บทที่ 24: [เนื้อเรื่องเสริม] งานเลี้ยงฉลองหลังชัยชนะ
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 24: [เนื้อเรื่องเสริม] งานเลี้ยงฉลองหลังชัยชนะ
ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลงในยามพลบค่ำของวันนั้น
งานเลี้ยงรื่นเริงจึงถูกจัดขึ้นในครอสโรด
เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ มีกองอาหารและเครื่องดื่มที่หรูหรานับไม่ถ้วนวางไว้ที่จัตุรัสกลางเมือง ให้กินดื่มโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด
“ถ้าเช่นนั้น เราก็มาฉลองชัยชนะที่เราได้รับจากการจัดการพวกสัตว์ประหลาดสวมเกราะพวกนั้นกันเถอะ…”
ข้าชูขนมปังและยกแก้วขึ้นสูง
"ไชโย!"
เหล่าทหารเองก็ยกแก้วขึ้นและกล่าวทวนคำของข้า
"ไชโย!"
“ไชโย!”
“เอาล่ะ มากินและดื่มให้อิ่มหนำสำราญกัน! วันนี้ข้าเลี้ยงเอง!”
"ฮูเร่~!"
“องค์ชายทรงพระเจริญ!”
งานเลี้ยงจึงเริ่มขึ้นเช่นนี้ เหล่าทหารต่างพูดคุยและหัวเราะกัน กินเนื้อสัตว์และดื่มเครื่องดื่มที่มีให้มากมาย
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา พวกเขาต้องเผชิญกับอัศวินเงายักษ์ที่ลอยอยู่เหนือพื้นดิน
การบรรเทาความเครียดที่มากมายมหาศาลเช่นนั้น มีแต่ต้องหวังพึ่งแอลกอฮอล์และเนื้อสัตว์เท่านั้นถึงจะช่วยได้
บาร์บีคิวอันเผ็ดร้อนข้างกองไฟที่ลุกโชนในจัตุรัสกลาง เหล่าทหารที่ขับร้องท่วงทำนองของบทเพลงให้ชัยชนะ
ข้านั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของจัตุรัส มองทุกอย่างจากระยะไกล
“เป็นอะไรหรือเปล่าขอรับองค์ชาย?”
ลูคัสที่เข้ามาหาข้าได้ถามด้วยความเป็นห่วง
“ท่านไม่ได้กินอะไรมาตลอดทั้งวัน ท่านควรกินอะไรสักอย่างนะขอรับ”
"...อืม"
ข้าตอบกลับไป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหิว ข้าหมุนเครื่องดื่มที่อยู่ในมือของข้าวนไปมา
เครื่องดื่มในแก้วเมื่อกระทบแสงก็ทอประกายสีแดงระยิบระยับ
ลูคัสที่นั่งอยู่ข้างๆ ข้าส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ดูเหมือนองค์ชายจะไม่ยินดีที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้บัญชาการผู้นำชัยชนะมาให้เลยนะขอรับ”
“…”
“ท่านจัดการชุดเกราะมีชีวิตไว้ได้หนึ่งพันตนโดยไม่ได้รับความเสียหายมากนัก ข้าคิดว่าท่านน่าจะมีความสุขมากกว่านี้เสียอีก”
“ไม่มีความเสียหายมากนัก มันก็ใช่แหละนะ”
ข้าค่อยๆ นำเครื่องดื่มมาที่ริมฝีปากของข้า
"ค่อก?!"
"องค์ชาย? ท่านเป็นอะไรไหม?"
“อ-อืม ไม่เป็นไร แค่รสชาติของมันนั้นค่อนข้าง…น่าประหลาดใจน่ะ”
ข้ามองเครื่องดื่มของตนเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
มันควรจะเป็นแค่เบียร์ไม่ใช่เหรอ? ไอ้เจ้านี้มันรู้สึกเหมือนว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์อย่างน้อย 20% ไม่มีผิด
’แต่ก็นะ ในเมื่อมันเป็นคนละโลก ถือว่าสมเหตุสมผลที่ปริมาณแอลกอฮอล์จะแตกต่างกันด้วย’
ข้าวางแก้วลงอย่างกระอักกระอ่วน
“ไม่มีความเสียหายมากนัก แต่เราก็สูญเสียชีวิตอันมีค่าไป”
เมื่อมีคนตาย ต่อให้พูดว่าเสียหายน้อยก็ไร้ประโยชน์ ชีวิตไม่ได้ตัดสินด้วยจำนวน ทุกชีวิตล้วนมีค่า
แน่นอนข้ารู้ดี แต่มันไม่สามารถช่วยทุกคนได้อยู่แล้ว การคิดเช่นนั้นในเกมที่โหดร้ายเช่นนี้มีแต่จะทำร้ายจิตใจไปเปล่าๆ
แต่ตัวละครวีรบุรุษที่ข้าไม่สามารถช่วยชีวิตได้ในวันนี้หรือทหารธรรมดาทั่วไป พวกเขาอาจมีบทบาทสำคัญในการปกป้องเมืองนี้ในอนาคต
ชีวิตของพวกเขาคือเมล็ดพันธุ์แห่งศักยภาพ แต่ละคนสามารถเบ่งบานเป็นอะไรได้มากกว่านั้น
แต่เมื่อตายลงไป ศักยภาพพวกนั้นก็หายไปแล้ว
“ถ้าข้าระมัดระวังมากกว่านี้…พวกเขาคงไม่ตาย”
ข้าไตร่ตรองการต่อสู้ในวันนี้
ข้าสามารถที่จะทำได้ดีกว่านี้ได้ ข้าสามารถระวังมากกว่านี้ได้
นี่ไม่เหมือนด่านฝึกสอน มีส่วนที่สามารถแก้ไขได้ มันจึงทำให้ข้ารู้สึกแย่มากกว่าที่ควรจะเป็น
“องค์ชาย ข้าคิดว่าท่านทำได้ดีมากพอแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลย…แต่ถึงข้าพูดเช่นนี้ไป มันก็คงจะไม่ลบเลือนความรู้สึกเสียใจของท่านถูกต้องไหม?”
ลูคัสกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน
“แต่ฝ่าบาท นี่เป็นการเฉลิมฉลองแห่งชัยชนะ”
ตัวเอกที่คล้ายดั่งกำแพงทองอร่ามได้หันมาทางข้าพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา
“หากองค์ชายอารมณ์แย่ มันก็จะไม่ส่งผลดีต่อจิตใจของทหารมากนะขอรับ”
“…”
“เช่นนั้นแล้วก็ได้โปรดยิ้มเถิด อย่างน้อยในตอนนี้ ท่านก็ต้องมีความสุขเช่นเดียวกับหมู่เรา นั่นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้บัญชาการเช่นกันนะขอรับ”
เมื่อได้ยินความคิดที่บอกว่าเมื่อผู้บัญชาการยิ้มจะส่งผลต่อผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าก็หัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
“ที่เจ้าพูดคือความจริงถูกต้องเลย!”
เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ทันใดนั้นไอเดอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังข้า อะไรกันวะเนี่ย?
“ถึงการไว้ทุกข์ต่อการสูญเสียจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราไม่สามารถรักษาขวัญกำลังใจด้วยความโศกเศร้าได้ เช่นนั้นเราก็มาหาเวลาเฉลิมฉลองและยินดีในชัยชนะของเราเถิด!”
ไอเดอร์ที่สวมชุดพ่อครัวถือถาดอาหารไว้ในมือ ตอนนี้เขากำลังวางแผนอะไรอยู่กัน?
“เพราะการกินแค่เนื้อสัตว์ไม่ดีต่อสุขภาพของท่าน ข้าก็เลยเอาผักมาด้วย”
“แต่ข้ายังไม่ได้แตะเนื้อเลยนะ…”
ถึงจะได้ยินคำโต้แย้งของข้า ไอเดอร์ก็ยังยื่นถาดที่เต็มไปด้วยผักย่างให้ข้า
“ยินดีด้วยที่เคลียร์ด่าน 1 ได้แล้วนะนายท่าน”
ดวงตาสีเทาของไอเดอร์ภายใต้กรอบแว่นกระพริบปริบๆ
“มันเป็นด่านที่ท้าทายมาก แต่ท่านก็ทำได้ดีเลยทีเดียว”
“…”
“ข้าเฝ้ารอที่จะได้เห็นความพยายามต่อจากนี้ของท่านอยู่นะ!”
ด้วยแรงบันดาลใจจากคำพูดของผู้อำนวยการเกม ข้าก็ดึงข้าวโพดคั่วออกจากถาดอย่างเชื่องช้าและกัดลงไป
แต่ทันทีที่ข้ากัด...
“เจ้าชายแอช เอเวอร์แบล็กของเรากำลังกินผักอยู่!”
ทันใดนั้นไอเดอร์ก็ส่งเสียงตะโกนออกมาดังสนั่น
“เจ้าชายแอชเลือกผักมากกว่าเนื้อ!”
"หา อะไรนะ! นี่มันเรื่องไร้สาระอันใดกัน?”
ก่อนที่ข้าจะได้ตอบโต้ ทหารที่ได้ยินเสียงตะโกนก็มารวมตัวกันรอบตัวข้าราวกับฝูงนก
“ขออภัยพะยะค่ะองค์ชาย! พวกเราผิดไปแล้ว!”
“ทั้งที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจ้าชายแอชเป็นผู้ชื่นชอบเนื้อยิ่ง แต่กลับต้องฝืนถูกบังคับให้กินผักเช่นนี้!”
มีชื่อเสียงบ้าบออะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? ไอ้แอชจอมบัดซบคนนี้ใช้ชีวิตของมันยังไงเนี่ย?
"เลวร้ายสิ้นดี! รีบนำเนื้อมาถวายองค์ชายเร็วเข้า เอาเนื้อมา! และก็แอลกอฮอล์ทั้งหมดด้วย!”
"องค์ชาย! ได้โปรดเอาเนื้อที่ข้าย่างไว้ไปได้เลย!”
“เจ้าโง่! องค์ชายมีสายเลือดเชื้อพระวงศ์! เขากินแต่เนื้อดิบที่ชุ่มไปด้วยเลือดเท่านั้น!”
"สุดยอด! ราชวงศ์เอเวอร์แบล็กช่างน่าทึ่งมากนัก-!”
“หยุดพล่ามได้แล้ว ไอ้พวกงี่เง่า! ข้าเองก็กินเหมือนพวกเจ้านั้นแหละ!”
ขณะที่ข้าตะโกน ทหารแต่ละคนก็ยื่นชิ้นเนื้อให้ข้า ข้าแทบจะอยากร้องไห้ออกมา
“ข้ากินด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องเอามาให้ข้า!”
แต่ทหารไม่ฟังคำพูดของข้าเลย ผ่านไปเพียงชั่วครู่ คนหมู่มากและกองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ปรากฏขึ้นรอบตัวข้า
“เทลงไป!”
"ดื่มเลย!"
"เอาให้หนัก!”
พวกทหารกำลังเทเครื่องดื่มใส่ปากกันอย่างสนุกสนาน
หมาป่าเหล่านี้คงกำลังซุ่มรอขย้ำ หาโอกาสบังคับให้ข้าดื่มเป็นแน่
ข้ากัดฟันและได้แต่เคี้ยวภูเขาเนื้อที่อยู่เบื้องหน้าข้า
เหตุใดมันถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้กัน? แผนของข้าคืออยู่เงียบๆ เดียวและวิเคราะห์ถึงรูปแบบแผนการต่อสู้ของด่าน 1 นะ!
“องค์ชาย”
"อ-?! อะไรอีกเล่า?!"
ข้าหันไปหาที่มาของเสียง เป็นลิลลี่ ใบหน้าของนางแดงก่ำเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ นางสะอึกและหันมามองทางข้า
นางเป็นพวกเมายับเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
“ข้าขอร้องท่านเถอะได้โปรด…ให้ข้าเกษียณด้วยองค์ชาย…”
“ไม่ได้หรอกน่า~ ไม่มีทาง ทำงานต่อไปเถอะ”
ในช่วงเวลาที่การเงินขาดแคลนเช่นนี้ จะให้นางเกษียณได้เช่นไร? ข้าอุตส่าห์ให้เงินเจ้าตั้งมากมายเลยไม่ใช่เหรอ? เจ้าควรจะซาบซึ้งและทำงานต่อไปนะ
“ข้าอยากจะเอ่อ…ขอลาออก…”
เมื่อลิลลี่เริ่มจะกลายเป็นวิญญาณสิ้นหวังที่เริ่มคร่ำครวญเรื่องลาออก นักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่นๆ ก็ลากนางออกไปพร้อมรถเข็น พวกเจ้าคงจะเอานางไปเก็บสักที่ใช่ไหมนั่น?
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! องค์ชาย"
“ให้ตายเถอะ เจ้าทำให้ข้าตกใจแทบแย่! คราวนี้เป็นใครอีก?!”
คราวนี้เสียงแผ่วเบาได้ดังออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ข้าสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ เสียงนั่นคือเดเมี่ยน
“น้ำนี้มีรสชาติที่แปลกประหลาดเหลือเกินนะครับ ฮี่ฮี่…”
“นั่นไม่ใช่น้ำสักหน่อย…”
ไอ้ใครหน้าไหนมันคิดเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กกินกัน? หือ?
ทันใดนั้นข้าก็เห็นหน้าผู้ร้าย จูปิเตอร์ที่ยังดูมีสติอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างซุกซน
“เฮ้ จูปิเตอร์! เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งแอลกอฮอล์ให้เด็กดื่มกัน!”
“เขาไม่ใช่เด็ก แต่เป็นทหารรับจ้างผ่านศึกต่างหาก”
จูปิเตอร์จุดซิการ์อย่างสบายๆ ขยิบตาให้ข้าด้วยดวงตาข้างเดียวของนาง
“เขาควรจะเรียนรู้เรื่องดื่มและสูบบุหรี่เอาไว้ เขาน่ะก็เป็นเหมือนหลานของข้า ข้าต้องสอนวิถีทางที่ถูกต้องให้เขาสิ”
“คิดอะไรถึงจะสอนหลานตนเองแบบนี้ จะทำให้กลายเป็นผู้ใหญ่นิสัยเสียหรือไง!”
ทันใดนั้นไหล่ของข้าก็หนักขึ้น เดเมี่ยนที่มีอาการมึนเมาอย่างรุนแรงได้เอนหน้าผากมาที่ไหล่ของข้า
“ฮี่ฮี่ ฝ่าบาท…เอิ๊ก”
“เจ้าช่างกล้าหาญนัก เดเมี่ยน ถึงกับพักหน้าผากของตนไว้บนร่างขององค์ชาย”
เดเมี่ยนที่เป็นเพียงสามัญชนย่อมไม่กล้าทำเช่นนี้อยู่แล้ว พลังของแอลกอฮอล์ช่างมหัศจรรย์จริงๆ แน่นอนว่าข้าไม่คิดจะลงโทษเขาเพราะทำเรื่องแค่นี้หรอก
ข้าสั่งให้ใครบางคนนำตัวเขาออกไปและพาเขาไปที่เตียง ยามนั้นเอง เดเมี่ยนก็ได้ตะโกนบางอย่างออกมา
“…เมื่อข้าอยู่คนเดียว ข้าก็เห็นใบหน้าของสหายที่เสียชีวิตไปแล้ว”
“…”
“ข้าลืมวันนั้นไม่ได้ ความรู้สึกผิดที่เป็นผู้รอดชีวิตเพียงผู้เดียวทำให้ข้าทุกข์ใจยิ่ง”
ข้านิ่งและยังคงฟังคำพูดของเดเมี่ยน เดเมี่ยนบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่ปะติดปะต่อกัน
“แต่มันกลับแปลกมาก… เมื่อข้าอยู่กับท่าน…ข้ากลับรู้สึกสงบลง”
นั่นไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมหรือโดดเด่นเลย มันเป็นเพียงเพราะความสามารถของทักษะติดตัวต่างหาก
มันเป็นเพียงความสามารถของ [ผู้บัญชาการผู้ไม่ย่อท้อ] ที่ช่วยขจัดสถานะทางจิตใจออกไป
แต่ข้าไม่สามารถกล่าวออกไปเช่นนั้นได้
“ดังนั้น…ข้าจึงอยากอยู่ … เคียงข้างท่าน…”
หลังจากนั้นไม่นาน เดเมี่ยนก็หมดสติไป
ข้ามองดูเด็กที่น่าสงสารผู้นี้ด้วยความอึดอัด ลมหายใจที่แผ่วเบาของเขาสัมผัสกับตัวข้าในขณะที่หน้าผากของเขายังอยู่บนไหลของข้า
“ข้าลองไตร่ตรองดูแล้ว ข้ารู้สึกได้เลยว่าเวทมนตร์ของข้าแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่อยู่ภายใต้คำสั่งของท่าน”
จูปิเตอร์ที่เฝ้ามองพวกเราอยู่ก็ขยับหัวของนางหันมา
“เป็นเพราะคำสั่งที่โดดเด่นขององค์ชายงั้นเหรอ?”
มันไม่ได้เป็นเพราะคำสั่งที่ยอดเยี่ยมของข้าหรอก แต่เป็นเพราะองค์ประกอบทีมต่างหาก
ความสามารถที่เพิ่มทั้งหมด 25% ได้ถูกกระจายไปให้ทุกคน
ทว่าข้าไม่สามารถตอบความจริงนี้ออกไปได้ ทั้งหมดที่ข้าทำได้คือหัวเราะตอบกลับไป
“คุณงามความดีทั้งหมดต้องมอบให้กับองค์ชายผู้มีบุคลิกอันสูงส่งและความสามารถในการเป็นผู้นำของท่าน”
คราวนี้ มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ข้าหมุนตัวไปรอบๆ พบลูคัสที่นั่งอยู่ที่นั่น
“ข้าเองก็รู้สึกว่าสิ่งกวนใจข้าได้หายไปเมื่อข้าอยู่ต่อหน้าท่าน การทำตามคำสั่งของท่านทำให้ข้ารู้สึกเบาขึ้นมา ราวกับว่าข้าสามารถบินได้ หากนี่ไม่ใช่เพราะบุคลิกและความสามารถของท่าน มันจะเป็นสิ่งใดได้อีก?”
ข้าตกตะลึงกับอีกฝ่ายที่ยกยอข้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเช่นนี้มาก
นี่ไม่ใช่เขาผู้มีนิสัยอย่างที่ข้ารู้จักเลยสักนิดเดียว ดูเหมือนว่าเขาเองก็คงจะฝังใจอยู่ไม่น้อยเลยสินะ มีแก้วเบียร์เปล่ากองอยู่ข้างๆ เขา
เมื่อได้เห็นลูคัสในสภาพนี้เป็นครั้งแรก ข้าก็ได้แต่หัวเราะออกมา จากนั้นข้าจึงยิ้มให้กับลูคัส
“นั่นคือเหตุผลที่เจ้ามักจะอยู่ข้างข้าเหรอลูคัส?”
ลูคัสที่กำลังจิบเบียร์อยู่ก็ขมวดคิ้ว
"บางทีกระมัง?"
เขาบอกว่า ’บางที’ เหรอ? นั่นไม่ใช่การตอบแบบตามปกติของอัศวินเลย
ขณะที่ข้ากำลังจะซักถามต่อไป ทหารคนอื่นๆ ก็รวมตัวกันอยู่รอบเรา ทหารต่างกินขนมปังกัน ชนแก้วกันไปอย่างรื่นเริง
“แด่สหายที่ร่วงโรยไป!”
“แด่เราที่ยังรอดชีวิต!”
“แด่องค์ชาย-!”
แต่ละคนผลัดกันดื่ม ไม่นานสายตาทุกคนก็จับจ้องมาที่ข้า
ข้ามองไปรอบๆ ด้วยความตกใจ
"อะไรกันเล่า? ทำไมพวกเจ้าถึงจ้องมองข้าเช่นนั้น?”
"องค์ชาย แก้วของท่านยังเต็มอยู่เลยนะ”
“อา ข้าแค่ไม่ชอบดื่ม…”
ในโลกแห่งความเป็นจริงข้าไม่ชอบดื่ม ทำให้ข้าจึงพยายามหลักเลี่ยงมันเสมอ
แต่ทหารทุกคนกับล้มลงกับพื้น แสร้งทำเป็นสะอื้น
“ขออภัยด้วยองค์ชาย! คงเพราะพวกเรายังทำให้มันไม่รื่นเริงพอสินะขอรับ!”
“เราทำให้เจ้าชายแอชผู้เป็นที่รู้จักกันว่าดื่มติดต่อกันอย่างต่อเนื่องได้ในหนึ่งสัปดาห์เลือกที่จะไม่จิบสักนิดเดียวเนี่ยนะ!”
นั่นมันชื่อเสียงบ้าบออะไรกัน! ไอ้เจ้าชายเฮงซวยบัดซบคนนี้มันมีชีวิตแบบไหนมา?!
“เราสมควรตาย! ได้โปรดประหารพวกเราด้วยเถิด!”
“เฮ้อ เจ้าโง่พวกนี้ แสดงกันเกินไปไหม! ลุกขึ้นได้แล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ได้โปรดดื่มเถิด!”
"อะไรนะ? ไหงถึงได้... "
“ดื่มเลย! ดื่มเลย! ดื่มเลย!”
ทหารที่อยู่รอบๆ เริ่มตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน
ดื่ม! ดื่ม! ดื่ม!
"เวรเอ๊ย"
ข้าไม่สามารถปฏิเสธและได้แต่ต้องคล้อยไปตามน้ำ
ข้ามีทางเลือกอะไรอีกกันเล่า? ในท้ายที่สุด ข้าก็หลับตาลงและยกเครื่องดื่มกระดกไปในคราวเดียว
ของเหลวได้ไหลลงลำคอ แผดเผาหลอดอาหารของข้าลงไปยังช่วงท้อง
“อึก! ตอนนี้พวกเจ้าพอใจกันหรือยัง?!”
หลังจากเช็ดปากของข้าอย่างแรง ข้าก็ตีชูแก้วเปล่าขึ้นเหนือศีรษะ
ทหารตะโกนออกมากันด้วยความยินดี ไอ้เจ้าพวกนี้...
“พวกเจ้ากล้าทำให้ข้าผู้เป็นถึงองค์ชายและผู้บัญชาการของพวกเจ้าต้องดื่ม! เช่นนั้นพวกเจ้าก็ต้องรับผลที่ตามมา! เฮ้ย! เติมแก้วของทุกคนเดี๋ยวนี้!”
เมื่อข้าสั่งการ ทหารจำนวนหนึ่งก็ได้นำถึงแอลกอฮอล์มาไว้เบื้องหน้า
เมื่อเติมลงแก้วทุกคนแล้ว ข้าก็ตะโกนออกมาต่อ
“เอาล่ะ มาฉลองกันเถิด ดื่มและตายไปด้วยกัน!”
เราสนุกสนาน ดื่มด่ำ ขับร้องและสนทนากันจนกระทั่งจันทราได้เดินทางไปจนถึงจุดสิ้นสุด
ค่ำคืนฉลองแห่งชัยชนะยังคงกินเวลาต่อไป
***
“โธ่เอ๊ย ข้าเมาหนักจนได้…”
ในที่สุด งานเลี้ยงก็ปิดฉากลงในช่วงใกล้รุ่งสาง
เมื่อไปถึงห้องของข้าในคฤหาสน์ ข้าก็ทำความสะอาดอย่างงุ่มง่ามและล้มตัวลงนอนบนเตียงพร้อมกับหัวที่คล้ายกำลังหมุนไปมา
เบียร์ในโลกนี้ไม่น่าให้อภัยสักนิดเดียว แม้ว่าข้าจะดื่มเบียร์ไปเพียงนิดหน่อย แต่ปริมาณแอลกอฮอล์ก็อยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับโลกเก่าของข้า
ข้าปรารถนาที่จะหลับลงอยู่ตรงนั้น แต่ข้าก็บีบบังคับเปลือกตาที่หนักอึ้งของข้าให้เปิดออกดูหน้าต่างระบบ
’ข้าต้องตรวจสอบสิ่งนี้ก่อนนอน’
กล่องรางวัลที่ปรากฏเป็นรางวัลของการเคลียร์ด่าน
กล่องระดับ R สองกล่องและกล่องระดับ N สามกล่อง
ถึงเวลาตรวจสอบของข้างในพวกมันแล้ว