ตอนที่แล้วตอนที่ 19 หยูยี่เฟิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 ฟ้าลิขิต

ตอนที่ 20 ทดสอบเส้นปราณ


เสี่ยวเฉินเงยหน้าและพูดด้วยความดีใจ

“พี่ยี่เฟิง! เป็นพี่จริง ๆ ด้วย!”

“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่ สิบปีมาแล้วนะ เจ้าตัวสูงขนาดนี้ ท่านจางเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

ชายคนนั้นวางมือบนไหล่เขาและดูดีใจ

ผู้คนโดยรอบตกตะลึงเมื่อเห็นความสนิทสนมของพวกเขา ม่อหยูสีหน้าเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เขาทั้งไม่สบายใจและหวาดกลัว

มิตรภาพของพวกเขาเริ่มขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ชายคนนี้มีนามว่าหยูยี่เฟิงและอาจารย์ของเขานั้นเป็นสหายที่ดีกับเสี่ยวจางเฟิง ในวันเกิดของเสี่ยวจางเฟิงเมื่อสิบปีก่อน หยูยี่เฟิงบังเอิญมีธุระมาทำในโลกมนุษย์จึงได้เยี่ยมตระกูลเสี่ยวเพื่อยินดีในวันเกิดด้วย เสี่ยวเฉินได้เจอเขาตั้งแต่ตอนนั้น

หยูยี่เฟิงเป็นคนเก็บตัวไม่แผ่รังสีเซียนออกมาต่อหน้ามนุษย์โลก สิบปีก่อนเสี่ยวเฉินบอกไม่ได้เลยว่าพี่ยี่เฟิงนั้นเป็นผู้บ่มเพาะพลังหรือไม่ เขาไม่เคยคิดว่าพี่ยี่เฟิงจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่เค้าจะต้องตามหาในอีกหลายปีให้หลัง ส่วนเสี่ยวจางเฟิงนั้น มีเพียงคำเดียวที่อธิบายเขาได้…ไร้เทียมทาน

เสี่ยวหวังเอ๋อวิ่งมาหัวเราะเบา ๆ

“พี่ยี่เฟิง!”

หยูยี่เฟิงมองนางและถาม

“เจ้าคือ?”

เสี่ยวหวังเอ๋อหัวเราะเบา ๆ

“ข้าเป็นน้องของพี่เสี่ยวเฉินน่ะ”

ทุกคนอ้าปากค้างพลางคิด

“คนหนุนหลังพี่น้องคู่นี้แข็งแกร่งเกินไป! ด้วยความสัมพันธ์กับชายคนนี้ เขาจะต้องได้เป็นศิษย์หลักของผู้เฒ่าแน่นอน พวกเขามาสอบเพื่ออะไรกัน? มาเพื่ออวดเบ่งรึ?”

หยูยี่เฟิงพยักหน้ามองเสี่ยวเฉิน

“เฉินน้อย เจ้าทำได้”

จากนั้นเขาก็กระโดดกลับไปบนบันไดด้วยการแตะปลายเท้า เขามองชายชุดเขียวและขาว

“พวกเจ้าทำธุระต่อได้เลย ข้าจะไม่รบกวนแล้ว”

“ได้ครับ ได้ครับ ลาก่อนศิษย์พี่หยู”

ทั้งคู่ยังคงหวาดกลัว ในสายตาเขา ผู้ที่มาจากตำหนักม่วงถือเป็นเซียนที่แท้จริง ถ้าหากพวกเขามีโอกาสได้พูดคุย นั่นจะเป็นพรไปสิบปี

หลังยูยี่เฟิงไปแล้วศิษย์นิกายสามพิสุทธิ์ต่างโล่งใจ พวกเขามองเสี่ยวเฉินและอีกสองคนที่มากับเขาต่างออกไป

เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วแน่น ความจริงก็คือเขาไม่อยากจะเจอกับหยูยี่เฟิงในตอนนี้ เขาเข้าร่วมนิกายด้วยกำลังของตัวเองมิใช่เส้นสาย แต่ตอนนี้คนอื่นได้เห็นแล้ว นั่นจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้

ชายชุดเขียวและขาวเดินเข้ามากระแอม

“ทุกคน กลับไปอาบน้ำได้ พรุ่งนี้พวกเจ้าจะต้องทดสอบเส้นปราณและผู้เฒ่าจะตัดสินว่าใครจะอยู่ในนิกาย”

ไม่มีใครพูดคุยกัน หลายคนแอบมองเสี่ยวเฉินและคิด

“เขาได้คะแนนสูงสุดและมีความสามารถมากที่สุด เขาเข้านิกายได้แม้ไม่ต้องมีเส้นสาย แต่ยังไงก็ยังเหลือที่ว่างอีกสี่ที่”

จากนั้นผู้ที่เข้าสิบก็พักที่ห้องพักชั่วคราว มีเสียงคนรีบร้อนดังมาจากด้านหลัง

“นายน้อย! นายน้อย!”

เสี่ยวเฉินมองต้นเสียงและเจอหลิวรั่ว นางรีบวิ่งมาและถามพลางหอบหายใจ

“นายน้อยสอบผ่านไหม?”

เสี่ยวเฉินลูบผมเปียกเหงื่อของนางทัดไปที่หูและพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“ข้าผ่าน”

ห้องพักชั่วคราวตั้งอยู่ที่ข้างเขา ที่นั่นมีสวนเล็ก ๆ มากมาย หลังจากเสี่ยวเฉินอาบน้ำแล้ว เขาสวมชุดสดอาดและจมกายลงสู่เตียง วันที่ผ่านมานั้นกินแรงเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายเขาก็ได้พักเสียที

เขามองเพดานอยู่นาน ความกังวลเกิดขึ้นที่ระหว่างคิ้ว หลังจากพรุ่งนี้เขาจะต้องเข้านิกายสามพิสุทธิ์และหาอาจารย์คนใหม่ แต่เขายังคงคิดว่าตัวเองเป็นศิษย์นิกายครามพิสดารและเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของอาจารย์หลิงหยิน การยอมรับอาจารย์คนอื่นโดยไม่บอกกล่าวนั้นเป็นการแสดงความไม่นับถือต่ออาจารย์ปัจจุบันครั้งใหญ่

“อาจารย์ ท่านอยู่ที่ไหนกันแน่…”

เช้าวันต่อมา อากาศบนภูเขาสดชื่นเป็นพิเศษและหอมไปด้วยกลิ่นพืชผักดอกไม้ เสี่ยวหวังเอ๋อและเสี่ยวฮั่นตื่นเร็วเพื่อเตรียมตัว เมื่อเห็นเสี่ยวเฉินเดินออกมาจากห้องเสี่ยวหวังเอ๋อก็โน้มตัวมาข้างหน้าด้วยมือไพล่หลัง นางหัวเราะเบา ๆ

“เสี่ยวเฉิน สวัสดีตอนเช้า”

เสี่ยวเฉินยิ้ม

“สวัสดี”

ในอดีตที่เขายังเป็น ‘ขี้แพ้’ เสี่ยวหวังเอ๋อดูถูกเขาเหมือนกับคนอื่น แต่อย่างไรนางก็เป็นญาติเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อาฆาตมาดร้ายต่อนาง

เขาสังเกตเห็นใบหน้าเย็นชาของเสี่ยวฮั่นและแหย่

“เฮ้! เจ้าหน้าน้ำแข็ง เพิ่งจะเช้าทำไมถึงดูซังกะตายนัก? มีคนยืมเงินเจ้าหรือไง? หรือว่าเมื่อเช้ามีคนมาทวงหนี้เจ้า?”

เสี่ยวฮั่นถอนหายใจ จากนั้นเขามองท้องฟ้าครามและเมฆขาวอยู่นาน สุดท้ายเขาก็พูดบางอย่างที่น่าทึ่ง

“วิถีแห่งสวรรค์ วิถีแห่งสวรรค์คืออะไรกัน?”

เสี่ยวเฉินตัวสั่นเล็กน้อย เขามองรอบ ๆ และพูดเบา ๆ

“เจ้ากล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง? เจ้ายังอยากจะเข้าร่วมกับนิกายอยู่ไหม?”

เขารู้สึกว่าคนตรงหน้านั้นแปลก ระกูลเสี่ยวเป็นตระกูลใหญ่ที่มีตระกูลรองมากมาย เสี่ยวฮั่นมาจากตระกูลรองแต่เสี่ยวเฉินก็ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน ราวกับว่าเสี่ยวฮั่นไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเขาเลย

สองชั่วโมงผ่านไป ศิษย์ที่ควรจะมารับพวกเขากลับไม่มา เสี่ยวหวังเอ๋อนั่งมือผสานศีรษะบนม้านั่งเล็ก นางดูเบื่อหน่าย ในตอนนั้นเองนางก็ลุกขึ้นราวกับคิดอะไรที่น่าสนใจได้

“พวกเจ้าสองคนน่ะ คิดว่าผู้เฒ่าคนไหนจะรับเรา?”

เสี่ยวฮั่นไม่ตอบ เสี่ยวเฉินที่เอนกายพิงต้นสนหาวและพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไร

“จะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก”

เขาจะไม่อยู่ที่นี่ไปตลอดกาล

“เจ้าไม่สนใจได้ยังไงกัน?”

เสี่ยวหวังเอ๋อลูบคางพูดกับตัวเอง

“ผู้เฒ่าหนึ่งมีพลังบ่มเพาะสูงที่สุดแต่เขาเข้มงวดเกินไป ข้าไม่เป็นศิษย์เขาหรอก ผู้เฒ่าสองใจดีแต่เอาแต่ดูดาวกับปากั้ว มันน่ารำคาญน่ะ ผู้เฒ่าสามอายุน้อยที่สุดและน่าจะเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับข้าด้วย แต่คำพูดนางคมกริบจนไม่มีใครกล้าเถียงนาง แล้วพลังบ่มเพาะของนางก็น้อยที่สุดด้วย…”

เสี่ยวเฉินนึกขึ้นได้ทันที

“ผู้เฒ่าสาม นางเหมือนกับอาจารย์ข้าเลย…”

เขายิ้ม

“ช่างเถอะ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะต้องการเจ้าหรือไม่ เจ้าจะเกี่ยงอะไรได้?”

“ฮื่ม! พวกเขาจะต้องเลือกข้า! ไม่เห็นรึว่าพวกผู้เฒ่าสุภาพกับพี่ยี่เฟิงเมื่อวาน? ถ้าพี่ยี่เฟิงบอกให้รับพวกเรา…”

“อะไรกัน? เจ้าคิดแบบนั้นได้ยังไง?”

เสี่ยวเฉินกอดอกหันไปหานางและพูดอย่างเคร่งเครียด

“เสี่ยวหวังเอ๋อ เจ้าจงจำเอาไว้ ในวิถีแห่งการบ่มเพาะพลัง เจ้าจะพึ่งพาเส้นสายอย่างในตระกุลเสี่ยวไม่ได้ วิถีการเป็นเซียนมัน…”

เขาส่ายหน้า

“ช่างเถอะ เจ้าไม่คู่ควรกับเวลาของข้า”

เสี่ยวหวังเอ๋อวิ่งมาเขย่าแขนเขา

“บอกข้าหน่อย บอกข้าหน่อย เจ้าเคยพูดเรื่องนี้บ่อยเลยนะ เจ้าจะต้องรู้ดีแน่ เล่าให้ข้าฟังได้ไหม?”

เสี่ยวเฉินมองนางและส่ายหน้า

“งั้นข้าจะบอกเจ้าแค่ประโยคเดียว และเจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี แบ่งแยกออกจากโลก โลกจากธรรมชาติ ธรรมชาติจากวิถี และวิถีจากสิ่งที่อยู่ภายใต้การแบ่งแยก”

“แบ่งแยกจากโลก โลกจากธรรมชาติ…หมายความว่าไงกัน? มีตัวอย่างไหม?”

“ตัวอย่างรึ?”

เสี่ยวเฉินขยับนิ้ว เขาแสร้งทำเป็นนับเลข

“อย่างเช่น ศิษย์ที่จะมารับเราในอีกสองชั่วโมง”

“จริงรึ!?”

จากนั้นสองชั่วโมงได้ผ่านไป สายลมเย็นพัดผ่านสวน ใบไม้หล่นหนึ่งใบผ่านหน้าพวกเขา

สี่ชั่วโมงผ่านไป หลิวรั่วผลอยหลับไปแล้ว

หกชั่วโมงผ่านไป เสียงหนึ่งดังที่ตระกูล

“เจ้า…เมื่อคืนหลับไม่สนิทรึ?”

เสี่ยวหวังเอ๋อลืมตา สามเงาเอียงคอเล็กน้อย นี่เป็นเวลาบ่ายสามแล้ว

“ในที่สุดศิษย์พี่ก็มา ข้าคิดว่าลืมพวกเราไปแล้ว…”

เขาเกาหัวและยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน

“ข้าจะลืมได้รึ? แค่วันนี้พวกผู้เฒ่ามีธุระเยอะไปหน่อย ไปทดสอบเส้นปราณกันเถอะ”

เสี่ยวหวังเอ๋อกระทุ้งศอกใส่เสี่ยวเฉิน

“เจ้าบอกว่าสองชั่วโมงไม่ใช่เรอะ ไอ้คนโกหก…”

ผู้เข้าสอบทั้งหมดมารวมตัวที่ลานกว้างแล้ว ศิษย์นิกายสามพิสุทธิ์หลายคนและหยูยี่เฟิงเองก็อยู่ด้วย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาที่นี่เพื่อดูการทดสอบและเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครโกง

ที่หน้าบันไดมีศิลาทมิฬที่สูงเท่ากับตัวคน มันมียันต์ติดรอบศิลาและมี 12 รูที่ด้านบน มีรอบฝ่ามือประทับไว้ด้านหน้า ผู้เข้าสอบจะต้องวางมือบนรอยฝ่ามือนั้นเพื่อให้ศิลาทมิฬทำงาน

เสี่ยวเฉินและอีกสองคนเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ต่อแถวเป็นคนสุดท้าย

ชายหนุ่มอายุสิบหกเดินไปที่ศิลาอย่างระมัดระวังและดูลังเลใจ เขาวางมือลงบนรอยฝ่ามือ ไม่นานต่อมาก็มีลำแสงสูงหนึ่งศอกสว่างออกมาจากรูแสงเหนือศิลา มันเป็นแสงขาวที่มีสีเทาเล็กน้อย

“แสงเดียว ปานกลาง คนต่อไป”

สองคนในชุดขาวและเขียวเมื่อวานเป็นผู้คุมการทดสอบ ชายชุดเขียวเป็นผู้บันทึกผลส่วนชายชุดขาวเป็นคนคุมแถว ด้านหลังเาเหนือเวทีมีหยูยี่เฟิงและผู้เฒ่าที่รับหน้าที่ดูแลการทดสอบเส้นปราณ ศิษย์นิกายสามพิสุทธิ์หลายคนรวมถึงม่อหยู ลั่วชางหยาน และเจิงหยินนั้นอยู่ล่างเวที

ชายหนุ่มเดินกลับอย่างแค้นเตคือน โอกาสในการเข้าร่วมนิกายของเขาจากไปแล้ว เส้นปราณนั้นมีอันดับคุณภาพอยู่ ยิ่งแสงบริสุทธิ์เพียงใดก็ยิ่งมีคุณภาพสูงเท่านั้น

จากนั้นนายน้อยคนหนึ่งได้เดินไปที่ศิลา ลำแสงนั้นค่อนข้างบริสุทธิ์และสูงสามศอก

“แสงเดียว ขั้นสูง ต่อไป”

สาวน้อยดีใจและวิ่งกลับอย่างร่าเริง

ผู้เข้าสอบอีก 40 คนนั้นมีเส้นปราณเพียงแค่เส้นเดียว บางคนมีสองเส้นปราณแต่คุณภาพต่ำทั้งหมด ผู้เฒ่าบนเวทีถอนหายใจและส่ายหน้าหลายหน หยูยี่เฟิงนั้นเองก็ยิ้มส่ายหน้าบอกผู้เฒ่าว่าอย่ากังวล

ม่อหยูยิ้มอย่างเย็นชา

“ข้ารู้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ พวกขี้แพ้จะไปทำอะไรได้? พวกมันก็แค่ของเหลือของนิกายอื่…”

คนพากันอุทานขึ้นมาในลานกว้างตอนที่เขาพูดไม่ทันจบ มีลำแสงห้าสายบริสุทธิ์สูงไม่กี่ศอก นี่เป็นหนึ่งในร้อยปีที่เกิดเรื่องแบบนีี้ขึ้น

ผู้เฒ่าที่รับหน้าที่คุมการทดสอบตื่นเต้นจนมือสั่น ถ้วยชาในมือเขาแทบจะระเบิดออกมา

“ให้ตายสิ! ห้าเส้นปราณขั้นสูง ศิษย์พี่ม่อหยูมีแค่สี่เส้นปราณใช่ไหม? แม่นางคนนั้นเป็นใครกัน?”

พวกเขาส่งเสียงอันอยู่นาน ชายชุดเขียวและขาวสองคนยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะดึงสติกลับมาได้

“หะ ห้าลำแสง! ขะ ขั้นสูง!”

ชางก่วนหยานยิ้มอย่างอ่อนโยนและหันกลับ เส้นผมยาวล่องลอย กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยออกมา เป็นนางนั่นเองที่มีห้าเส้นปราณ

“นาง…นางมีห้าเส้นปราณเลยหรือ?”

เสี่ยวหวังเอ๋อเค้นหมั้น

เสี่ยวเฉินวางมือบนหน้าผาก เขาไม่คิดเลยว่านังผีจะมีพรสวรรค์ที่ดี ทวยเทพช่างไม่ยุติธรรม เขาเองก็กังวลว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป รัตติกาลเคยเตือนเขาว่าอย่าให้คนอื่นรู้ว่าเขามี 12 เส้นปราณมิเช่นนั้นจะเป็นปัญหากับเขาได้ แต่เขามิอาจต่อต้านพลังพิศวงของศิลาทมิฬ

การทดสอบดำเนินต่อไป บางคนมีพรสวรรค์ดีถึงสามเส้นปราณ สุดท้ายก็ถึงคราวของเสี่ยวหวังเอ๋อ นางดูกังวลใจขณะที่เดินไป เมื่อนางเห็นลำแสงสีขาวบริสุทธิ์สี่สายนางก็กระโดดขึ้นด้วยความดีใจ

เสี่ยวเฉินวางมือบนหน้าผาก

“อะไรกัน”

ผู้เฒ่าผู้คุมการทดสอบยิ้มเฉ่ง เสี่ยวฮั่นเดินไปที่ศิลาและทำให้ผู้คนตื่นตระหนก เขาสร้างลำแสงสูง 10 ศอกได้หกสายพุ่งขึ้นฟ้า!

ชายสองคนในชุดเขียวและขาวตัวแข็งทื่อ

“หกลำแสง ขั้นสูง มีใครอีกไหม?”

“นายน้อย ถึงตานายน้อยแล้ว”

หลิวรั่วดึงชายเสื้อเสี่ยวเฉิน

เสี่ยวเฉินพยักหน้ายิ้ม เขาเดินไปอย่างใจเย็น ลั่วชางหยานกำหมัด หยูยี่เฟิงยิ้ม ชางก่วนหยานมองเขาด้วยความสนใจอย่างมาก และเสี่ยวฮั่นเงยหน้ามองท้องฟ้าคราม

เสี่ยวเฉินปรับชุดให้เรียบร้อย กระแอมเบา ๆ และวางมือขวาไปที่รอยฝ่ามือ หลังจากนั้น ไม่มีอะไรเกินขึ้น เขาจึงวางมือซ้ายแทน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ผู้คนเริ่มพูดคุยกัน ม่อหยูกอดอกยิ้มอย่างเยือกเย็น หยูยี่เฟิงขมวดคิ้ว เสี่ยวหวังเอ๋อเองก็สับสน

คนในลานกว้างคุยกันเสียงดังขึ้นและมีเหงื่อเย็นผุดออกมาจากหน้าผากเสี่ยวเฉิน

“เกิดอะไรขึ้น? มู่เจิงเสวี่ยปลดผนึกข้าแล้วนี่”

จากนั้นเขาจึงวางมือขวาอีกครั้งและไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนในลานกว้างโห่เขาทันที

ผู้เฒ่าบนเวทีกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลั่วชางหยานนั้นพูดเสียงดัง

“ช้าก่อน! เขาจะต้องมีเส้นปราณแน่นอน!”

นางจำได้ถึงตอนที่เขาสู้กับหมียักษ์ เขาแสดงออกมาว่าเขาเป็นขอบเขตชำระปราณแล้ว เขาจะบ่มเพาะขอบเขตชำระปราณถึงขั้นหนึ่งได้อย่างไรถ้าหากไม่มีเส้นปราณ?

ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ศิลาก็สั่นสะเทือน 12 ลำแสงแล่นขึ้นเมฆาราวกับจะทะลวงไปถึงสวรรค์ ผู้คนมิอาจเห็นจุดจบของลำแสง

“หา! เกิดอะไรขึ้น?! เป็นไปได้ยังไง?!”

ทุกคนแตกตื่น ผู้เฒ่าที่ทำหน้าที่คุมการทดสอบนั้นทำถ้วยชาแตกไปแล้ว หยูยี่เฟิงหน้าซีด

12 ลำแสงนั้นมิได้ขุ่นมัวหรือขาวบริสุทธิ์ แต่มันเป็นสีดำทมิฬบริสุทธิ์! ความมืดมิดที่หนาแน่นและเต็มไปด้วยสัมผัสอสูร!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด