ตอนที่แล้วบทที่ 1: ระบบราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3: ฆ่าคนสะกดรอยตามพบพี่น้อง

บทที่ 2: ทหารที่หลอกลวงเช่นกัน!


บทที่ 2: ทหารที่หลอกลวงเช่นกัน!

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเฉินก็ยิ้มเยาะ แล้วพูดออกมา "เข้าวังเพื่อเข้าร่วมพิธีขึ้นครองราชย์งั้นหรือ ฮ่าฮ่า องค์ชายคนโตผู้นี้ช่าง... ข้าเกรงว่าซูซินหลิงไม่ได้ต้องการให้ข้าเข้าไปในวังเพื่อร่วมพิธี แต่เป็นการประหารทิ้งเสียมากกว่า!"

ลุงฟู่ตกตะลึง เขารีบถามออกมา "ทำไมองค์ชายสามถึงตรัสเช่นนี้ขอรับ"

ซูเฉินก้าวออกไป เขาชี้ไปที่ศพของคนที่ตายในลานบ้านก่อนจะพูดออกมาว่า "นี่คือหลักฐาน ครั้งนี้ซูซินหลิงส่งนักฆ่ามาลอบสังหารข้า ดังนั้นการสังหารที่แท้จริงจะเกิดขึ้นในวันขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน มันคือพิธีสังเวยเลือดชัดๆ!"

เมื่อลุงฟู่เห็นศพในลานบ้าน เขาก็เชื่อคำพูดของซูเฉินขึ้นมา เขาในตอนที่ทั้งตกใจ หวาดกลัว และโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพูดออกมาว่า "เขากล้าดีอย่างไรที่คิดทำลายพี่น้องเช่นนี้?! องค์ชายสาม พระองค์ไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ"

ซูเฉินส่ายหน้า หลังจากที่พลังภายในและพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งของเขาถูกเปิดใช้โดยระบบ เขาก็ได้รับความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ในฐานะปรมาจารย์คนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว

“องค์ชายสาม พระองค์ควรรีบเสด็จออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด ข้ารับใช้ชราผู้นี้ยอมทำทุกอย่างในชีวิตเพื่อความอยู่รอดของพระองค์!” ลุงฟู่ กล่าวด้วยท่าทางที่หนักแน่น

ดูเหมือนเขาจะไม่กลัวความตายเลยแม้แต่น้อย เขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้ององค์ชายสามอย่างซูเฉินที่อยู่ต่อหน้าเขาได้ในทันที

ซูเฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาว่า "ถ้าอย่างนั้น ซูซินหลิงก็จักเป็นเพียงสำเนาของจักรพรรดิฉินหูไห่(จิ๋นซีฮ่องเต้)สินะ เขา ที่มีจิตใจที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ การส่งมอบอาณาจักรเทพยุทธ์ไว้ในมือของ ซูซินหลิง นั้น ไม่ได้ต่างไปจากการผลักอาณาจักรลงไปในทะเลเพลิงเลยน่ะสิ"

"ลุงฟู่ ข้าไม่ได้วางแผนที่จะหนี ตรงกันข้าม ข้าวางแผนที่จะต่อต้านซูซินหลิงในวันพิธีขึ้นครองราชย์ และถอดเขาออกจากบัลลังก์!" ดวงตาของซูเฉินแสดงความดุร้ายเล็กน้อยในขณะที่พูดออกมา

ใช่ ทันทีที่ซูเฉินเรียนรู้จากข้อมูลภารกิจที่ระบบมอบให้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร เขาก็ตัดสินใจต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

แม้ว่าซูเฉินจะไม่ใช่คนที่โหดเหี้ยม แต่เขาก็ไร้ความปรานีอย่างยิ่งยวดต่อผู้ที่ต้องการฆ่าเขา

"คนอย่างซูซินหลิงมันยังสามารถเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรเทพยุทธ์ได้เลย แล้วทำไมข้า ซูเฉินจักเป็นไม่ได้กัน!" ซูเฉินกล่าว

ลุงฟู่ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาว่า "องค์ชายสาม ใครคือจักรพรรดิฉินหูไห่ที่พระองค์พูดถึงกันหรือขอรับ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเฉินเกาหัวด้วยความเขินอายเล็กน้อย เขาเพิ่งเปิดเผยบุคคลในประวัติศาสตร์ของชีวิตก่อนหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว จึงเป็นธรรมดาที่ลุงฟู่ ผู้ซึ่งเป็นคนของโลกนี้ไม่รู้จัก

"ไม่ต้องพูดต่อแล้ว ลุงฟู่ ท่านยินดีช่วยข้าโค่นซูซินหลิงคนนั้นหรือไม่" ซูเฉินโบกมือแล้วถาม

ลุงฟู่พูดโดยไม่ลังเล: "องค์ชายสาม ทุกอย่างเกี่ยวกับข้ารับใช้ชราคนนี้มีล้วนแล้วแต่ถูกมอบให้โดยเสด็จแม่ของพระองค์ และตอนนี้ ชีวิตของข้ารับใช้ชราผู้นี้เป็นของพระองค์แล้วขอรับ ไม่ว่าพระองค์ต้องการทำอะไร ข้ารับใช้ชราก็เต็มใจที่จะกระทำ แม้จะต้องเป็นศัตรูกับองค์ชายองค์แรกก็ตาม!”

ซูเฉินไม่พูดต่อ เขามองไปที่ลุงฟู่ที่อยู่ข้างหน้าเขา และพูดกับระบบในใจว่า: "ระบบ เปิดแผงสถานะความภักดีของลุงฟู่!"

"ดิง!"

"แผงสถานะความภักดีถูกเปิดขึ้น สิ่งตรวจจับ: ลุงฟู่

ผลการตรวจสอบ: ลุงฟู่ได้รับความเมตตาจากแม่และย่าของเจ้าของระบบ ดังนั้นเขาจึงภักดีต่อเจ้าของระบบและไม่มีความคิดเป็นอื่น แม้ว่าเจ้าของระบบจะขอให้เขาตาย อีกฝ่ายก็จะทำโดยไม่ลังเล! "

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูเฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และสีหน้าที่เขามองลุงฟู่ก็อ่อนโยนลง

ลุงฟู่ถาม "องค์ชายสาม เราควรทำอย่างไรดีขอรับ"

ซูเฉินครุ่นคิด: "หากเราต้องการโค่นบัลลังก์ของซูซินหลิง สิ่งแรกที่เราต้องทำคือควบคุมเมืองของอาณาจักรทั้งหมดให้อยู่ในอุ้งมือของเราอย่างแน่นหนา"

"และถ้าข้าต้องการควบคุมเมืองของอาณาจักร คนแรกที่ต้องจัดการก็คือผู้บัญชาการกองทัพป้องกันเมือง หยูเหวินจัว ซึ่งมีฐานการฝึกฝนบ่มเพาะของนักรบระดับปรมาจารย์ ลุงฟู่ ข้าวางแผนที่จะไปที่กองทัพป้องกันเมือง ท่าน มีหน้าที่ปกป้องที่นี่ในขณะที่ข้าไม่อยู่เพื่อความปลอดภัยของผู้คนที่นี่” ซูเฉิน อธิบายให้ ลุงฟู่ฟัง

แม้ว่าลุงฟู่จะเป็นเพียงข้ารับใช้ภายในวัง แต่การฝึกฝนบ่มเพาะของเขาก็มาถึงขั้นปลายของระดับบ่มเพาะพลังงานมืด  ตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกปิดล้อมโดยนักรบที่ถูกส่งมาหมายฆ่าชีวิตเช่นเดียวกับที่เขาโดน การพึ่งพาความสามารถของลุงฟู่ ในการปกป้องวังประทับของเขาก็จะไม่เป็นปัญหา

"ขอรับ!" ลุงฟู่ก้มศีรษะเล็กน้อยและรับคำสั่ง

ลุงฟู่ไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูเฉิน ท้ายที่สุดแล้ว ซูเฉินเพิ่งแสดงให้เห็นถึงการบ่มเพาะของเขาในฐานะปรมาจารย์นักศิลปะการต่อสู้ออกมา

ดังนั้น หลังจากที่ซูเฉินพูดบอกลุงฟู่ในบางเรื่อง เขาก็เดินออกไปนอกวัง

หลังจากดูซูเฉินออกไปแล้ว ลุงฟู่ ก็เข้าไปในลานบ้านเพื่อจัดการกับศพของนักฆ่าที่เสียชีวิตเหล่านี้

ในเวลานี้ พระราชวังของอาณาจักรเทพยุทธ์

ในหอตำราของพระราชวัง องค์ชายคนโต ซูซินหลิง กำลังพลิกดูหนังสือโบราณอย่างสบายอารมณ์

สาวใช้ในวังที่แต่งตัวดีสองคนถือชาสมุนไพรและขนมรออยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ

ในขณะนี้ ชายสวมหน้ากากเดินเข้ามาจากประตูหอตำราของพระราชวัง

ซูซินหลิงเงยหน้าขึ้นราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาโบกมือและส่งสัญญาณให้สาวใช้ข้างๆ เขาลงไป จากนั้นเขาก็มองไปที่ชายสวมหน้ากาก

"เป็นอย่างไรบ้าง" เสียงของ ซูซินหลิง ฟังดูเหมือนจะเป็นธรรมชาติ

ชายสวมหน้ากากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงเบาว่า "การดำเนินการกับองค์ชายสองและองค์ชายสี่ประสบความสำเร็จอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าจะมีอุบัติเหตุกับองค์ชายสาม"

“ซูเฉินน่ะรึ?” ซูซินหลิงตกตะลึงและถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับซูเฉิน"

ในการเตรียมการขึ้นครองราชย์ของซูซินหลิง เขาวางแผนที่จะสังหารองค์ชายสอง องค์ชายสาม และองค์ชายสี่โดยไม่คิดอะไรมาก ให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อนพิธีขึ้นครองราชย์ของเขา

สำหรับสาเหตุที่เขาไม่วางแผนที่จะสังหารองค์ชายทั้งหมดก่อนพิธีขึ้นครองราชย์ เป็นเพราะซูซินหลิงกังวลว่าหากมีการฆ่ามากเกินไป มันจะง่ายต่อการทำให้เขาถูกสงสัยเสียเอง

ท้ายที่สุด องค์ชายทั้งหมดตกตาย และเขาที่เป็นองค์ชายเพียงคนเดียวที่อยู่ดี ดังนั้นแล้ว เบื้องหลังของการฆ่าในครั้งนี้จะไม่ชัดเจนได้ยังไงกัน?

ด้วยความขุ่นเคืองใจที่เก็บซ่อน ซูซินหลิงทำได้เพียงเลือกที่จะกำจัดองค์ชายทั้งสามที่คุกคามเขามากที่สุดก่อน

ชายสวมหน้ากากตอบออกมา: "จากการสอบสวนของผู้ใต้บังคับบัญชา ทหารหกนายที่เสียชีวิตซึ่งรับผิดชอบในการลงมือต่อองค์ชายสามถูกฝังอยู่ในวังขององค์ชายสามและไม่มีใครรอดชีวิต ส่วนองค์ชายสามในตอนนี้ได้ออกจากวังไปแล้วพะย่ะค่ะ"

"องค์ชายสามดูเหมือนจะมีความสามารถอยู่บ้าง แท้จริงแล้วเขาสามารถค้นพบการมีอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า และกำจัดผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าที่สะกดรอยตามไป!" ชายสวมหน้ากากกล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ น้ำหนักมือของ ซูซินหลิง ที่ใช้ในการถือหนังสือก็เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน และรอยร้าวหลายรอยก็ปรากฏขึ้นบนหนังสือโบราณล้ำค่าในมือของเขา

"ซูเฉิน? โอ้ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าน้องชายของข้าผู้นี้จะมีความลับเช่นนี้อยู่ด้วย!" ซูซินหลิงสบถด้วยน้ำเสียงอย่างเย็นชา

แม้ว่าซูซินหลิงจะไม่ได้ว่ากล่าวชายสวมหน้ากากว่าไร้ฝีมือ แต่ชายสวมหน้ากากก็รู้ว่าซูซินหลิงต้องไม่พอใจตัวเขาเมื่อเขาพูดแบบนี้ให้ได้ยิน

ชายสวมหน้ากากก้มศีรษะอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดออกมาว่า "ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ไร้ความสามารถ"

ซูซินหลิงชำเลืองมองชายสวมหน้ากากอย่างเย็นชาก่อนจะพูดออกมาว่า "ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจงส่งคนไปติดตาม และบอกข้าเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเขา!"

"พะย่ะค่ะ!" ชายสวมหน้ากากยืนตัวตรงก่อนจะพูดออกมาว่า

ซูซินหลิงโบกมือ และในวินาทีต่อมา ชายสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นนอกหอตำราของพระราชวัง

ค่ายทหารป้องกันเมือง.

“ท่านแม่ทัพ องค์ชายสามขอพบท่าน!”

ในสนามฝึกของค่ายทหารป้องกันเมือง ชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมหล่อเหลาและถือหอกสีเงินกำลังเฝ้าดูกลุ่มทหารป้องกันเมืองอย่างจริงจังกำลังฝึกอยู่ไม่ไกล

ในขณะนี้ ผู้ส่งสาส์นวิ่งเข้ามาจากนอกค่ายทหาร และเขารายงานต่อชายคนนั้น

ชายคนนี้คือ หยูเหวินจัว ผู้บัญชาการกองทัพป้องกันเมือง หลังจากได้ยินรายงานของผู้ส่งสาส์น หยูเหวินจัว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“องค์ชายสามไม่รู้หรือว่าข้าสนับสนุนองค์ชายลำดับที่หนึ่งแล้ว เขาคิดจะทำอะไรกัน” หยูเหวินจัวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้ดีว่าการที่องค์ชายสามอย่างซูเฉินมาหาเขา  ความเป็นไปได้เดียวคือการโน้มน้าวเขาด้วยตัวเอง เพื่อให้หันกลับมาสนับสนุนตน

อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว หยูเหวินจัวก็พูดกับคนส่งสาส์นว่า "ให้เขาเข้ามา!"

"ขอรับ!" ผู้ส่งสาส์นพยักหน้าและวิ่งออกไปอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ซูเฉินก็ถูกนำโดยผู้ส่งสาส์นและเข้าไปในค่ายทหารป้องกันเมือง

ซูเฉินมองดูทุกอย่างในค่ายทหารป้องกันเมืองด้วยความสนใจ ขณะที่เขากำลังเดินทางมา ด้วยระดับการฝึกฝนบ่มเพาะของปรมาจารย์นักศิลปะการต่อสู้ทำให้เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังติดตามเขาอยู่

โชคดีที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นเพียงฐานการบ่มเพาะของนักศิลปะการต่อสู้ ซึ่งทำให้เขาสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้สำเร็จเมื่อเขาจงใจออกนอกเส้นทาง

ซูเฉินไม่ได้วางแผนที่จะค้นหาอีกฝ่าย ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือการปราบหยูเหวินจัว ผู้บัญชาการกองทัพป้องกันเมืองที่อยู่ไม่ไกล

"หยูเหวินจัว ผู้บัญชาการกองทัพป้องกันเมือง ถวายบังคม องค์ชายสาม!" หยูเหวินจัว พยักหน้าให้ซูเฉิน เล็กน้อย

ซูเฉินยิ้มและพูดกับหยูเหวินจัวว่า "ท่านแม่ทัพ ข้าสงสัยว่าข้าจะปรึกษาบางอย่างกับท่านได้หรือไม่ เช่น ขอความช่วยเหลือจากท่าน"

คำพูดของซูเฉิน ตรงไปตรงมาและไม่อ้อมค้อม

เมื่อรับฟังถึงคำขอร้องที่ไม่คิดปิดบังของซู่เฉิน หยูเหวินจัวก็ส่ายหน้าอย่างลับๆ แต่เขาก็ไม่ได้พูดกับซูเฉินด้วยท่าทางดูแคลนแต่อย่างใด

“องค์ชายสาม พระองค์ไม่รู้หรือว่า กระหม่อม สนับสนุนองค์ชายองค์โตไปแล้ว หากท่านไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านั้น โปรดขอให้องค์ชายเสด็จกลับไปด้วยเถิด!” หยูเหวินจัว พูดด้วยรอยยิ้มพลางบอกปฏิเสธ

แม้ว่า หยูเหวินจัว จะยิ้ม แต่ก็มีร่องรอยของความดูแคลนที่ถูกซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา

เมื่อได้ยินคำพูดไล่แขกของหยูเหวินจัว ซูเฉินก็หาได้สนใจไม่

เขาคาดหวังการปฏิเสธของ หยูเหวินจัว เอาไว้อยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีแผนการรับมือ

แต่เมื่อซูเฉินกำลังจะหยิบไม้เด็ดของเขาออกมาเพื่อพยายามสยบอีกฝ่าย เสียงของระบบก็ดังขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง

"ดิง!"

"ตรวจพบว่าเจ้าของระบบได้เริ่มแผน 'การเดินทางสู่ค่ายทหาร' และเป็นไปตามเงื่อนไขการตอบรับภารกิจ เจ้าของระบบต้องการลงชื่อเข้าร่วมภารกิจหรือไม่"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเฉินก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า "ลงชื่อเข้าร่วมภารกิจ!"

"การลงชื่อเข้าร่วมภารกิจสำเร็จ ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของระบบที่ได้รับ: ความเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งสงครามขั้นสูง!"

เมื่อเสียงของระบบเงียบลง ข้อมูลจำนวนมากก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของซูเฉิน ซึ่งทำให้ร่างกายของซูเฉินหยุดนิ่งในขณะที่รับข้อมูล

ทันใดนั้นดวงตาของซูเฉินก็แสดงความปีติยินดี

ต้องรู้กันก่อนว่า แม้เขาจะมีไพ่ลับในความทรงจำชาติก่อนของเขาที่มากพอที่จะเขย่าขวัญคู่ต่อสู้ได้ แต่เหตุผลที่ไพ่ลับถูกเรียกว่าไพ่ลับก็เพราะว่ามันไม่เคยถูกใช้อย่างง่ายดายยังไงล่ะ

และเมื่อไพ่ลับถูกใช้งานไปเรื่อยๆ มันจะทิ้งร่องรอยไว้ในโลกนี้ และไพ่ลับนี้จะไม่สามารถเรียกว่าไพ่ลับได้อีกต่อไป

ดังนั้น การได้มาซึ่งความเชี่ยวชาญทางการทหารขั้นสูงนี้ พอจะกล่าวได้ว่าช่วยแก้ปัญหาความต้องการเร่งด่วนของซูเฉิน!

“ถ้าองค์ชายสามไม่มีอะไรอีก ได้โปรดเสด็จกลับไป!” หยูเหวินจัวขมวดคิ้วเมื่อเห็นซูเฉินยืนนิ่ง น้ำเสียงของเขาหนักขึ้นเล็กน้อยโดยมีความหมายว่าไม่ยอมให้อีกฝ่ายดื้อรั้นปฏิเสธคำพูดตน

แต่ในขณะนี้ ซูเฉินแสดงรอยยิ้มอย่างมั่นใจอีกครั้ง และเขาพูดกับหยูเหวินจัวว่า: "ท่านผู้บัญชาการ โปรดรอก่อน ข้ามาที่นี่ไม่ใช่แค่เพื่อเรื่องนี้ ขอโทษท่านผู้บัญชาการ ท่านพอจะหารือกับข้าได้หรือไม่ ?มันเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการสงครามน่ะ?

หยูเหวินจัวตกตะลึงไปชั่วขณะ เขามองไปที่ซูเฉินด้วยสายตาดูถูกมากยิ่งขึ้น

ต้องรู้กันก่อนว่า หยูเหวินจัว อยู่ในกองทัพมานานหลายทศวรรษ ก่อนดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพป้องกันเมืองของอาณาจักร เขายังได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมในการต่อสู้ต่างๆมามากมายหลายครั้ง

หยูเหวินจัว ประสบความสำเร็จอย่างมากในศาสตร์ที่ถูกเรียกว่าศาสตร์แห่งการสงคราม แม้แต่ในอาณาจักรเทพยุทธ์ ทั่วทั้งเขตแคว้น มีคนน้อยมากที่สามารถเอาชนะ หยูเหวินจัว ในเรื่องศาสตร์แห่งการสงครามนี้ นับประสาอะไรกับซูเฉิน ที่เติบโตในเรือนกระจกของพระราชวังกัน?

และตอนนี้องค์ชายสามในชุดผ้าและอยู่กินด้วยอาหารที่หรูหรากำลังพยายามหารือเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการสงครามกับเขาเนี่ยนะ นี่เขาเป็นหนอนไหมที่อยู่ในรังรึไงกัน?

“ถ้าอย่างนั้นข้าคงจะต้องขอถามองค์ชายสาม ว่า สงครามทำกันยังไง?” หยูเหวินจัวหัวเราะเบา ๆ และถามซูเฉิน

ซูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตอบโดยไม่ลังเล: "การทำสงคราม คือ ศาสตร์แห่งกลอุบาย หากมีความสามารถ พึงแสดงว่าไร้ความสามารถ หากจักทำสงคราม พึงแสดงว่าไม่คิดทำสงคราม หากจักตีใกล้ พึงแสดงว่าจะตีไกล หากข้าศึกละโมบ พึงล่อหลอกด้วยผลประโยชน์ หากข้าศึกปั่นป่วน พึงตีให้หักสะบั้น หากข้าศึกมีกำลังมาก พึงเตรียมพร้อมเสมอ หากข้าศึกเข้มแข็ง พึงหลีกเลี่ยง หากข้าศึกฮึกหาญ พึงทำลายขวัญสู้รบ หากข้าศึกสุขุมเยือกเย็น พึงยั่วให้ขาดสติ หากข้าศึกสุขสบาย พึงรังควาญให้อ่อนเปลี้ย หากข้าศึกสามัคคีกัน พึงยุแยกให้แตกกระจาย พึงโจมตีในขณะที่ข้าศึกไม่ได้เตรียมพร้อม และจู่โจมในขณะที่ข้าศึกไม่คิดคาดฝันถึง!"

ข้อมูลที่ซูเฉินได้รับจากความเชี่ยวชาญขั้นสูงของศาสตร์แห่งการสงคราม โดยธรรมชาตินั้นรวมถึงศาสตร์แห่งการสงครามทั้งหมดในชีวิตที่แล้วของเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะอธิบายความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการสงครามใน ตำราพิชัยสงคราม ซุนวู เลยแม้แต่น้อย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด