ามันจะทำได้เหรอ?'

เอ่อ...

ความโกรธของราธหยุดลงทันที มันหยุดนิ่ง พูดไม่ออก และอ้าปากกว้าง

'ถูกไหมล่ะ? เพราะงั้นก็ปล่อยมันไปเถอะ'

น-นั่นมันแรงมากนะ... เจ้าจะไม่ได้ตายอย่างสงบแน่ ราชาแห่งแก่นแท้จะเคี้ยวเจ้าจนละเอียดและแทะกระดูกเจ้าไปอีกนับพันปี...

"มันคืออะไรเหรอครับ?”

ฟังข้า!

ราอนเมินเฉยต่อราธซึ่งเริ่มพูดมากเกินไป และเดินไปหาคูเบรัด

“ม-มัน…”

คูเบรัดมองไปมาระหว่างกริชกับราอนด้วยสายตาตกตะลึง จากนั้นจึงถอนหายใจ

"มันเป็นความล้มเหลวที่ฉันสร้างขึ้นมา มันเป็นกริชที่ถูกสิงเหมือนอย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้”

“กริชที่ถูกสิงนี่เอง มิน่าผมสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าสยดสยองจากมัน”

“ไม่ใช่แค่สัมผัสได้ มันพยายามกลืนกินเธออยู่ตอนนี้”

“ผมจัดการได้”

“อ่า….”

ราอนเพียงแต่พูดความจริง แต่คูเบรัดถอนหายใจอย่างหดหู่ใจ

“กริชที่ถูกสิงนั้นเป็นกริชที่มีพลังอันน่าสยดสยอง พูดง่ายๆ ก็คือพวกมันคือกริชที่สร้างขึ้นโดยการรวมเอาอารมณ์ด้านลบของผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ภายในกริชมีแต่...”

คูเบรัดกัดริมฝีปากแล้วพูดต่อ

"ความแค้น และมันเป็นความแค้นที่ยึดติดเอามากๆ”

"อธิบายอีกได้ไหมครับ?”

"นั่งลงก่อนสิ”

คูเบรัดชี้ไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ ราอนพยักหน้าแล้วนั่งลง

“ผ-ผมขอฟังด้วยได้ไหม?”

ดอเรียนหยิบเก้าอี้พับนุ่มๆ ออกจากกระเป๋าหน้าท้องของเขาแล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้

* * *

* * *

“มีหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อไซเรนอยู่ทางทิศใต้ ชาวบ้านที่นั่นเป็นคนดีมาก พวกเขาปฏิบัติต่อต้นไม้ชื่อโอเธลโลเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์”

ราอนรู้จักหมู่บ้านนั้น มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากอาณาเขตของตระกูลโรเบิร์ตเล็กน้อย ชาวบ้านที่นั่นมีนิสัยดี เขาใช้ที่นั่นเป็นทางหลบหนีอยู่บางครั้งเพราะพวกเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องของเขาเท่าไหร่

“ผู้นับถือลัทธิโลหิตขาวได้เข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนั้น”

"ลัทธิโลหิตขาว..."

ราอนหรี่ตาลง

'ไอ้สารเลวพวกนั้น…'

ลัทธิโลหิตขาวเป็นกลุ่มลัทธิขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้าปีศาจ เช่นเดียวกับอีเดนและสหพันธ์เหนือ-ใต้

พวกมันเป็นคนคลั่งที่โจมตีทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกตามหลักคำสอนข้อแรกของลัทธิ ที่กล่าวว่าจงทำให้โลกใบนี้กลายเป็นสีขาวด้วยเลือด

“แล้วหมู่บ้านไซเรน…”

"ไม่มีผู้รอดชีวิตเลย ชาวบ้านครึ่งหนึ่งเสียชีวิตที่หมู่บ้านส่วนอีกครึ่งหนึ่งถูกพาตัวไป พวกมันโค่นและเอาต้นโอเธลโลซึ่งเป็นจิตวิญญาณของชาวบ้านไปด้วย ทิ้งไว้เพียงเลือดสีขาว”

ผู้คนที่โดนโจมตีจากลัทธิโลหิตขาวจะหลั่งเลือดออกมาเป็นสีขาว มันเป็นเพราะเวทมนตร์บางอย่างของพวกมัน

“ฉันทำกริชเล่มนั้นโดยใช้ชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ฉันมีกับกิ่งของโอเธลโลที่หลงเหลืออยู่ที่หมู่บ้าน”

คูเบรัดมองดูกริชที่ราอนถืออยู่ด้วยสายตาที่วูบไหว

"คุณทำมันเหรอ?”

"ใช่ ฉันแค่จะทำมันไว้เป็นอนุสรณ์ แต่ก็.."

คูเบรัดกุมขมับและขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

“กริชสีขาวถูกย้อมเป็นสีแดงทันทีที่ฉันทำเสร็จ มันตรงกันข้ามกับความตั้งใจของฉันเลย มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของชาวบ้านที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้”

"อย่างนี้นี่เอง"

ราอนพยักหน้า อย่างที่เขาพูด กริชเล่มนี้มีพลังอันน่าสยดสยองจำนวนมหาศาล หากคนอื่นถือมันไว้พวกเขาคงจะถูกครอบงำและเหวี่ยงมันไปหาคนรอบๆ แทน

“มีคำพูดที่ว่า คนดีๆ จะน่ากลัวที่สุดก็ตอนโกรธ แต่ฉันไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ แม้แต่คนเก่งๆ ก็ไม่สามารถจัดการพลังอันน่าสยดสยองนี้ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บมันไว้กับตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าเธอแตะมันได้ยังไงเหมือนกัน”

“อืม…”

เขาดึงกริชออกจากปลอกและจะมองไปที่มัน ใบกริชถูกย้อมด้วยสีแดงเช่นเดียวกับปลอกและด้าม—ราวกับว่ามันพยายามจดจำความแค้นในวันนั้น

วืด!

กริชสีแดงสั่นไหวและกระจายพลังงานอันน่าสยดสยองออกมา พลังงานที่คืบคลานอยู่บนมือของเขานั้นน่าสยดสยองและชั่วร้ายยิ่งกว่าตอนที่มันอยู่ในปลอก

แคร้ง!

ราอนใช้วงแหวนแห่งไฟ วงแหวนทั้งห้าที่หมุนรอบหัวใจของเขาสะท้อนซึ่งกันและกันเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง

กรีซซ!

มันเริ่มกรีดร้องเมื่อเจอระดับของเขา

"ฮะ! จริงดิ?"

ดวงตาของคูเบรัดสั่นไหวราวกับเรือเล็กในมหาสมุทร

'น่าตกใจจริงๆ’

เขาคิดว่าเขาได้รู้ตัวตนของราอนมามากพอแล้ว แต่เขากลับแสดงอีกด้านหนึ่งของตัวเองออกมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่ได้เป็นนักดาบเต็มตัว

“ดาบที่ฉันสร้างขึ้นเพื่อปลอบประโลมวิญญาณนั้นต้องการการแก้แค้น นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันไม่สามารถใช้เป็นอนุสรณ์ได้ ฉันพยายามปิดผนึกมันแล้วแต่ไม่คิดว่าจะ...”

“คุณบอกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาถูกพาตัวไปไม่ใช่เหรอ?”

"ใช่ ลัทธิโลหิตขาวมักจะฆ่าครึ่งหนึ่งและพาตัวไปอีกครึ่งหนึ่ง ฉันเจอชาวบ้านเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นศพ”

ราอนหลับตาลงหลังจากมองกริชที่ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า

เขาเองก็ถูกคนของโรเบิร์ตลักพาตัวไปในช่วงวัยเด็ก ซึ่งเขาจำมันแทบไม่ได้แล้ว

แต่ชาวบ้านไม่ได้ถูกลักพาตัวไปอย่างเดียวแต่ยังถูกฆ่าด้วย ความโกรธแค้นของพวกเขาคงเลวร้ายยิ่งกว่าตัวราอนเองเสียอีก

วืด!

รู้สึกเหมือนกับว่ากริชกำลังเสียดแทงหัวใจของเขาด้วยกระจกหยาบๆ

"ฉัน..."

ราอนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและจ้องมองไปที่กริช

“...ฉันยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะจัดการเรื่องนี้ให้ ดังนั้นฉันจึงช่วยแก้แค้นให้แกไม่ได้จริงๆ แต่หากฉันได้เจอกับพวกลัทธิโลหิตขาวฉันก็จะทำให้ความปรารถนาของแกเป็นจริงทันที”

เสียงร้องไห้ของกริชเริ่มเงียบลง

“แกเต็มใจที่จะไปกับฉันไหม?”

กริชหยุดร้องไห้ ดูเหมือนว่ามันกำลังตัดสินใจอยู่

วืด!

การสั่นสะเทือนที่ใหญ่ที่สุดดังก้องมาจากกริช พลังงานอันน่าสยดสยองก็ไหลออกมาเช่นกันแต่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายอีกต่อไป

แคร้ง!

มันสะท้อนกับ 'วงแหวนแห่งไฟ' ที่กำลังหมุน ทำให้เกิดเสียงสะท้อนที่ชัดเจนของดาบ

"ส-เสียงสะท้อนของดาบ?”

คูเบรัดตกจากเก้าอี้เมื่อได้ยินเสียงสะท้อนของดาบจากกริชที่ราอนถืออยู่

"ผมเอาอันนี้แหละ”

ราอนยิ้มกว้างและเก็บกริชไว้ในปลอก

“ธ-เธอจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอ?”

"ไม่ได้เหรอครับ?”

"ฮ่าๆ! นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดอย่างมั่นใจ”

คูเบรัดมีสีหน้าพึงพอใจและสดชื่น

เมื่อครู่นี้เจ้าว่าไงนะ? เจ้าบอกว่าเจ้าจะเอามันไปด้วยงั้นเหรอ?

‘อืม'

แต่มันเป็นปรสิต! เจ้ากล้าเก็บปรสิตที่มีเป้าหมายเป็นข้าวของของราชาแก่นแท้ได้อย่างไร? เจ้าเสียสติไปแล้วเหรอ?

'ปรสิตน่าจะเป็น..'

ราอนทำให้ราธมีหน้าตาบูดบึ้ง

อะไร! ทำไมเจ้าถึงมองราชาแห่งแก่นแท้ด้วยสายตาเช่นนั้น?

'ฉันคิดว่าการมีปรสิตเพิ่มมาอีกตัวก็คงไม่เป็นไร'

อ-อีกตัว? เจ้า...ไม่มีทาง! เจ้าหมายถึงราชาแห่งแก่นแท้งั้นรึ?

'ก็คงเป็นงั้น แกก็มุ่งเป้ามาที่ร่างกายของฉันเหมือนกับกริชนั่นแหละ’

เจ้าบ้าไปแล้ว! ราชาแห่งแก่นแท้คือราชาแห่งความโกรธเกรี้ยวที่ครองพื้นที่ทางตอนเหนือของแดนปีศาจ...

'ไม่ มันไม่สำคัญว่าแกจะเป็นราชาหรืออะไรก็ตาม มันเป็นความจริงที่ว่าแกกำลังเกาะติดกับฉันเพราะแกล้มเหลวในการยึดร่างกายของฉัน

เกาะติด? ราชาแห่งแก่นแท้... อ้าก! ราอน ซีกฮาร์ท! เจ้าไม่ควรพูดทุกอย่างที่เจ้าคิด! นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้ารู้สึกอับอายมาก!

'ฉันมีปาก ฉันก็ต้องพูดสิ'

ราอนตัดสินใจที่จะเมินราที่ระเบิดความโกรธออกมา และหันหน้าไปทางคูเบรัด

"ชื่อของกริชนี้คืออะไรครับ?”

“ฉันไม่เคยตั้งชื่อมันเพราะฉันสร้างมันไว้เป็นอนุสรณ์”

“แล้วถ้าผมจะตั้งชื่อมันล่ะ?”

"มีความคิดดีๆ เหรอ?”

“ในเมื่อช่างตีเหล็กต้องการปลอบประโลมชาวบ้าน, เรควีเอ็ม, ผมอยากจะตั้งชื่อมันว่ากริชแห่งเรควีเอ็ม”

"กริชแห่งเรควีเอ็มที่ปล่อยพลังงานอันน่าสยดสยอง เอ่อ นั่นค่อนข้างขัดๆ กัน”

เขาหัวเราะและลุกขึ้นยืน

"เอาไปได้เลย แต่เธอต้องรักษาคำพูดของตัวเองด้วยนะ”

"ครับ ผมจะปะทะกับห้าปีศาจต่อไปตราบใดที่ผมใช้ชื่อของซีกฮาร์ท”

"ว้าว กริชที่ถูกผีสิง คุณชายได้กริชที่ถูกสิง..."

ดอเรียนกำลังกินขนมและมองเขาแปลกๆ

“ขอบคุณครับ”

ราอนห้อยกริชแห่งเรควีเอ็มบนเอวและโค้งคำนับให้คูเบรัด

"ทำอะไร?"

"ครับ?"

"ไปเลือกดาบสิ”

"แต่ผม..."

"ฉันบอกว่าจะให้ดาบ ไม่ใช่กริช”

“อ๊ะ…”

ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะมอบดาบอีกเล่มให้เขา

“จะให้ดาบอีกจริงๆ เหรอครับ?”

"แค่อย่าพ่ายแพ้ สิ่งที่ช่างตีเหล็กต้องการจากนักดาบมีเพียงสิ่งนั้น”

คูเบรัดหยิบดาบที่ราอนหยิบมาดูก่อนหน้านี้ให้

“สักวันฉันจะไปที่ซีกฮาร์ทเพื่อพบกับวัลแคน ดังนั้นอย่าให้การต้อนรับแบบเย็นชากับฉันนะ”

"แน่นอนสิครับ ครอบครัวของผมทำอาหารเก่งมาก ผมจะดูแลคุณอย่างดีอย่างแน่นอน”

“ฉันจะตั้งตารอ”

“ผมจะไม่ลืมความใจดีของคุณเลย ขอบคุณครับ”

"ไม่เป็นไรๆ"

รอยยิ้มของพวกเขาอบอุ่นราวกับแสงแดดที่สาดส่องภายในตรอก

"ถ้างั้นผมต้องขอลา..."

ราอนโค้งคำนับแล้วหันหลังให้ช่างตีเหล็ก เมื่อเขากำลังจะออกจากตรอก เสียงของดอเรียนก็ดังออกมาจากด้านใน

"แต่ผมยังเลือกไม่เสร็จเลยนะ!”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด