กู่ซินก็ไม่ผ่อนคลายเช่นกัน และเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "พลังของทัณฑ์สายฟ้ากำลังแข็งแกร่งขึ้น หากยังคงเป็นเช่นนี้ สิ่งประดิษฐ์เต๋าชิ้นนี้อาจไม่สามารถต้านทานทัณฑ์สายฟ้าได้!"

มันจะทนไม่ไหวจริงๆเหรอ?

แม้แต่กู่ซินเองก็ไม่แน่ใจ

บางทีก็ทำได้ บางทีก็ทำไม่ได้

ในความเห็นของเขา เขาหวังว่าฉินซู่เจียนจะประสบความสำเร็จ แต่เขาก็หวังว่าฉินซู่เจียนจะล้มเหลวเช่นกัน

ในฐานะช่างตีเหล็กแห่งเผ่าเทพ

กู่ซินยังยอมรับด้วยว่าเต๋าการตีเหล็กได้ถดถอยลงในสามทวีป

ตอนนี้ ถ้าฉินซู่เจียนสร้างงสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นหกได้จริง ๆ ก็อาจหมายความว่าเต๋าการตีเหล็กจะกลับมาสู่จุดสูงสุด

ไม่!

ในขณะนี้ อีกฝ่ายได้สร้างสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นห้า ซึ่งเป็นตัวแทนของหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว

ถ้าเขาเป็นฉินซู่เจียนก็คงหยุดแค่นี้

กู่ซินจะไม่เสี่ยงที่จะสร้างสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นหก ขั้นห้าก็เพียงพอแล้ว

เพราะเขารู้ ตอนนี้มีผู้ทรงอำนาจอยู่ทุกที่

หากสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นห้าถูกสร้าง คนเหล่านี้จะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะพวกเขาไม่มั่นใจ

แม้ว่า ฉินซู่เจียนดูเหมือนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป

ผู้เชี่ยวชาญที่ทำให้จักรพรรดิปฐพีได้รับบาดเจ็บสาหัส

ไม่มีใครเต็มใจเป็นศัตรูด้วย

อย่างไรก็ตาม หากเขายังคงหลอมสร้างต่อไป ความน่าจะเป็นที่จะล้มเหลวก็จะยิ่งมากขึ้นไปอีก มีปัจจัยทั้งภายใน และภายนอก

แต่ …

กู่ซินส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจ “เท่าที่ข้ารู้ ฉินซู่เจียนภูมิใจในตัวเอง และหยิ่งผยอง เขาจะไม่หยุดแค่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการสร้างสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นหก ความน่าจะเป็นของความล้มเหลวจึงสูงมาก”

หลังจากถอนหายใจด้วยอารมณ์

จู่ๆ ท่าทางของกู่ซินก็เปลี่ยนไป และเขาพูดอย่างเย็นชา "หากมีโอกาส หาทางเข้าไปแทรกแซง เราต้องไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จได้!"

จากตัวตนของเขาในฐานะช่างตีเหล็ก เขาหวังว่าฉินซู่เจียนจะประสบความสำเร็จ

แต่จากมุมมองของเผ่าเทพ เขาหวังว่าฉินซู่เจียนจะล้มเหลว

แม้ว่ากู่ซินจะเป็นช่างตีเหล็ก แต่ก็มีคำว่า "เผ่าเทพ" อยู่ข้างหน้าชื่อของเขา

พูดอย่างเคร่งครัด

เขาเป็นช่างตีเหล็กแห่งเผ่าเทพ

ฉินซู่เจียนจะต้องไม่ประสบความสำเร็จ

ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ประสบความสำเร็จ อิทธิพลของการหลอมสร้างนี้จะลดลงอย่างมาก และในเวลาเดียวกัน เผ่ามนุษย์ก็จะมีสมบัติน้อยลงหนึ่งชิ้นเพื่อกักเก็บโชคชะตาของพวกเขา

ไม่ว่ามันจะเป็นจุดไหนก็ตาม มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเผ่าเทพ

กู่หว่านก็เข้าใจในสิ่งที่กู่ซินสื่อ เขาพยักหน้าและกล่าวว่า "ข้ารู้ เจ้าต้องการหาวิธีติดต่อกับเผ่าอสูร และเผ่าโลหิตหรือไม่?"

“ส่งข้อความออกไป!”

กู่ซินพยักหน้า “ถ้าเผ่ามนุษย์ผงาดขึ้น มันจะไม่ใช่แค่เรื่องของเผ่าเทพ มันจะไม่ง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเฝ้าดูจากข้างสนาม หากพวกเขาไม่เต็มใจที่จะช่วยจริงๆ เราจะไม่เคลื่อนไหว”

นั่นคือสิ่งที่เขาพูด

แต่เมื่อเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทุกฝ่ายก็ยังคงต้องเคลื่อนไหว

บนยอดเขา

เทียนหง และอสูรสวรรค์อีกสองคนดูเคร่งขรึม

“พลังของทัณฑ์สายฟ้าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าระดับแปดของขอบเขตสวรรค์ ถ้าเพิ่มขึ้นไป ข้าเกรงว่ามันจะไปถึงระดับเก้า หรือแม้แต่ระดับสิบ”

เทียนหงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า "เมื่อถึงเวลานั้นก็จะเป็นเวลาที่เราจะลงมือ"

เมื่อถึงระดับสิบของขอบเขตสวรรค์จริงๆ …

แม้แต่ผู้ทรงพลังอย่างจักรพรรดิอสูรก็ไม่กล้าที่จะเสียสมาธิ

ฉินซู่เจียนแข็งแกร่ง

แต่เมื่อเผชิญกับทัณฑ์สายฟ้าเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้อย่างแน่นอน

พูดตามตรง… เทียนหงรู้สึกขัดแย้งในใจ

เขาหวังว่าฉินซู่เจียนจะล้มเหลว จากนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหว พวกเขาสามารถกลับไปยังเผ่าของตนเองได้

นอกจากนี้เขายังหวังว่าฉินซู่เจียนจะยังคงหลอมสร้างต่อไป

เมื่อถึงเวลานั้น…

พวกเขาอาจทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยซ้ำ

ใช่ บาดเจ็บสาหัส!

เทียนหงไม่มั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าฉินซู่เจียนได้

ความหวังสูงสุดของเขาคือ การทำร้ายฉินซู่เจียน

เมื่อถึงเวลานั้น …

จักรพรรดิมนุษย์ได้รับบาดเจ็บ!

ฉินซู่เจียนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน!

การป้องปรามของเผ่ามนุษย์ต่อโลกภายนอกจะอ่อนแอลงถึงขีดสุด

หากเป็นกรณีนี้ …

มันจะง่ายยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับเผ่าต่างๆ ที่จะปราบปรามเผ่ามนุษย์

ท้ายที่สุดทุกคนก็รู้

ตอนนี้เผ่ามนุษย์อ่อนแอที่สุด มีผู้ทรงอำนาจไม่มากนัก สิ่งที่ขัดขวางพวกเขาคือจักรพรรดิมนุษย์ และฉินซู่เจียน

ทั้งสองแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว

ด้วยสองคนนี้ … พวกเขาเทียบได้กับผู้ทรงอำนาจหลายสิบคน

แต่ในขณะเดียวกัน …

เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับทั้งสองคน เผ่ามนุษย์ก็จะร่วงหล่นจากฟ้า

ดังนั้นเป้าหมายของเผ่าอสูรจึงไม่เรียบง่ายเหมือนกับการหยุดฉินซู่เจียนจากการสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังต้องการหาโอกาสที่จะทำร้ายฉินซู่เจียนอย่างรุนแรง

ตราบใดที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส …

มันจะเทียบเท่ากับเผ่ามนุษย์สูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง

อสูรสวรรค์อีกคนพูดว่า "มีข่าวจากเผ่าอื่นบ้างไหม?"

“เผ่าเทพได้ส่งข้อความมาแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะร่วมมือกับเรา”

เทียนหงกล่าวอย่างใจเย็น

เขาไม่ได้คิดถึงเผ่าเทพมากนัก

เผ่าของผู้ทรยศเช่นนี้ไม่คู่ควรกับความสนใจของเผ่าอสูรเลย

แต่มีเพียงเผ่าเทพเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอ เผ่าอสูรจึงต้องร่วมมือกับพวกเขา

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ทำ

ใครจะเต็มใจให้ความสนใจกับเผ่าเทพ?

ผู้ทรยศไม่ได้รับคุณค่าไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ยกเว้นผู้ทรยศที่มีความแข็งแกร่งมากพอ

ในท้องฟ้า

สายฟ้าฟาดลงอย่างต่อเนื่อง

พลังทำลายล้างเพิ่มขึ้นโดยตรงจากระดับแปดของขอบเขตสวรรค์ไปยังระดับเก้า

ฉินซู่เจียนออกแรงเต็มที่ และเหวี่ยงค้อนยักษ์อย่างบ้าคลั่ง สร้างรายชื่อสวรรค์ให้สมบูรณ์แบบ

ตราประทับเต๋าที่หก

มันกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

สิบวัน!

ผ่านไปสิบวันแล้ว

ในช่วงเวลานี้ ทัณฑ์สายฟ้าไม่ได้หยุดแม้แต่ครึ่งลมหายใจ พลังทำลายล้างถูกสาดเทลงมาอย่างต่อเนื่อง และเกินระยะ 30,000 ลี้ไปแล้ว

และใต้เมฆฝน ปรากฏการณ์ฟ้าดินดูเหมือนจะมีนัยสำคัญ

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน ก็ได้ดึงดูดความสนใจของทุกเผ่าในสามทวีปแล้ว เกือบทุกเผ่าพันธุ์ได้ส่งผู้ทรงอำนาจมา

มันเป็นเพียงเพราะการขัดขวางของฮั่วซาน และคนอื่นๆ

ในขณะนี้ยังไม่มีใครก้าวเข้าสู่ดินแดนของมนุษย์

"มันจะเป็นสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นหก!"

ในความว่างเปล่า ลอร์ดเป่ยหยุนมองไปที่รายชื่อสวรรค์ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของฉินซู่เจียน

เขารู้สึกทึ่งกับทักษะการตีเหล็กของอีกฝ่ายจริงๆ

สิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นหก

ในรอบหลายแสนปี มีช่างตีเหล็กเพียงไม่กี่คนที่สามารถเติบโตถึงระดับนี้ได้อย่างแท้จริง

เขาคู่ควรจริงๆ

ตำแหน่งช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์

ในทะเลจิตสำนึก เสียงของหอกหินดังขึ้น "ถ้าข้าจำไม่ผิด เขาควรจะหลอมชิ้นส่วนของรายชื่ออมตะลงไป นี่คือสมบัติสูงสุดของศาลสวรรค์โบราณ ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นเก้า”

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะใช้ชิ้นส่วนสมบัติสูงสุด แต่ความสามารถในการสร้างสิ่งประดิษฐ์เต๋าหกด้วยมือเปล่ายังคงน่าตกใจ หากเป็นยุคโบราณ เขาคงจะเป็นแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายเผ่าพันธุ์!”

“แต่ตอนนี้เขาดึงดูดความสนใจมากไปแล้ว มีผู้ทรงอำนาจมากกว่า 60 คนอยู่ที่นี่ หากพวกเขาเหล่านี้ต้องการโจมตีจริงๆ เจ้าต้องระวัง”

"ไม่มีปัญหา"

ลอร์ดเป่ยหยุนยิ้มเบาๆ

ผู้ทรงอำนาจมากกว่าหกสิบคนตกตะลึงจริงๆ

อย่างไรก็ตาม …

ลอร์ดเป่ยหยุนไม่กลัว ในทางกลับกัน จิตวิญญาณการต่อสู้ที่ซ่อนอยู่ก็ค่อยๆ ตื่นขึ้น

มีผู้ทรงอำนาจมากกว่า 60 คนแล้วยังไงล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ผู้ทรงอำนาจทั้งหมดเหล่านี้มาจากเผ่าอสูร หรือเผ่าเทพ

หากพวกเขาต้องการโจมตีจริงๆ …

เผ่ามนุษย์มีโอกาสที่จะชนะ

ยิ่งกว่านั้น …

ลอร์ดเป่ยหยุน มองไปที่ฉินซู่เจียนที่กำลังหลอมสร้าง และคิดกับตัวเอง “อะไรคือที่มาของความมั่นใจของเจ้า? มันเป็นความแข็งแกร่งของตัวเจ้าเองเหรอ?”

บูม…

ค้อนทุบลง และตราประทับเต๋าที่หกก็ก่อตัวขึ้นในทันใด

ในขณะนี้ …

รายชื่อสวรรค์ได้รับการยกระดับเป็นสิ่งประดิษฐ์เต๋าขั้นหก!

ฉินซู่เจียนไม่หยุด และปล่อยแก่นโลหิตของจักรพรรดิปฐพีโดยตรง

ทันทีที่แก่นโลหิตปรากฏขึ้น …

ร่างยักษ์ศิลาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

“นั่นคือ … จักรพรรดิปฐพี!”

“ฉินซู่เจียนทุบตีจักรพรรดิปฐพีจนกระทั่งเขาสูญเสียแก่นโลหิตเลยงั้นรึ?”

เมื่อเห็นร่างยักษ์ศิลาปรากฏขึ้น ท่าทางของผู้ทรงอำนาจหลายคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

เรื่องนี้เกินความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

จักรพรรดิปฐพีได้รับบาดเจ็บสาหัส กับการได้รับแก่นโลหิตของจักรพรรดิปฐพี เป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

อย่างแรกจำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเท่านั้น

หากเป็นอย่างหลัง เขาจะต้องบดขยี้อีกฝ่ายเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นแก่นโลหิตของจักรพรรดิ

มันไม่ง่ายที่จะได้มา

ไม่มีใครคาดคิดว่า ฉินซู่เจียนจะมีแก่นโลหิตของจักรพรรดิปฐพี

ไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์ต่างๆ ต่างตกตะลึง แต่แม้แต่ผู้ทรงอำนาจเผ่ามนุษย์ยังตกตะลึงอีกด้วย

ฮั่วซานตกตะลึงในขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง “เจ้านิกายฉินนั้นโหดเหี้ยมจริงๆ เขาทุบตีจักรพรรดิปฐพี จนกระทั่งอีกฝ่ายพ่นแก่นโลหิตออกมา!”

หลังจากตกใจอยู่ครู่หนึ่ง …

เขาก็รู้สึกตื่นเต้น

ยิ่งฉินซู่เจียนแข็งแกร่งเท่าไรก็ยิ่งดีสำหรับเผ่ามนุษย์เท่านั้น

เผ่ามนุษย์!

พวกเขาต้องการผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้!

ผู้ทรงอำนาจทั้งสองแห่งเผ่าสุนัขเก้าหัวก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขามองหน้ากัน และเห็นความไม่เชื่อในสายตาของกันและกัน

“ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิปฐพีนั้นสูงมาก ตอนที่ข้าต่อสู้กับเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”

“เขาไม่เพียงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น จักรพรรดิปฐพียังอ่อนแอกว่าจักรพรรดิพุทธะ และจักรพรรดิอสูรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

จักรพรรดิปฐพีแข็งแกร่งมาก!

เผ่าภูติดินเป็นเผ่าพันธุ์รองของเผ่าอสูร เผ่าสุนัขเก้าหัวย่อมเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเผ่าภูติดินมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ยิ่งพวกเขารู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของจักรพรรดิปฐพีมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งเข้าใจว่าแก่นโลหิตในมือของฉินซู่เจียนหมายถึงอะไร

มันหมายความว่า … ฉินซู่เจียนแข็งแกร่งกว่า

นอกจากนี้ อีกฝ่ายบุกไปในดินแดนของเผ่าภูติดิน และทำให้จักรพรรดิปฐพีได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่นน่าทึ่งยิ่งกว่า

จักรพรรดิปฐพีถูกทำร้ายจนเสียแก่นโลหิต ความแข็งแกร่งของฉินซู่เจียนต้องน่าสะพรึงกลัวมาก

หนึ่งในผู้ทรงอำนาจของเผ่าสุนัขเก้าหัวสูดหายใจเข้าลึกๆ “ฟู่ ดูเหมือนว่าเราจะต้องประเมินความแข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์อีกครั้ง!”

แม้ว่าเผ่ามนุษย์จะขาดผู้ทรงอำนาจ …

แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดของพวกเขาแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ

จักรพรรดิมนุษย์หนึ่งคน และฉินซู่เจียนหนึ่งคนก็เพียงพอแล้วที่จะรับประกันความอยู่รอดของเผ่ามนุษย์

ในขณะนี้ …

ฉินซู่เจียน ทุบเงาของจักรพรรดิปฐพีด้วยค้อน จากนั้นจึงรวมแก่นโลหิตเข้ากับรายชื่อสวรรค์

เมื่อแก่นโลหิตผสานเข้าด้วยกัน...

รายชื่อสวรรค์เปล่งออร่าอันทรงพลังออกมา

จักรพรรดิปฐพีเป็นผู้ฝึกฝนขอบเขตนิพพานครึ่งก้าว พลังของแก่นโลหิตของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวไม่ใช่ธรรมดา

รายชื่อสวรรค์ที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ …

เมื่อแก่นโลหิตของจักรพรรดิปฐพีรวมเข้าไป มันก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง

เงาของตราประทับเต๋าดูเหมือนจะปรากฏขึ้นภายในนั้น

บนท้องฟ้า …

ทันใดนั้นสายฟ้าสีแดงเข้มก็ถูกย้อมเป็นสีดำจางๆ

เมื่อสีดำปรากฏขึ้น …

ออร่าแห่งลางร้ายก็แผ่กระจายออกไป และผู้ทรงอำนาจทั้งหมดก็สั่นสะท้าน

ซาเสิ่นกล่าวว่า "พลังของทัณฑ์สายฟ้าได้สัมผัสถึงขอบเขตนิพพานแล้ว ระวัง อย่าฝืนตัวเองถ้าเจ้าทนรับไม่ไหว!"

“ทัณฑ์สายฟ้าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำอะไรข้าได้!”

ฉินซู่เจียนคำราม และใช้สำแดงกฏฟ้าดิน ร่างของเขาซึ่งสูงหลายพันฟุตยืนอย่างภาคภูมิบนท้องฟ้า

รายชื่อสวรรค์ก็ขยายขึ้นตามสายลม

ในเวลาเดียวกัน …

สายฟ้าแห่งการทำลายล้างก็ตกลงมา

0 0 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด