ตอนที่แล้วบทที่ 10: [ด่าน 0] สิ้นสุดด่านฝึกสอน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12: [เนื้อเรื่องเสริม] ผู้อำนวยการที่ข้าอยากจะฆ่า

บทที่ 11: [เนื้อเรื่องเสริม] เมืองป้อมปราการ ครอสโรด


[เรื่องนี้จะลงขั้นต่ำวันละ 2 นะครับ บางไหนว่างอาจจะลงเพิ่ม ขออภัยด้วยเนื่องจากตอนมันมีความยากมากเลยทำได้แค่นี้ครับ คำหลายคำเปลี่ยนไปพอสมควร รบกวนกลับไปอ่านตอนแรกใหม่นะครับ เพราะผู้แปลคนเก่าไม่อยู่แล้ว]

บทที่ 11: [เนื้อเรื่องเสริม] เมืองป้อมปราการ ครอสโรด

กึก กึก

“ฮาวว…”

ข้าหาวในเกวียนที่กำลังสั่นไหว

เป็นเวลาสามวันแล้วตั้งแต่เราเริ่มเดินทัพขึ้นเหนือ กลับไปยังฐาน

ตารางงานล่าช้าเนื่องจากเราเคลื่อนไหวช้าเพราะมีผู้บาดเจ็บ (โดยเฉพาะข้า)

“น่าเบื่อชะมัด…”

ข้าคร่ำครวญและแนบชิดหลังข้าบนเบาะเกวียน ข้าปวดหลังเพราะต้องนั่งทั้งวัน

“ลูคัส! พวกเราถึงแล้วหรือยัง?!”

“อีกไม่นานเราจะถึงกันแล้วขอรับองค์ชาย! โปรดทนรออีกสักหน่อยนะขอรับ!”

เมื่อข้าตะโกนถามลูคัสซึ่งกำลังขับเกวียน คำตอบที่ข้าได้ยินมาแล้วห้าครั้งก็กลับมาเป็นคำตอบ

นี่มันอะไรกัน บริการจัดส่งของหรือไง? เขาเอาแต่พูดตอบคำเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก!

"เฮ้อออ..."

ข้าถอนหายใจและกลิ้งตัวไปบนผ้าปูที่นอน จากนั้นก็แตะบริเวณคอของข้าจนมันส่งเสียงเหมือนกับเหล็ก

มันคือสร้อยคออันหนึ่ง

ข้าปลดสร้อยคอออกด้วยมือที่ยังพันผ้าไว้และถือมันไว้ในมือ

ข้าไม่แน่ใจว่าจะเรียกสิ่งนี้ว่าสร้อยคอได้ไหม มันเหมือนกับขดลวดมากกว่า มันทำจากหนังสีดำและมีเครื่องประดับเป็นโลหะห้อยลงมาจากตรงกลาง

'เห็นได้ชัดว่าเป็นรางวัลของด่านฝึกซ้อม'

ข้าได้รับสิ่งนี้จากกล่องรางวัล ซึ่งมันเข้ามาในกระเป๋าเก็บของของข้าหลังจากเคลียร์ด่าน 0 ไป

ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ากระเป๋าเก็บของคืออะไร ข้ารู้เพียงมันเป็นกระเป๋ามิติที่สามารถเก็บของข้างในได้

เหมือนที่ข้าเคยเห็นในโดราเอมอน ข้าคิดว่ามันก็สมเหตุสมผลดี เพราะนี่คือโลกของเกม

[สร้อยคอของ ???]

- ระบบยังไม่ได้รับการปลดล็อค

- ใช้ได้หลังจากเรื่องราวดำเนินไป

ข้าขมวดคิ้วขณะมองดูสร้อยคอที่น่าสงสัยนี้

เท่าที่ข้าจำได้มันไม่มีรางวัลในด่าน 0 เพราะด่านนั้นมันไม่สามารถเคลียร์ได้

แต่ข้าก็เคลียร์มันได้และได้รับกล่องรางวัลมา ข้าเปิดแล้วเจอสิ่งนี้ ทว่าข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะใช้ที่ไหนหรืออย่างไร...

'อืม ไว้ข้าจะไปค้นหาวิธีการใช้มันทีหลังแล้วกัน'

ข้าสวมสร้อยคอตรงคออีกครั้ง

มันค่อนข้างมีประโยชน์ในการปกปิดรอยแผลไหม้ที่ข้าได้รับจากการต่อสู้ตรงคอครั้งสุดท้าย มันเป็นส่วนที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด แต่ก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เช่นกัน

'เอาล่ะ เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ก็ต่อที่…'

ข้าเปิดหน้าต่างสถานะของข้าขึ้น

[แอช (EX)]

- ระดับ: 5

สมญานาม: เจ้าชายผู้เลวร้าย

- อาชีพ: ผู้ฝึกหัด (ตอนนี้ท่านสามารถเลือกอาชีพของท่านได้แล้ว!)

- ความแข็งแกร่ง 2 | ความคล่องแคล่ว 3 | ค่าสติปัญญา 5 | แรงกาย 2 | มานา 3

"อืม…"

ข้าส่งเสียงออกมาขณะที่ข้ามองดูค่าสถานะที่เพิ่มขึ้น มันเป็นเรื่องแปลกเกินไปที่ตัวละครนี้จะเป็นตัวละครพิเศษ เพราะค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมันต่ำเกินไป

การเพิ่มค่าสถานะในเกมนี้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างสมบูรณ์

แม้ว่าตัวละครที่ใช้ในการต่อสู้จะ...ได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ค่าสถานะก็อาจเพิ่มขึ้นแบบสุ่ม

'โดยส่วนตัวแล้ว ข้าชอบตัวละครประเภทนักสู้มากกว่า'

มันเป็นตัวละครที่มีความสมดุล สามารถโจมตีและป้องกันได้จนมันถูกเรียกว่านักสู้

ซึ่งตัวละครที่มีอัตราการรอดชีวิตสูงสุดในเกมนี้ก็คือนักสู้

ข้ากำลังคิดที่จะเพิ่มพลังตัวเองให้กลายเป็นนักสู้ แต่ค่าสถานะของข้ากลับเพิ่มขึ้นเช่นนี้

ถ้าข้าดูจากค่าสถานะ ดูเหมือนว่าข้าจะสามารถเลือกอาชีพนักเวทย์ได้ แต่ค่าสถานะอื่นๆ ก็ต่ำเกินไป...

'ทำให้ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องอาชีพเลย'

เนื่องจากการเลือกอาชีพเป็นสิ่งที่โผล่มาอย่างไม่คาดคิด ข้าจึงไม่สามารถเลือกทิศทางที่ข้าต้องการกับตัวละครของข้าได้ จากนั้นข้าจึงเปิดหน้าต่างอาชีพขึ้นมา

ตัวละครทั้งหมดถูกกำหนดอาชีพไว้ที่ระดับ 5 (ในเกมตัวละครทั้งหมดเริ่มต้นที่ระดับ 5 หรือสูงกว่า และหลังจากนั้นจะสามารถเลื่อนอาชีพเพิ่มเติมได้ทุกๆ 15 ระดับ

อาชีพขั้นกว่าของอาชีพแรกจะอยู่ที่ระดับ 20 อาชีพขั้นกว่าครั้งที่สองจะอยู่ที่ระดับ 35 และอาชีพสุดท้ายจะอยู่ที่ระดับ 50

ทว่าข้าเริ่มต้นที่ระดับ 1 และในที่สุดก็สามารถเลือกอาชีพได้หลังจากเป็นระดับ 5

[อาชีพที่สามารถเลือกได้]

- อัศวินระดับเริ่มต้น

- นักเวทระดับเริ่มต้น

- นักบวชระดับเริ่มต้น

- นักดาบระดับเริ่มต้น

- ระดับเริ่มต้น……

เป็นรายชื่ออาชีพที่ไม่มีที่สิ้นสุด ข้าเห็นรายชื่อทุกอาชีพที่มีอยู่ในเกมนี้

เป็นงั้นเองสินะ ข้าเดาว่าข้าสามารถเลือกทิศทางใดก็ได้ตามที่ข้าต้องการ เหมือนกับการ์ดพิเศษใช่ไหม?

ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าคงจะเลือกชั้นเรียนที่เหมาะกับความต้องการของข้า ทว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ชื่อตัวสุดท้ายในรายการ

[อาชีพที่สามารถเลือกได้]

- ผู้บัญชาการระดับเริ่มต้น

อาชีพที่ข้าไม่เคยเห็นในขณะที่เล่นเกมได้ปรากฏอยู่บนหน้าจอ

'ผู้บัญชาการ?'

เป็นอาชีพพิเศษที่ปลดล็อคหลังเคลียร์ความยากระดับ  'นรกคนเกราะเหล็ก' งั้นเหรอ? ข้าเดาว่ามันคงเป็นอาชีพลับที่ถูกซ่อนเอาไว้

ทว่ามันก็ไม่รับประกันว่าจะเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยม เพียงเพราะมันเป็นอาชีพลับสักหน่อย มีโอกาสสูงมากที่มันจะกลายเป็นกับดัก

หากข้าต้องเอาอาชีพที่ข้าไม่มีข้อมูล มันอาจจะทำให้ข้าเกิดหายนะได้

ถ้านั่นคือทั้งหมด ข้าก็คงเมินเฉยและไปเลืกอาชีพที่ปลอดภัย แต่...

-ทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้:

> ทักษะติดตัว: ผู้บัญชาการผู้ไม่ย่อท้อ

> ทักษะ 1: ??? (ปลดล็อคหลังจากการเลื่อนอาชีพขั้นแรก)

> ทักษะ 2: ??? (ปลดล็อคหลังจากการเลื่อนอาชีพขั้นสอง)

> ท่าไม้ตาย: ??? (ปลดล็อคหลังจากการเลื่อนอาชีพขั้นสาม)

ปัญหาคือทักษะนี้ที่ข้ามีต่างหาก!

ทักษะที่ข้าได้รับจากการต่อสู้ครั้งก่อนมีชื่อว่า [ผู้บัญชาการผู้ไม่ย่อท้อ] โดยพื้นฐานแล้ว มันก็เหมือนกับบอกให้ข้ากลายเป็นอาชีพผู้บัญชาการไม่ใช่เหรอ?

ส่วนความสามารถของทักษะที่ข้าปลุกขึ้นมาคือ-

[ผู้บัญชาการผู้ไม่ย่อท้อ]

- ทักษะที่สร้างขึ้นโดยจิตวิญญาณอันสูงส่งที่ไม่เคยยอมแพ้ ไม่ว่าจะพานพบสิ่งใดก็ตาม

- ให้ภูมิคุ้มกันต่อผลเสียทางจิตใจแก่พันธมิตรทั้งหมดภายในรัศมี 10 เมตร

มันเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมมาก

มันเป็นทักษะที่น่าทึ่งจริงๆ

ในเกมนี้ ศัตรูประเภทพ่อมดที่ปรากฏขึ้นกลางเรื่องของเกมจะเริ่มร่ายทักษะสถานะลบทางจิตขึ้นมา

ความสับสนและความกลัวเป็นอะไรที่้เกิดขึ้นบ่อยสุด และบางครั้งพวกเขาก็ถึงขั้นร่ายเวทย์ควบคุมจิตใจด้วยซ้ำ

มันสามารถตอบโต้ได้ด้วยค่ามานาที่สูง แต่ตัวละครที่มีค่ามานาต่ำต้องทนทุกข์ทรมานหลายครั้งในระหว่างการเล่นของข้า

ครั้งหนึ่งลูคัสกวาดล้างทีมของข้าไปทั้งหมด เพราะเขาตกอยู่ภายใต้เวทมนตร์ควบคุมจิตใจ ดังนั้นข้าจึงต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ต้น

สิ่งนี้มันเป็นทักษะที่เริ่มใช้เมื่อถึงช่วงกลางเกมได้ดี ใช่ มันเยี่ยมมาก แต่...

'มันไม่...มีประโยชน์จริงๆ ในช่วงแรกของเกม…'

ในช่วงแรก ศัตรูส่วนใหญ่ที่ผู้เล่นเผชิญหน้านั้นเป็นสัตว์ประหลาดธรรมดาๆ ที่เพียงพุ่งเข้ามาเท่านั้น ผู้เล่นจะไม่ค่อยเจอศัตรูที่ร่ายทักษะสถานะทางลบเลย

แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องดีที่จะสามารถรักษาสภาพจิตใจของพันธมิตรให้ดีอยู่ได้เสมอ

ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับทักษะติดตัวอื่นๆ เช่น ทักษะติดตัวของลูคัส [บุรุษเหล็ก] มันก็ถือว่าไร้ค่าเกินไป…ทักษะที่ข้าต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือทักษะที่จะช่วยให้ข้าผ่านพ้นสถานการณ์ได้ในตอนนี้ไปได้

“อา~ นี่สินะคือความเจ็บปวด”

ข้ากำลังคิดว่าจะต้องเลือกเส้นทางไหนเพื่อความอยู่รอดในอนาคต โดยเอาแขนวางไว้บนศีรษะ

“องค์ชาย ข้าเห็นครอสโรดแล้ว!”

ข้าได้ยินเสียงของลูคัสดังขึ้น

"สักที่สินะ!"

ข้าโผล่หัวออกไปนอกหน้าต่างของเกวียน เอาล่ะ มไหนาดูกัน

ไม่ไกลเกินขอบฟ้า ที่นั่นคือเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็ก

* * *

. .

. .

.

.

* * *

ครอสโรด

นั่นคือชื่อของป้อมปราการที่สร้างขึ้นทางตอนใต้สุดของโลก

ป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อหยุดยั้งสัตว์ประหลาดที่หลั่งไหลออกมาจาก 'ทะเลสาบทมิฬ' ที่ตั้งอยู่ทางใต้

ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ มีทหารหลายหมื่นนายประจำการอยู่บนผนังเสริมด้วยเหล็ก โดยมีน้ำมนต์ไหลผ่านคูน้ำ ปืนใหญ่และหน้าไม้ยักษ์

แต่ในขณะที่การรุกรานของสัตว์ประหลาดลดน้อยลงไปในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา จักรวรรดิก็ถอนทหารออกจากพื้นที่และส่งพวกเขาไปยังแนวรบอื่น

เพราะโลกใบนี้อยู่ในภาวะสงครามเสมอ และนี่ไม่ใช่แนวหน้าเดียวที่จักรวรรดิต้องรับมือ

ในระหว่างที่กองทัพไม่อยู่ ก็มีการจ้างทหารรับจ้างมาทำหน้าที่แทนทหาร

ทหารรับจ้างได้รับการว่าจ้าง โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือทักษะของพวกเขา พูดตามตรง สิ่งที่จักรวรรดิต้องการคือเกราะเนื้อเพื่อค้ำจุนแนวหน้าแห่งนี้เอาไว้

ทหารผ่านศึกที่เกษียณอายุแล้วและพวกเด็กที่ทักษะต่ำที่ถูกผลักออกจากสงครามระหว่างมนุษย์ก็แห่กันเข้ามาที่นี่

เมื่อชีวิตราคาถูกแห่กันไปในป้อมปราการ ร้านอาหาร โรงแรมขนาดเล็ก และธนาคารก็เติบโตขึ้นอย่างทวีคูณ

หลายทศวรรษผ่านไป เมืองป้อมปราการได้กลายเป็นเมืองที่มีรูปร่างผิดปกติและใหญ่โต

หลังจากจุดหนึ่ง ผู้คนก็เริ่มไม่เรียกครอสโรดว่าเมืองป้อมปราการด้วยซ้ำ แต่พวกเขาเริ่มเรียกมันว่า—

แนวรบมอนสเตอร์ เมืองป้อมปราการ

มันก็มีชื่อที่แตกต่างกันมากมาย ราวกับเป็นการเยาะเย้ยพวกทหารรับจ้างที่บินไปสู่ความตายอย่างตาบอดเพราะเงินเหมือนดั่งแมลงเม่า

ถนนแห่งการฆ่าตัวตาย เมืองหลุมฝังศพ

'ที่นี่สินะครอสโรด'

ข้าอ้าปากเล็กน้อยขณะเข้าไปในประตูทางใต้ของเมืองด้วยเกวียน

'ข้าไม่รู้เลยตอนที่มองผ่านหน้าจอเกม...แต่เมืองนี้ใหญ่กว่าที่ข้าคิดไว้พอสมควร'

ในโหมดการบริหารเกม ผู้เล่นจะมองเห็นเมืองจากด้านบน และจะสามารถวิ่งไปรอบๆ บนกำแพงป้อมปราการได้เท่านั้นในโหมดป้องกันหอคอย ดังนั้นข้าจึงไม่เข้าใจขนาดของเมืองสักเท่าไร

ซึ่งการได้เห็นมันด้วยตาเปล่าก็ทำให้รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

'มันทรุดโทรมกว่าที่ข้าคิดไว้มาก!'

ข้าขมวดคิ้วขณะมองดูสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

กำแพงที่ถูกโจมตีโดยสัตว์ประหลาดมานานหลายปีได้พังทลายลง เพราะไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเหมาะสม

คูเมืองแห้งเหือด และภายในเมืองที่ได้รับการปรับปรุงใหม่หลายครั้งเกิดความยุ่งเหยิง เพราะการแบ่งพื้นที่ในเมืองไม่ได้รับการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม

'มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการ'

ที่นี่คือป้อมปราการที่คอยป้องกันของมนุษยชาติ

แล้วก็…เป็นสถานที่ที่ข้าจะปกครองด้วย

'จะว่าไปตัวข้าถือว่ามีศักดินาของเมืองนี้อยู่บ้างใช่ไหมนะ?'

บนโลกก่อน ข้าไม่มีบ้านที่ซื้อด้วยชื่อของข้าด้วยซ้ำ  ข้าไม่เคยคิดเลยว่าความฝันที่จะได้มีบ้านเป็นของตัวเองจะมาไวขนาดนี้ ทั้งยังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ด้วย

แม้ว่าการมาสู่อีกโลกหนึ่งและการมีชีวิตที่มีความเสี่ยงตลอดเวลานั้นเป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่สักเท่าไร

ขบวนเกวียนได้ขับเข้ามาในเมืองตามถนน

ประชาชนออกมาที่ถนนสายหลักเพื่อมองดูขบวนแห่ ใบหน้าของประชาชนดูไม่สดใสนัก

ก็เข้าใจได้ ผู้บัญชาการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่และขุนนางศักดินาสูงที่สภาพเละ กองกำลังทั้งหมดยังถูกทำลายล้างจนเกือบหมดสิ้นอีก

ทว่าใบหน้าของผู้คนที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจก็เปลี่ยนไปเป็นประหลาดใจในไม่ช้า

มันเป็นเพราะเกวียนได้บรรทุกเสบียงบางอย่างตามมาข้างหลังเกวียนของข้าที่นำด้านหน้า

“ดูนั่นสิ...!”

“นั่นคือผลึกเวทมนตร์ทั้งหมดเลยเหรอ?”

ขณะที่ข้าฟังเสียงพูดคุยของประชาชน ข้าก็ตระหนักว่ามันกำลังเป็นไปตามแผนที่วางไว้

ผลึกเวทมนตร์แมงมุมดำหลายร้อยก้อนถูกบรรจุลงบนเกวียนที่อยู่ด้านหลัง

ในอารยธรรมที่มีการใช้เวทมนตร์ทั่วไป ผลึกเวทมนตร์ก็เหมือนกับน้ำมัน

ผลึกเวทมนตร์ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้จากร่างสัตว์ประหลาดเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดที่ผลิตในเมืองนี้

พวกมันเป็นเหตุผลหลักว่าทำไมแนวรบนี้จึงสามารถรักษาสภาพคงเดิมไว้ได้ แม้จะต้องสูญเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมากก็ตาม

ทว่าเนื่องจากสัตว์ประหลาดปรากฏน้อยลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนผลึกเวทมนตร์ที่สะสมได้ก็ลดลงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้รายได้ของเมืองจึงลดน้อยลงพอสมควร

แต่ข้าเอาชนะกองทัพแมงมุมดำและรวบรวมผลึกเวทมนตร์ได้ประมาณ 400 ก้อน

เนื่องจากพวกมันอยู่ในช่วงระดับ 55 ถึง 60 ผลึกเวทมนตร์พวกนี้จึงมีความบริสุทธิ์สูงมาก

สามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดายเลยว่ามันจะมีราคาแพงแค่ไหน แพงมากจนไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนไปสักพักใหญ่

'ก็ดี อย่างน้อยข้าก็ควรจะได้รับรางวัลมากมายขนาดหลังจากผ่านด่านที่ไม่สามารถเคลียร์ได้!'

ปัจจุบันความไว้วางใจของประชาชนในตัวข้าน้อยกว่าศูนย์เสียอีก

สถานการณ์เหมือนกับในเกมไม่มีผิด ในช่วงเริ่มต้นของเกม ประชาชนไม่ไว้วางใจผู้เล่นและความชื่นชอบของพวกเขาจะต่ำมาก

ทว่าในปีที่สามของการบริหาร ประชาชนจะไว้วางใจและติดตามผู้เล่นเหมือนกับเป็นบิดาของพวกเขา

ดังนั้นจึงมีทางเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนใจพวกเขาได้

ทำเงินให้ร่วงไหลเหมือนสายฝน

มันเป็นวิธีการที่เข้าใจง่ายและสมเหตุสมผลมาก

ขณะที่พยายามหาวิธีใช้เงินหลังจากขายผลึกเวทมนตร์เหล่านี้ เกวียนก็มาถึงคฤหาสน์ของเจ้าเมือง

“เรามาถึงแล้วองค์ชาย”

ลูคัสลุกจากที่นั่งคนขับแล้วเปิดประตูเกวียนให้ ข้าค่อยๆ ดึงตัวเองออกจากเกวียน

คฤหาสน์อิฐแดงและหินอ่อนนี้ค่อนข้างเก่า แต่ก็มีความโดดเด่นของสมัยเก่าอยู่พอสมควร นอกจากนี้ยังค่อนข้างใหญ่

'มันเทียบไม่ได้เลยกับบ้านที่ข้าเคยอยู่มาก่อน'

และในขณะที่ข้ากำลังชื่นชม—

"โอ้ โอ้ โอ้แหม! นายท่าน!"

ประตูคฤหาสน์ถูกกระแทกเปิดออก และมีชายคนหนึ่งรีบพุ่งเข้ามาหาข้า

“ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านปลอดภัย นายท่านของข้า!”

เป็นชายหนุ่มผมขาวและแว่นตากลอมโต

ผู้ชายที่วิ่งเข้ามาหาข้าได้พุ่งเข้ามาด้วยความประหลาดใจ และจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนวิธีพูดไปอย่างรวดเร็ว

"เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิ ข้าคงไม่สามารถเรียกท่านว่า 'นายท่านของข้า' ได้ โปรดยกโทษให้ข้าด้วยองค์ชาย!”

“เจ้าจะเรียกข้าว่าอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการเถอะ”

ข้ายิ้มออกมาขณะพูดแบบนั้นกับชายหนุ่มผมขาว จากนั้นเขาก็จับมือที่มีผ้าพันแผลของข้าและเริ่มร้องไห้ออกมา

“ข้ากังวลมาก…ถ้ามันเกิดมีรอยขีดข่วนบนร่างกายขององค์ชายเล่าา!~”

ชื่อของผู้ที่ทำตัวเกินเหตุนี้และความรู้สึกแปลกๆ มีนามว่า ไอเดอร์

เขาเป็น NPC บริหารจัดการเมืองในเกม งานธุรการทั้งหมดในครอสโรดจะดำเนินการโดยชายคนนี้

ตั้งแต่การก่อสร้าง สิ่งอำนวยความสะดวก ไปจนถึงการจัดการกองทหารและของเบ็ดเตล็ดต่างๆ...

ในโลกนี้ก็อาจเป็นเช่นเดียกวัน ข้าคงจะต้องฝากการจัดการเมืองไว้กับคนนี้สินะ

"ยินดีต้อนรับกลับ! ข้าเตรียมอ่างอาบน้ำอุ่นและเตรียมอาหารเย็นไว้แล้ว! ท่านสามารถพักผ่อนได้ทั้งวันเลย!”

วันนี้ข้าคิดว่าจะหยุดพัก เพราะเหนื่อยมากจากการเดินทางมาก

ตามคำแนะนำของไอเดอร์ ข้าเข้าไปในคฤหาสน์ หันไปหาลูคัสและพยักหน้าให้

“อย่าลืมให้ทหารได้พักผ่อนด้วย ส่วนลูคัส เจ้าก็ควรพักผ่อนสักวันหนึ่งด้วย”

“แต่องค์ชาย ข้าต้องคอยปกป้องท่าน…”

“วันนี้ไม่เป็นไร พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจ้าไว้ค่อยทำหน้าที่ของเจ้าต่อ”

ลูคัสได้แต่ตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ

“ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ชาย”

ลูคัสโค้งคำนับข้าแล้วเดินไปที่ห้องของเขา ดูเหมือนว่าห้องของลูคัสจะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง

ไอเดอร์พาข้าไปที่ห้องของข้าบนชั้นสอง

“ทางนี้นายท่าน! น้ำที่ข้าเตรียมไว้จะชะล้างความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และกลิ่นเหม็นของหยาดโลหิตในสงครามให้เอง!”

“อืม ขอบคุณ”

ข้าเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องของข้าตามคำแนะนำของไอเดอร์

อ่างอาบน้ำอันกว้างขวาง เต็มไปด้วยน้ำอุ่นและมีกลิ่นหอม

ข้าไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว ข้าชักอยากจะเข้าไปเร็วๆ ข้าปลดกระดุมเสื้อด้วยมือที่มีผ้าพันแผล

ทว่า-

“แต่…นั่นมันก็ช่างน่าทึ่งมากเลยนะ คุณคลาสสิคเนิร์ด”

เมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง ข้าก็หยุดถอดเสื้อผ้าไป

“ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเคลียร์ด่านฝึกสอนแบบนั้นได้”

"เจ้า...?"

ด้วยความสับสน ข้าจึงได้มองย้อนกลับไป

กริ๊ก

หลังจากปิดประตูห้อง ไอเดอร์ก็ยิ้มออกมาอย่างขวยเขิน

“ดูท่าข้าคงจะไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไปแล้ว! ถูกต้อง! ข้าคือผู้อำนวยการของเกมไอเดอร์ยังไงล่ะ~”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด