ตอนที่แล้วตอนที่ 24 เตาหลอมม่วงจิ๋ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 สายเทพ

ตอนที่ 25 วิชาหลอมโอสถ


“หืม? นายน้อยเอาเตาหลอมจิ๋วนี่มาจากไหน? ทำไมถึงมีควันออกมาเองล่ะ?”

หลิวรั่วถามด้วยความแปลกใจ

“ฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรหรอก มากินกันเถอะ”

เสี่ยวเฉินยิ้ม เขาคีบผักด้วยตะเกียบใส่ชามของนาง

ถึงยามบ่าย เสี่ยวเฉินล้างเตาหลอมจิ๋วจนสะอาด เขาวางมันบนโต๊ะและมองมันอยู่นาน ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาลองเผา ทุบมันด้วยหิน และกระทั่งฟันด้วยกระบี่ไร้มลทิน แต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เตาหลอมเสียหายไได้เลย เขาไม่รู้ว่ามันทำมาจากวัตถุดิบอะไร มันดูเหมือนกับไม้แต่กลับแข็งแรงอย่างสุดยอด

ตอนนี้เขาต้องการเตาหลอมเพื่อหลอมโอสถอยู่พอดี เขาส่ายหน้ายิ้ม

“ข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าเตาหลอมไม้วิเศษ”

แม้ว่าศาสตร์การหลอมโอสถของเขาจะไม่ได้สูงส่งอย่างค่ายกล แต่วิชาหลอมโอสถของเขานั้นไม่เลวเลย เขาหยิบสมุนไพรที่เก็บมาจากภูเขาระหว่างการสอบเมื่อหลายวันก่อนมาและแบ่งมันเป็นหลายชุด

หนึ่งชั่วยามต่อมา โอสถถูกหลอม เขาเปิดฝาให้กลิ่นโอสถกระจายคลุ้งห้อง

เสี่ยวเฉินดีใจราวกับได้เจอสมบัติล้ำค่าที่สุด วัตถุดิบพิเศษของเตาหลอมไม้วิเศษทำให้สัมผัสเทพของเขาทะลวงเตาหลอมเพื่อควบคุมระยะเวลาและความร้อนได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้เวลาในการหลอมโอลถน้อยกว่าเดิมอย่างมาก เขาได้เจอกับสมบัติชั้นดีของจริง

โอสถที่ถูกหลอมนั้นชื่อโอสถพลัง เป็นโอสถที่ใช้เพื่อฟื้นพลังปราณ เขาสังเกตเห็นปัญหาในการต่อสู้กับหมียักษ์เมื่อไม่กี่วันก่อน พลังปราณของเขามักจะไม่เพียงพออยู่เสมอ

เขามีพลังบ่มเพาะเพียงแค่ขอบเขตชำระปราณขั้นหนึ่ง ดังนั้นแหล่งกักเก็บพลังปราณของเขาจึงไม่ใหญ่พอ แต่มันกลับใช้พลังปราณที่นับว่ามากในการใช้ฝ่ามือมังกรคำราม ในการต่อสู่พลังปราณของเขาจะหมดหลังจากใช้ฝ่ามือมังกรคำรามไปหลายกระบวนท่า

แต่เขายังรู้ว่าโอสถพลังนั้นจะไม่แก้ปัญหาของเขาที่ต้นเหตุ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเพิ่มพลังบ่มเพาะให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีทางเอาชนะได้แม้กระทั่งเย่เฉาจง ไม่ต้องพูดถึงม่อหยูที่เป็นขั้นเก้า

ใกล้พลบค่ำแล้ว ผู้เฒ่าอู๋ยังคงมองถุงสมุนไพรโอสถสามถุงใหญ่ ในขณะนั้นเอง ผู้เฒ่าซงกับผู้เฒ่าหลิวได้กลับมาในที่สุด ผู้เฒ่าอู๋ลุกขึ้นขึ้นเสียงทันที

“ทำไมพวกเจ้าถึงกลับมาช้านัก?”

ผู้เฒ่าหลิวฝืนยิ้ม

“ข้ามีเรื่องระหว่างทางน่ะ”

จากนั้นเขาจึงสังเกตเห็นสามถุงใหญ่บนโต๊ะและอุทาน

“นั่นมันอะไรน่ะ?”

ผู้เฒ่าอู๋ถอนหายใจยาว

“เจ้าไม่รู้หรือ การประลองกระบี่เก้าเขตกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ผู้เฒ่าห้องโอสถอยากจะได้โอสถเสริมพลังมากกว่าเดิม เขาบอกว่าเราต้องหลอมวัตถุดิบให้หมดในสิ้นเดือน”

“เหลืออีกแค่ 20 วันเองนะ เวลาไม่พอหรอก!”

ผู้เฒ่าซงรีบพูด

“แล้วอย่างไรเล่า? ผู้เฒ่าห้องโอสถเป็นนักหลอมโอสถอันดับสอง ต่อให้เป็นผู้เฒ่าหลักทั้งห้าก็ไม่กล้ายุ่งย่ามกับเขา เจ้าคิดจะทำอะไร? คืนวัตถุดิบสามถุงนี้ให้ยอดเขามังกรดำรึ?”

ผู้เฒ่าอู๋กลอกตา

“ให้ตายเถอะ พวกเราไม่ได้พักด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาก็จ่ายศิลาจิตไม่พอในทุกเดือนด้วย เอายังไงต่อล่ะ? ให้ศิษย์ทำไหม?”

“เจ้าล้อเล่นรึ? ถ้าหากพวกเขาหลอมโอสถล้มเหลว ชายแก่อย่างเราสามคนมีหวังได้อยู่ในยอดเขาตะวันลับไปตลอดชีวิตแน่!”

“บัดซบ…”

สามผู้เฒ่าถอนหายใจพร้อมกัน

วันต่อมาก่อนรุ่งสาง เสี่ยวเฉินนั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นคนทีเขมาหิมะและกำลังใช้เคล็ดบ่มเพาะดูดซับพลังปราณจากฟ้าดิน เป็นเพราะพลังปราณที่หนาแน่นทำให้วิชาบ่มเพาะครามพิสดารทำงานได้อย่างดีในระดับหนึ่ง ถ้าหากเขาเป็นเรือ บ้านเขาคงเป็นดึ่งบึงเล็ก มันแบกรับตัวเอาได้ แต่มิอาจทำให้เขาแล่นออกไปได้

เมื่อเขาตั้งสมาธิกับการบ่มเพาะพลังนั้นเอง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก สวนแห่งนี้ค่อนข้างห่างไกล ทำไมถึงมีคนมาก่อนรุ่งสางได้? เขาตั้งใจฟังและแอบได้ยินเสียงคนสองสามคนคุยกัน

“เจ้าได้ยินหรือไม่? นิกายวายุนภาได้รับศิษย์หกเส้นปราณไป นางชื่อหวงฟูชิงอะไรซักอย่าง”

“เจ้าแน่ใจรึ? หกเส้นปราณ? เป็นไปได้รึ?”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? เจ้านิกายเทียนกู้สีให้นางแต่งงานกับชิ่นฉิวศิษย์คนแรกของเขา ได้ยินว่าพวกเขาจะแต่งงานหลังจากงานประลองกระบี่เก้าเขตจบลง พวกเขาจะเชิญทุกนิกายไปร่วมงานแต่งงานใหญ่เพื่อแสดงพลังอำนาจ”

“แบบนั้นก็ดูดีใช้ได้ ชิ่นฉิวเป็นขอบเขตตั้งฐานแล้ว ในงานประลองกระบี่เก้าเขตคราวที่แล้วไม่มีใครจากนิกายเก้าเมฆาหรือนิกายกระบี่คลื่นเย็นที่เอาชนะเขาได้ ข้าคิดว่าม่อหยูทำอะไรเขาไม่ได้เลย ม่อหยูก็ทำได้แค่อวดเก่งต่อหน้าพวกเรา”

“เอาล่ะเอาล่ะ หยุดคุยกันแล้วกลับไปก่อนที่ผู้เฒ่าจะรู้ว่าเราหายไปเถอะ”

เมื่อฝีเท้าจากหายไป เสี่ยวเฉินกำหมัดแน่นจนนิ้วลั่น เขาซัดหมัดใส่ต้นไม้ กลีบดอกร่วงหล่นสู่พื้น

“นิกายวายุนภา…ชิ่นฉิว…”

เมื่อถึงรุ่งสาง เสี่ยวเฉินถือกระบี่หักในห้อง นี่เป็นกระบี่เล่มที่ชิ่นฉิวทำหักในตระกูลเสี่ยว กระบี่เขียวฟ้า

ดวงอาทิตย์ขึ้นฟ้าในไม่นาน เขาเดินออกไปด้านนอกและเห็นว่าแสงแดดค่อนข้างสว่างจ้า น้ำค้างบนใบหญ้าเปล่งแสงประกาย

และยังมีรอบมือที่เขาทิ้งไว้บนต้นไม้

“นายน้อยตื่นเร็วจังเลย”

ประตูเปิดออก หลิวรั่วเดินออกมา นางหายใจรับอากาศสดชื่นบนภูเขา

เสี่ยวเฉินพยักหน้ายิ้ม

“วันนี้ข้าต้องเข้าเรียน ข้าต้องไปก่อน แล้วเจอกัน”

“รีบกลับมาตอนเที่ยงนะนายน้อย”

ระหว่างทาง เขาได้เจอกับสามองค์ชายและเห็นว่าพวกเขาดูไร้ชีวิตชีวาและขอบตาดำ พวกเขาเหมือนกับอดหลับอดนอนกันมา

“อายุแค่นี้แล้วทำไมถึงได้หมดอาลัยตายอยากนัก? เมื่อคืนพวกเจ้าไปทำอะไรมา?”

องค์ชายจ้าวยิ้มด้วยความทุกข์

“พวกข้าจะไปทำอะไรได้ล่ะ? พวกข้ากินแค่ปี่แปะทอด เมื่อคืนพวกข้าเข้าห้องน้ำกันทั้งคืนเลย…”

“วันนี้พวกเราต้องกินไอ้นั่นอีกรึ?”

องค์ชายฉีถามด้วยเสียงอ่อนแรง

“ใช่ ต่อให้กินไปมากกว่านี้พวกเราก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว ผู้บ่มเพาะพลังต้องกินอาหารให้ได้ทั้งหมดและย่อยของประหลาด ๆ เข้าไป…”

เสี่ยวเฉินส่ายหน้า ถ้ามีหลิวรั่วอยู่เขาก็ไม่ต้องกลัวเรื่องอาหารการกิน

ยอดเขาตะวันลับมีการสอนศิลปศาสตร์ในวันนี้ ห้องเรียนเป็นโถงใหญ่ที่ไม่ไกลจากโรงอาหาร มันดูค่อนข้างยิ่งใหญ่ เมื่อศิษย์หลายสิบคนเริ่มนั่งก็มีผู้เฒ่าชุดเขียวกับเด็กอีกสองคนเดินตามหลังมา เด็กคนหนึ่งคือสมุดกองหนาส่วนอีกคนถือห่อของ

ผู้เฒ่าชุดเขียวเดินมาที่ด้านหน้าโถง เขาปราดตามองนับจำนวนคนและรับสมุดจากเด็กทางซ้าย

“เรียกข้าว่าผู้เฒ่าซง มาเริ่มเรียนครั้งแรกกันได้ ข้าจะสอนเรื่องกฎของนิกายสามพิสุทธิ์”

เขาเลียนิ้วพร้อมกับเปิดสมุดในมือ

“กฎข้อแรก ให้เกียรติอาจารย์และเคารพการสอน อย่าได้คดโกงหรือสังหาหรอาจารย์ กฎข้อที่สอง จงรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี และอย่าได้ข้องเกี่ยวกับศิษย์นิกายชั่วร้าย กฎข้อสาม เคารพและรักศิษย์ร่วมนิกาย อย่าได้ต่อสู้และรังแก…”

สุดท้ายเหล่าศิษย์ล้วนง่วงนอนหลังจากการบรรยายครึ่งชั่วยาม สุดท้ายผู้เฒ่าซงต้องกระแอมเสียงดังเพื่อปลุกศิษย์สามคนที่หลับไปแล้ว

“ปี่…ปี่แปะทอด!”

องค์ชายจ้าวเงยหน้าขึ้นมาและขยี้ตา เขามองนอกหน้าต่าง

“เรา…เลิกเรียนแล้วรึ?”

เหล่าศิษย์รอบ ๆ หัวเราะ ผู้เฒ่าซงเดินไปหาเขาและโยนสมุดบนโต๊ะ

“สหายน้อย อ่านออกเสียงที่ข้าบรรยายไปซิ!”

“ย่อมได้…”

องค์ชายจ้าวลุกขึ้นและเห็นสหายสองคนกระพริบตาให้เขา เขากระแอม

“ข้อแรก แยกแยะชั่วดี ไม่ต่อสู้หรือรังแกอาจารย์…”

ทั้งห้องระเบิดเสียงหัวเราะ

“อย่าหัวเราะ!”

ผู้เฒ่าซงจ้องคนอื่นและโมโห

“พวกเจ้าสามคน กลับไปลอกกฎนิกายมา 100 ครั้ง ส่งให้ข้าพรุ่งนี้เช้า”

จากนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่ด้านหน้าด้วยความโกรธ

จนถึงตอนนี้ ผู้เฒ่าชุดแดงได้เดินเข้ามาหน้าโถงมือเปล่า ในเวลานั้น เขาขยับดัชนีเพื่อสร้างเตาหลอมโบราณขนาดเท่าฝ่ามือและของเล็ก ๆ หลายชิ้นบนโต๊ะ

ทุกคนตาลุกวาว มันน่าสนใจที่สิ่งของหลายอย่างปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าราวกับพลังวิเศษมากกว่าการบรรยายกฎนิกายที่ไร้เรื่องน่าตื่นเต้น

เสี่ยวเฉินตกใจเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกัน? หลังจากผู้บ่มเพาะพลังถึงขอบเขตก่อวิญญาณแล้วจึงจะสร้างวิญญาณตำหนักม่วงขึ้นได้ วิญญาณตำหนักม่วงที่เล็กกว่าจะใช้เก็บของได้ และที่ใหญ่กว่านั้นจะใช้จับศัตรูหรือซ่อนตัวจากศัตรูได้ชั่วคราว ผู้บ่มเพาะพลังบางคนถึงกับบ่มเพาะวิญญาณตำหนักม่วงให้เป็นพื้นที่ในร่างกายตัวเอง แต่ผู้เฒ่าคนนี้ยังไม่ถึงขอบเขตก่อวิญญาณด้วยซ้ำ

ผู้เฒ่าชุดแดงกระแอม

“เรียกข้าว่าผู้เฒ่าหลิว วิชาหลอมโอสถนิกายบ่มเพาะพลังนั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคน ตอนนี้ข้าจะบอกอะไรให้”

เขาพูดเรื่องทฤษฎีอันล้ำลึกและหยิบเตาหลอมขึ้นมา

“อย่างที่เจ้าเห็น มันเป็นแค่เตาหลอมเล็กธรรมดา ๆ แต่ความลับของฟ้าดินนั้นซ่อนอยู่ภายในนี้ ตอนนี้ข้าจะแสดงการหลอมโอสถให้ดู”

หลังพูดจบแล้วเขาก็โยนเตาหลอมขึ้นและหยุดมันไว้ที่กลางอากาศ เหล่าศิษย์ตกตะลึงเมื่อได้เห็น นี่คือการควบคุมวัตถุของเหล่าเซียน

“คนธรรมดาต้องใช้ไฟในการหลอมโอสถ แต่ผู้บ่มเพาะพลังนั้นเราจะใช้พลังของเรา”

ผู้เฒ่าหลิวส่งวัตถุดิบโอสถและแร่ธาตุลงไปในเตาหลอมขณะที่พูด เขาปล่อยพลังผ่านแขนและควันขาวก็เริ่มลอยขึ้นมาจากเตาหลอม เขาควบคุมระยะเวลาและความร้อนขณะที่แนะนำวิชาหลอมโอสถให้ เพราะมิเช่นนั้นความผิดพลาดเล็กน้อยจะทำให้เตาหลอมไหม้และทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าศิษย์ใหม่

ครึ่งชั่วยามต่อมา หน้าผากของเขามีเหงื่อไหลออกมาเป็นอย่างมาก เหล่าศิษย์นั้นมองอย่างตั้งใจ ครึ่งชั่วโมงต่อมาเตาหลอมก็เริ่มปล่อยกลิ่นหอมของโอสถออกมา

ผู้เฒ่าหลิวยิ้ม

“เสร็จแล้ว! เปิดฝา!”

เสี่ยวเฉินถอนหายใจอยู่ภายใน มันควรจะเป็นโอสถคุณภาพดี แต่ผู้เฒ่าคนนี้ไม่ใจเย็นพอและรีบในขั้นตอนสุดท้าย ผลที่ได้จึงเกิดกับความร้อนที่ไม่มากพอและทำให้ผลเสียเปล่า

โอสถที่หยาบแต่เป็นทรงกลมสีเทาขาวค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากเตาหลอม เหล่าศิษย์อุทานเมื่อได้เห็น มันน่าอัศจรรย์มาก สิ่งของที่โยนลงไปได้กลายเป็นเม็ดโอสถแล้ว

ผู้เฒ่าหลิวหยิบโอสถขึ้นมาและพูดด้วยรอยยิ้ม

“นี่คือโอสถชำระปราณพื้นฐาน เจ้าลองดมดู”

เขายื่นโอสถให้เด็กใกล้ ๆ

เด็กคนนั้นให้โอสถกับศิษย์ จากนั้นพวกเขาจึงส่งต่อให้ศิษย์คนอื่นเพื่อดูมันใกล้ ๆ ทุกคนได้มองมันและสุดท้ายเมื่อไปถึงมือองค์ชายจ้าว เขามองและถาม

“ข้ากินมันได้ไหม?”

เขาพร้อมที่จะโยนเข้าปากแล้ว

ผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าหลิวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ผู้เฒ่าหลิวพูด

“อย่านะ!”

องค์ชายจ้าวขมวดคิ้ว

“อะไรกัน? มันไม่ได้มีไว้กินรึ?”

เขาจะโยนโอสถเข้าปากอีกครั้ง

ผู้เฒ่าหลิวตะโกน

“เจ้ากินมันไม่ได้! มันมีไว้เพื่อการสาธิตเท่านั้น ข้าลัดหลายขั้นตอน เจ้ากินไปมันก็ไม่ดีกับตัวเจ้า คืนข้ามา”

“ข้าไม่กินก็ได้”

องค์ชายจ้าวคืนโอสถให้เด็ก

เสี่ยวเฉินส่ายหน้าและยิ้มในใจ มันยิ่งกว่าไร้ประโยชน์ในการกินโอสถเม็ดนี้ ปริมาณวัตถุดิบนั้นผิดเพี้ยนทั้งหมด การกินโอสถเข้าไปคงให้ผลเลวร้ายเสียยิ่งกว่ากินปี่แปะทอด

สองผู้เฒ่าแอบเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ผู้เฒ่าหลิวมองรอบ ๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม

“เอาล่ะ ข้าอยากให้พวกเจ้าคนหนึ่งมาทำให้ดูเป็นตัวอย่าง”

เหล่าศิษย์ก้มหน้า ใครกันจะไปมีความสามารถซับซ้อนและทำตามได้หลังจากดูเพียงครั้งเดียว?

ผู้เฒ่าหลิวขยับสายตาช้า ๆ ท่ามกลางผู้คนและเห็นว่าเสี่ยวเฉินมิได้กังวลเหมือนคนอื่น เขายิ้มเดินไปที่เสี่ยวเฉิน มองเสี่ยวเฉินและเด็กสาวใกล้ ๆ เขาพูดกับเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม

“เจ้ามาสาธิตให้คนอื่นดูได้หรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด