ตอนที่แล้วบทที่ 91: ผู้ใดก็ตามที่นำเงินมาให้ข้า ผู้นั้นคือคนที่ข้าจะเข้าพวกด้วย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 93: เขาทำให้ข้าเหมือนเป็นตัวโง่เขลา แล้วข้าทำอะไรกับเขาได้กัน?

บทที่ 92 บัณฑิตชั้นสูงเปรียบดั่งตัวตนอมตะบนสรวงสวรรค์ เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะมายกรองเท้าให้!


(เรื่องบทกวีเดี๋ยวขอเปลี่ยนแบบนี้นะครับ ส่วนที่เมื่อวันก่อนไม่ได้อัพลงพอขออภัยด้วยครับ เอามาลงให้วันนี้แหละครับ พอดีวันก่อนเป็นไข้จนไม่มีแรงลุกมาแปล)

บทที่ 92 บัณฑิตชั้นสูงเปรียบดั่งตัวตนอมตะสรวงสวรรค์ เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะมายกรองเท้าให้!

หลังจากเดินไปรอบๆ สักพัก คุณชายใหญ่ก็หลงเสน่ห์ภาพอันแสนคึกคักของเมืองหลวงอีกครั้ง

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านพ่อของข้าปรารถนาเมืองหลวงมาตลอด! ถ้าเป็นข้า ข้าก็คงอยากอยู่ในเมืองที่มั่งคั่งและคึกคักทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้ ไม่คิดที่จะกลับไปยังเหอเป่ยเหนืออีก!” ในที่สุด เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อของเขาถึงต้องการพิชิตที่ราบภาคกลาง

เขาเองก็รู้สึกถึงความทะเยอทะยานที่ถูกปลุกขึ้นในตัวเขา

เดิมทีเขาคิดเพียงติดตามโม่หรูซวงไปยังเมืองหลวงเพื่อค้นหาว่าผู้ที่นางรักเป็นผู้ใดกัน แต่ยามนี้ แม้ว่าเขาจะพบคนรักของโม่หรูซวงหรือไม่ เขาก็ได้ตัดสินใจแล้วที่จะใช้เวลาในเมืองหลวงให้มาก

เขาเดินเข้าไปในโรงน้ำชาและสั่งน้ำชากับถึงอาหารรองท้อง จากนั้นเขาก็หยิบเหรียญเงินออกมาพร้อมกับเรียกเสี่ยวเอ้อว่า “นี่ เจ้า ที่เมืองหลวงมีอะไรดีบ้าง? มีอะไรน่ากิน? บอกข้ามา…บอกข้ามาให้หมดเลย!”

"ขอบคุณนายท่านมากขอรับ!" เสี่ยวเอ้อรับเหรียญเงินด้วยความซาบซึ้งและกล่าวตอบไปว่า “ท่านขอรับ ท่านและสหายของท่านเพิ่งมาที่เมือหลวงเป็นครั้งแรกใช่ไหมขอรับ? หากท่านต้องการไปเยือนยังที่ที่ดีที่สุด ย่อมต้องเป็น…”

เสี่ยวเอ้อแนะนำสถานที่หลายแห่งติดต่อกัน คุณชายจึงตอบกลับไป “ถ้าข้ามีเวลา ข้าจะไปทุกที่ซึ่งเจ้ากล่าวออกมา!”

“แต่ถ้าเจ้าต้องการไปยังสถานที่อันดีที่สุด ก็มีแต่เรือนร้อยบุปผาแล้วขอรับ!”

“เรือนร้อยบุปผาเป็นที่แบบใดกัน? ไฉนชื่อของมันคล้ายหอนางโลม…”

“ก็มันเป็นหอนางโลม แต่มันไม่ใช่แค่หอนางโลมทั่วไป!” เสี่ยวเอ้อยิ้ม “ที่นั่นเป็นที่ที่สตรีที่สวยที่สุดในโลกมารวมตัวกัน ไม่เพียงแต่โฉมสะคราญอย่างมหัศจรรย์ พวกนางยังมีความสามารถมากมายทั้งยังรู้วิธีเอาใจบุรุษ ราวกับสรวงสวรรค์ของเหล่าเรา! หากท่านไม่ไปดู แสดงว่าท่านมาเมืองหลวงเสียเที่ยวแล้ว!”

ดวงตาของคุณชายถึงกับเบิกกว้างขึ้น “ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าคงต้องไปดูให้ได้แล้ว!”

แม้ว่าเขาจะหลงใหลในตัวโม่หรูซวง แต่ในฐานะองค์ชาย ตัวเขาจะเป็นเพียงชายหนุ่มที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ได้อย่างไร?

ทันทีที่เขาได้ยินว่าเรือนร้อยบุปผารวบรวมสตรีที่มีความสามารถและโฉมงามที่สุดในโลกเอาไว้ เขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยและมุ่งตรงไปที่เขตเรือนร้อยบุปผาได้ทันที

ด้วยการใช้จ่ายอย่างใจกว้างและรูปลักษณ์อันหล่อเหลาของเขา ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในแขกที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในเรือนร้อยบุปผาอย่างรวดเร็ว

คุณชายยามนี้ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มสตรีโฉมงาม “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาว่ากันว่าลักษณะของสตรีในเมืองหลวงจะสูงกว่าที่อื่น ไม่เลว ไม่เลว! ที่นี่เหมาะแก่ข้าอย่างยิ่ง!”

ในยามนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างเหยียดหยามจากคนที่อยู่ด้านข้าง “เอิ้ก! เจ้าหลงใหลเพียงแค่กับสตรีพวกนี้งั้นหรือ?”

คุณชายไม่พอใจมาก “เจ้าจะกล่าวอะไรกัน? ผู้หญิงเหล่านี้ยังสวยไม่พออีกงั้นเหรอ?”

“สตรีพวกนี้งดงาม แต่เป็นเพียงเปลือกหอยที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งแก่นใดอยู่ภายใน มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่คิดว่าพวกนางมีเสน่ห์! เมื่อเทียบกับอดีตหญิงงามเมืองผู้นั่น ทุกนางด้อยกว่านางมาก!” ชายคนนั้นจิบเหล้าและถอนหายใจออกมา

“อดีตหญิงงามเมืองที่เจ้าหมายถึงคือผู้ใดกัน?” คุณชายถามด้วยความสับสน

“นางเป็นนางโลมที่เรือนร้อยบุปผา รู้จักกันดีในนามบุปผาอันดับหนึ่งของเมืองหลวง! นางมีรูปลักษณ์เหมือนเทพธิดา ทั้งยังชำนาญด้านศิลปะและวรรณกรรม เป็นบุตรีของตระกูลขุนนาง ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนด้อยกว่านางทั้งสิ้น! น่าเสียดายที่นางได้พลิกชีวิตของนางแล้ว เราไม่อาจสามารถพบนางได้อีก!” คนผู้นั้นถอนหายใจ

“ใช่เลย นางเป็นสตรีที่สวยที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเห็นมา รอยยิ้มของนางทำเอาข้าคิดถึงนางแทบทุกวัน!”

“ตราบใดที่นางบรรเลงท่วงทำนอง ข้าก็รู้สึกเหมือนหัวใจของข้าได้กลับสู่บ้านเกิด!”

“น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเห็นนางได้อีกต่อไป!”

“ทว่าเมื่อเห็นนางมีความสุข ข้าก็มีความสุขมากเช่นกัน!”

เมื่อฟังคนอื่นพูดถึงความสตรีงามและความสามารถของอดีตหญิงงามเมือง คุณชายก็ยังดูไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร

แม้ว่านางจะสวยงาม แต่นางจะเทียบกับโม่หรูซวงของข้าได้หรือ?

โม่หรูซวงของเขาน่าทึ่งกว่ามาก ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังเป็นหนึ่งในสาวงามอันดับต้นๆ ในโลกวรยุทธ์

มีผู้ใดกันในโลกวรยุทธ์ที่จะไม่หลงใหลในตัวนาง?

กระทั่งคุณชายใหญ่อย่างเขายังหลงในตัวนางเลย!

อดีตนางโลมจะเทียบกับโม่หรูซวงได้อย่างไร?

คุณชายไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับมันนัก เขายังคงดื่มและสนุกต่อไป

เมื่อเทเหล้าลงไป อารมณ์นักกวีของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา เขาโบกพัดและกล่าวว่า “ให้ข้าท่องบทกวีให้เจ้าฟังสักหน่อยไหม?”

“เอาเลยเจ้าค่ะ นายท่าน!” หญิงสาวรอบตัวเขาปรบมือ

“ตั้งใจฟังที่ข้าขับกวีออกมาดีๆ ล่ะ!” คุณชายกล่าวจบก็ท่องออกมา “ดาราร่วงหล่นจากฟากฟ้ากลับกลายเป็นเทพธิดานับร้อย…”

หลังจากท่องบทกวีจบไป สตรีรอบๆ ตัวเขาก็ปรบมือและชื่นชมเขากัน “ช่างเป็นบทกวีที่ยอดเยี่ยมนัก! นายท่านเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ !”

“สตรีที่นี่ช่างน่าประทับใจมาก!”

คุณชายรู้สึกภูมิใจและเริ่มอวดดี “ข้ามีทั้งเงินและความสามารถ ไม่มีผู้ใดทัดเทียมข้าได้แล้ว!”

ในยามนั้นเอง ชายที่อยู่โต๊ะถัดไปหัวเราะเยาะออกมา “อุ๊บ! นั่นมันมันบทกวีเศษเดนอะไรกัน? ทั้งตื้นเขิน ขาดสัมผัส ไร้รสชาติและไม่คุ้มแก่การรับฟังด้วยซ้ำ!”

คุณชายไม่พอใจและดูโกรธเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าจะบอกว่าบทกวีของข้าไม่ดีหรือ เช่นนั้นก็แสดงให้ข้าเห็นสิ!”

อีกฝ่ายส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทำหรอก ข้าไม่อยากเสียหน้า แต่จงมองไปที่นั่น นั่นต่างหากคือบทกวีที่แท้จริง!”

คุณชายหันศีรษะไปและก็ได้พบเข้ากับบทกวีอันแสนงดงาม

ภายในหอนางโลมอันโดดเดี่ยว ข้าได้แต่นั่งอย่างเงียบงัน

จันทราคล้ายดั่งตะขอ เสมือนเป็นที่พักพิงเดียวอันมีอยู่

ได้แต่ถูกขังในยามราตรีฤดูใบไม้ร่วง ต้องระทมใจ

ไม่อาจไปที่ใดได้ เหมือนหฤทัยถูกพันธนา

ไม่ใช่ความรู้สึกประเดี๋ยวเดียว แต่เป็นรอยด่างพร้อยอันไม่อาจลบเลือน

คุณชายถึงกับตกตะลึง “น…นี่ผู้ใดเป็นคนเขียนบทกวีนี้กัน? งดงามเหลือเกิน!”

“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะมันถูกเขียนขึ้นโดยขุนนางระดับสูงที่เพิ่งได้รับตำแหน่ง หลินเป่ยฟาน! เขาเป็นขุนนางระดับสูงที่ได้คะแนนสูงสุดในการสอบ เขามีทั้งความสามารถและการศึกษา พรสวรรค์ของเขาเทียบได้กับตัวตนอมตะบนสรวงสวรรค์! ตั้งแต่เขาเขียนบทกวีนี้ที่นี่ บัณฑิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกตัวและไม่กล้าที่จะแสดงความอ่อนด้อยต่อหน้าเขาอีกต่อไป! แต่ก็มีเจ้านี้แหละ ฮ่าฮ่า!”

"ถูกต้องเลย! เมื่อข้าได้ยินบทกวีของเขา ข้าก็ถึงกับชะงักงันไป นี่มันน่าละอายอย่างยิ่ง!”

“ฮ่าฮ่า เจ้าทำเอาข้าหัวเราะเจียนตายแล้ว!” คนอื่นๆ ต่างหัวเราะออกมาเช่นกัน

“พวกเจ้า …” คุณชายหน้าแดงด้วยความอับอาย ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง เขาคงจะจับเจ้าพวกนี้โยนเข้าคุกแล้ว

คุณชายจึงกล่าวไปว่า “เขาเป็นแค่ผู้มากความสามารถไม่ใช่หรือ แล้วความร่ำรวยเล่า? เขามันก็เป็นแค่ขุนนางที่น่าสังเวชเท่านั้น!”

อีกฝ่ายจึงแค่นเสียงออกมา “เขาไม่ได้ยากจนเลย! เขาอาศัยอยู่บนคฤหาสน์ในเมืองหลวง กินอาหารชั้นเลิศจากห้องครัวของราชวงศ์ ดื่มเหล้าจากโรงกลั่นของราชวงศ์ สวมเสื้อผ้าไหมและผ้าแพร เดินทางด้วยรถม้าเมฆมงคล! ข้าได้ยินมาว่าบ้านของเขาเต็มไปด้วยทองคำ เงิน อัญมณีล้ำค่าและของมากมายจนไม่อาจเก็ฐไว้ได้เพียงพอ ชีวิตของเขาสบายนัก! กระทั่งคุณชายหลายตระกูล อ๋องมากมายหรือพวกขุนนางผู้อื่นก็ไม่อาจเทียบกับเขาได้!”

คุณชายโกรธยิ่งกว่า “จะเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาเป็นแค่ขุนนางธรรมดา เขาจะมีชีวิตที่ดีมากเช่นนั้นได้ยังไง?”

“ทำไมจะไม่ได้กันเล่า? มันก็เป็นเพราะเขาเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดินี! ข้าได้ยินมาว่าในช่วงรุ่งสางของวันนี้ ขุนนางระดับสูงคนใหม่ได้รับรางวัลเป็นกองทองคำ เงินและอัญมณีล้ำค่าจากจักรพรรดินีอีกครั้ง จนทำให้เหล่าเสนาบดีพลเรือนและทหารอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง! หากเจ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ลองออกไปถามดูได้เลย ทุกคนต่างรู้กันดี!”

คุณชายคล้ายถูกโจมตีอีกครั้ง เขาเทียบพรสวรรค์กับขุนนางผู้นี้ไม่ได้ ทั้งยังด้อยกว่าอีกฝ่ายในแง่ทรัพย์สินอีก!

เขายิ่งรู้สึกไม่พอใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ผู้ที่อยู่ข้างๆ เขาก็พูดแทนว่า “แม้ว่าเขาจะมีความสามารถและร่ำรวย แต่เขาจะเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์นายน้อยของข้าได้เช่นไร? นายน้อยของข้าไม่เพียงแต่โฉมงาม แต่ยังมีพรสวรรค์มากมายคณานับอีกด้วย!”

คุณชายกางพัดของเขาออกมา เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจและกำลังจะน้อมรับคำชมจากทุกคน

“เขาไม่ได้น่าเกลียด!” ผู้อื่นที่อยู่ที่นี่แค่นเสียงออกมาอีกครั้ง “เขาเป็นบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดที่ข้าเคยพบเห็นมา ปานส่องสว่างแสงเป็นประกายออกมา ทุกอย่างล้วนไร้ซึ่งสีเมื่อต้องเทียบกับตัวเขา ข้าขอบอกเจ้าเลย เจ้าน่ะดูดี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้เขาด้วยซ้ำ!”

คุณชาย "บัดซบ!"

นี่มันเรื่องอะไรกัน! เหตุใดพวกเจ้าถึงกล้าพูดออกมาอย่างมั่นใจมากถึงเพียงนี้?! ถึงขั้นไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าเนี่ยนะ? ข้าด้อยกว่าขนาดนั้นเลยเหรอ?

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมอดีตหญิงงามเมืองถึงออกจากเรือนร้อยบุปผา?”

อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง “เป็นเพราะนางตกหลุมรักขุนนางชั้นสูงผู้นั้น ลุ่มหลงในเสน่ห์ ความงดงามและพรสวรรค์ของเขา นางยอมเสียเงินเพื่อไถ่ถอนตัวเองดีกว่าอยู่ที่นี่!”

“ในยามนั้น ขุนนางระดับสูงไม่มีสิ่งใดเลย เหมือนที่เจ้าเรียกเขาว่าขุนนางผู้น่าสังเวชไม่มีผิด แต่นางกลับยอมจ่ายเงินเพื่ออยู่กับเขา นี่จึงกลายเป็นเรื่องราวที่แพร่สะพัดไปทั่วในเมืองหลวง! ข้าขอถามว่าเจ้าสามารถพานางโลมให้ไถ่ตัวออกไปกับเจ้าได้ไหม? เจ้าทำได้หรือเปล่า?”

คุณชายถึงกับพูดไม่ออก เขาตระหนักว่าเขาไม่สามารถทำมันได้จริงๆ ถ้าเขาไม่เปิดเผยภูมิหลังของเขา คงไม่มีสตรีคนไหนเต็มใจที่จะอดทนมายากลำบากกับเขา เขาได้แต่ตัวสั่นด้วยความโกรธ

ในฐานะคุณชาย เขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงโดยขุนนางระดับสูงที่โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้! นอกจากเรื่องภูมิหลังของเขาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอะไรเทียบได้เลย

แต่ภูมิหลังของเขาไม่อาจเปิดเผยได้ในยามนี้ มิฉะนั้นเขาจะมีแต่ปัญหาตามมา เขาหงุดหงิดมากจนรู้สึกเกลียดคนผู้นั้นโดยไม่รู้ตัว!

เขาดื่มเหล้าอีกสองสามถ้วย เมื่อทนการเยาะเย้ยของทุกคนไม่ไหว จึงได้ออกจากเรือนร้อยบุปผาด้วยความอับอาย เขาไปที่ร้านอาหารอื่นและนั่งอยู่ชั้นบน จากนั้นจึงดื่มเพื่อผ่อนคลายอารมณ์

ในขณะนั้นเอง รถม้าสุดหรูได้แล่นผ่านด้านล่างไป คุณชายอิจฉารถม้าคันนี้นัก มันคล้ายเรือนขับเคลื่อนได้ ทั้งยังมีอาชาเหงื่อโลหิตสองตัวคอยลากอีก มันงดงามกว่ารถม้าที่เขามีในเหอเป่ยทางเหนือด้วยซ้ำ

เขาคิดในใจว่าเขาจะต้องได้มันมาเมื่อเขากลับไป ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มในเสื้อแพรก็ลงมาจากรถม้า เขามีคิ้วที่เหมือนดาบ แม้ไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมบนร่างกายของเขา แต่ก็ดูโดดเด่นยิ่ง

เมื่อเห็นคนที่โดดเด่นเช่นนี้ คุณชายก็รู้สึกรุ่มร้อนใจอีกครั้ง “เสี่ยวเอ้อ คนผู้นั้นเป็นใครกัน?”

“เขาเป็นขุนนางระดับสูงที่เพิ่งได้รับตำแหน่งและเป็นผู้อำนวยการสถาบันจักรพรรดิ หลินเป่ยฟานขอรับ!”

“เขาคือหลินเป่ยฟานเองสินะ!” คุณชายต้องขอยอมรับเลยว่าขุนนางระดับสูงที่อยู่ตรงหน้าเขาดูดีกว่าเขาจริงๆ แต่มันแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ในขณะนั้นเอง หลินเป่ยฟานก็เอื้อมมือออกไปและช่วยสตรีโฉมสะคราญลงมาจากรถม้า เมื่อเห็นสตรีผู้นั้น เจ้าชายก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย

“เสี่ยวเอ้อ สตรีคนนั้นเป็นใครกัน?”

“นายท่าน นั่นเป็นภรรยาของขุนนางระดับสูง! นางเคยเป็นนางโลมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง แต่นางก็ติดตามขุนนางระดับสูงผู้นั้นโดยไม่ลังเล ยามนี้นางอยู่ที่เรือนเพื่อเลี้ยงดูบุตรของพวกเขา ยามนี้การได้พบเห็นนางเป็นเรื่องยากยิ่ง!”

“เช่นนั้นนางก็คือซือซือที่เป็นนางโลมสินะ!” คุณชายต้องยอมรับเลยว่าซือซือนั้นงดงามมากจริงๆ เกือบจะพอกับหรูซวงของเขา นางมีความสามารถด้านวรรณกรรมและสง่างาม เหมาะยิ่งที่จะเป็นภรรยา

น่าเสียดายที่ดอกไม้นี้ได้ถูกกัดแทะโดยหมูน่ารังเกียจอย่างหลินเป่ยฟานไปแล้ว

"เหอะ! หรูซวงของข้ายังคงงดงามกว่ามาก!”

“ในใจข้า นางเป็นสตรีที่สวยที่สุดในโลกอันไม่มีใครเทียบได้!” คุณชายปลอบโยนตัวเองด้วยวิธีนี้ แต่แล้ว หลินเป่ยฟานก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้งและพาสตรีโฉมสะคราญอีกคนออกมาจากรถม้า เมื่อคุณชายเห็นสตรีคนนี้ เขาก็ตกตะลึงยิ่ง!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด