ตอนที่แล้วบทที่ 14 รักจอมปลอม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 หว่านความขัดแย้ง

บทที่ 15 เชื่อมต่อ


เพราะในชาติที่แล้วเฟิ่งหยินซวงไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของซูมันรู นางจึงอ่อนไหวไปตามการแสดงของนาง ซึ่งแน่นอนว่าเฟิ่งหยินซวงในชาตินี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“ฮิฮิ ข้าล้อเล่น เจ้าไม่ต้องใส่ใจนักหรอก ข้าเองก็เชื่อว่าองค์ชายสามจะสามารถช่วยข้าได้เช่นกัน อย่างไรเขาก็เป็นคนที่เอาแต่พร่ำบอกรักข้า เขาจะปล่อยข้าให้เสียใจอยู่คนเดียวได้อย่างไร”

หลังจากพูดไปแบบนั้น นางก็สังเกตเห็นความไม่พอใจในดวงตาของซูมันรู นางคงกลัวว่าจะเผลอระเบิดความโกรธออกมาในไม่ช้า

“ใช่ ท่านพี่ของข้าพูดถูก องค์ชายสามรักท่านพี่มาก และข้าก็ดีใจกับท่านพี่ด้วยจริง ๆ”

แน่นอนว่าไม่ว่านางจะโกรธแค่ไหน นางก็ต้องแกล้งทำเป็นเจียมเนื้อเจียมตัวให้อีกฝ่ายตายใจ

ซูมันรูเยินยอนางต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะเอ่ยอ้างขึ้นมาว่าแม่ของนางป่วยและต้องกลับไปดูแล นางจึงร่ำลาแล้วกลับออกไป

เฟิ่งหยินซวงมองตามแผ่นหลังของอีกคนจนกระทั่งลับสายตา นางหันกลับมาพยักหน้ากับสาวใช้คู่ใจก่อนจะออกคำสั่งให้นางรีบไปจัดการ

“ส่งคนไปติดตามนาง หากมีความเคลื่อนไหวอะไรให้รีบรายงานกลับมาทันที”

“เจ้าค่ะคุณหนู!”

รัวซุ่ยอยู่กับเฟิ่งหยินซวงมาตั้งแต่เด็กและเติบโตมาพร้อม ๆ กัน แม้ว่านางจะอายุยังน้อย แต่ก็เฉลียวฉลาดและมีไหวพริบในการอ่านสถานการณ์ได้อย่างเฉียบขาด

เพราะเปลวไฟในดวงตาของแม่นางซูตอนที่มองเจ้านายของนางนั้น

นางเองก็สังเกตเห็นมันด้วยเช่นกัน

...

ณ ศาลาริมน้ำภายใต้รั้วกำแพงสูงของวังองค์ชายที่สาม

พื้นที่โดยรอบถูกปกคลุมด้วยม่านโปร่งแสงหลายชั้นซ้อนทับกันเป็นกำแพง เพื่อไม่ให้คนด้านนอกสามารถมองเข้าไปยังด้านในได้ มีเพียงเสียงหยอกล้อของชายหญิงคู่หนึ่งเท่านั้นที่ดังทะลุผ้าม่านออกมาให้ได้ยิน

ในเวลากลางวันแสก ๆ เช่นนี้พวกเขากลับทำในสิ่งที่ ‘ไร้สาระ’ กันกลางศาลาอย่างไม่อายฟ้าดิน แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าออกความเห็นกับการกระทำอุจาดเช่นนี้ พวกเขาทำได้เพียงกระจายตัวอยู่รอบบริเวณเพื่อรักษาความปลอดภัย และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีแก่เจ้านายของตนก็เท่านั้น

ไม่นานนัก เสียงข้างในก็เงียบลง หนึ่งในทหารรักษาพระองค์ก้าวเข้าไปใกล้ศาลาโดยเว้นระยะห่างไว้ไม่กี่ก้าว ก่อนจะเอ่ยแจ้งข่าวแก่เจ้านายที่อยู่ด้านใน

“องค์ชายสาม แม่นางซูมาขอเข้าพบท่านโดยแจ้งว่ามีเรื่องสำคัญและเร่งด่วนมากต้องการให้ท่านทราบ นางรออยู่ที่ห้องรับรองด้านนอก หากเสร็จธุระแล้ว ออกไปพบนางด้วยนะขอรับ”

ใช่แล้ว…ผู้ที่อยู่หลังผ้าม่านคือองค์ชายสาม หนานหยูเทียน

ในเมื่อเจ้าสาวของเขาเข้าห้องหอกับคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ เขาก็กลายเป็นตัวตลกของคนทั้งอาณาจักร ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหน ก็ตกเป็นเป้าสายตาและคำนินทาไปตลอดทาง แล้วอย่างนี้เขาจะมีหน้าออกไปนอกรั้ววังได้อย่างไร?

เพราะฉะนั้น หนานหยูเทียนจึงเลือกที่จะเว้นว่างจากงานราชการ และปล่อยใจอย่างอิสระสักสองสามวัน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับปัญหาอีกครั้งหลังจากแรงกดดันจากภายนอกลดน้อยลง

สิ้นเสียงของทหารองค์รักษ์ หนานหยูเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง นางคนนั้นดูเร่าร้อนและมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ นางคือ ‘หวังเหม่ยเหริน’ สนมคนโปรดขององค์ชายสาม

หวังเหม่ยเหริน มีรูปลักษณ์ที่สะสวยและเป็นที่ชื่นชอบของหนานหยูเทียนอย่างมาก นางมีจริตจะก้านที่มีเสน่ห์อีกทั้งยังคารมคมคาย เรียกได้ว่านางสนมทั้งราชวังนี้ไม่มีใครรู้ใจเขาเท่านางอีกแล้ว

“องค์ชายสาม…ท่านไม่ได้บอกนางหรือว่าวันนี้ท่านจะต้องอยู่กับนางสนมคนนี้ทั้งวันทั้งคืน” นางพูดอย่างออดอ้อน

“ข้าก็ไม่คิดว่านางจะมาขัดจังหวะเอาแบบนี้ เจ้ากลับไปก่อนเถิด ไว้คืนนี้ข้าจะไปหา”

เห็นได้ชัดว่าหวังเหม่ยเหรินรู้จักซูมันรูดี นางเคยเห็นนางสองสามครั้ง และทุกครั้งจะเป็นองค์ชายสามเท่านั้นที่นางมาขอพบ นางรู้มาว่านางเป็นน้องสาวที่ไว้ใจได้ของเฟิ่งหยินซวงคู่หมายขององค์ชายสาม แต่ทำไมองค์ชายถึงได้ให้ความสำคัญกับนางมากเหลือเกิน

ทั้งที่เฟิ่งหยินซวงใจดีกับนางมาก แต่นางกลับย่องมาพบคนรักของพี่เป็นการส่วนตัวเสียตั้งหลายครั้ง คนแบบนี้ช่างน่าขยะแขยงเสียจริง ๆ

...

ซูมันรูยืนรอหนานหยูเทียนอยู่ในห้องรับรอง และเมื่อนางเห็นเขาเดินเข้ามานางก็รีบทำความเคารพทันที

“ทำความเคารพองค์ชายสาม!”

เขาเดินขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ประจำตำแหน่งก่อนจะโบกมือให้สาวใช้ยกชามาเสิร์ฟ

“ไม่ต้องมัวพิธีรีตองให้วุ่นวาย ว่าธุระของเจ้ามาแม่นางซู”

“เพคะ” ซูมันรูค่อย ๆ นั่งลงก่อนจะทำหน้าเศร้า ขอบตาของนางแดงก่ำและมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้า

“เป็นอะไรไป? ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”

เห็นได้ชัดว่านางรอให้เขาเป็นคนถาม ซูมันรูทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะเริ่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร

“องค์ชายสาม ท่านต้องรีบตัดสินใจแทนท่านพี่ของข้า นางควรจะได้แต่งงานกับท่านอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แต่งกับกษัตริย์ชิงผิง นางสนมเจ็ดคนเคยเสียชีวิตที่วังของเขาภายในเวลาไม่กี่วัน ข้าไม่อยากให้พี่สาวของข้าตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา ได้โปรดช่วยท่านพี่ของข้าด้วย”

หนานหยูเทียนขมวดคิ้ว เขาพยายามอย่างมากที่จะระงับความโกรธในใจและแสดงท่าทีที่อ่อนโยนออกมาต่อหน้าคนอื่น

“เจ้าลุกขึ้นเถิด เราจะหารือเรื่องนี้ในระยะยาว”

“ไม่ ข้าไม่สามารถอดทนรอได้ หากองค์ชายสามไม่รับปากว่าจะช่วยพี่ของข้า ข้าก็จะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ตลอดไป!”

ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างชื่นชมในความรักและภักดีของซูมันรูที่มีต่อเฟิ่งหยินซวง นางมาที่วังหลวงเพื่อคุกเข่าและขอร้องให้องค์ชายสามช่วยเหลือพี่สาวอย่างจริงใจ นางช่างเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าต้องการคุยกับแม่นางซูเป็นการส่วนตัว”

“ขอรับ/เพคะ!”

เมื่อเสียงฝีเท้าด้านนอกค่อย ๆ ถอยห่างออกไปแล้ว หนานหยูเทียนก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วเดินมาประคองซูมันรูให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“รูเอ๋อร์ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่กับเราแล้ว บอกข้าทีว่าเกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อไม่มีใครเห็น พวกเขาก็กล้าที่จะใกล้ชิดกันมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ง่ายเลย

“ข้าเพิ่งกลับมาจากบ้านตระกูลเฟิ่ง ข้าไปหาท่านพี่หยินซวงมาตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านพี่ของข้าจะต้องรู้สึกแย่มากอย่างแน่นอน ข้าจึงคิดว่าข้าควรจะอยู่ข้างนาง…”

“เจ้าทำถูกแล้วรูเอ๋อร์ เจ้าใจดีและมีน้ำใจเสมอมา ข้าดีใจแทนหยิน ซวงที่มีน้องสาวที่ดีเช่นเจ้า”

แน่นอนว่าสิ่งที่ซูมันรูต้องการไม่ใช่เพียงคำชมจากเขา นางมาที่นี่เพื่อ ‘เติมไฟ’ ต่างหาก

“ข้ารับรู้ในสถานะของตัวเองดีว่าข้าต่ำต้อยแค่ไหน ข้าไม่อาจกล้าจะเรียกตัวเองว่าเป็น ‘น้องสาว’ ของท่านพี่หยินซวงได้อีกแล้ว ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรหรือเกิดอะไรขึ้น แต่ท่านพี่ของข้าดูอารมณ์ไม่ดีตลอดเวลา ความรู้สึกของเขาที่มีต่อข้าคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด