ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 635 พร้อมออกเดินทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 637 สาม ห้า แปด เก้า

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 636 ขยะ (อ่านฟรี)


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 636 ขยะ (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT  

“เจ้าต้องการปล้นข้างั้นหรือ?”

ฮัวเฉิงลู่ขมวดคิ้วลึก ทันใดนั้นป่าอันมืดมิดก็เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เถาวัลย์ที่บิดเบี้ยวห้อยลงมาจากเบื้องบนราวกับอสรพิษที่มีชีวิต

นี่คือผู้ฝึกตนธาตุไม้ เขายิ้ม “ใครจะรู้ว่าเจ้าซ่อนเหรียญไว้หรือไม่?”

“ข้าพึ่งมาที่นี่ แล้วข้าจะมีเหรียญที่สองได้อย่างไร?” ฮัวเฉิงลู่โกรธมาก และนางก็สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างเลวร้าย หากเขาเป็นผู้ฝึกตนทั่วไป เขาคงไม่ตราหน้านางอีกหลังจากได้รับเหรียญของนาง

“ข้าต้องการตรวจสอบ หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะลงมือ แน่นอนว่าข้าจะต้องตรวจสอบร่างกายของเจ้าด้วย” ผู้ฝึกตนชุดดำเลียริมฝีปากของเขาและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ไปตายซะ!” ฮัวเฉิงลู่หยิบยังสีแดงออกมา มันกลายเป็นบอลเพลิงและพุ่งเข้าหากชชายชุดดำ เถาวัลย์ทั้งหมดถอยร่นออกไป

“บึม!” ไฟปะทุขึ้นสู่ยอดไม้ ดอกไม้เพลิงเบ่งบานขึ้นในป่าใหญ่

…..

บนระเบียงเมฆาล่อง ซื่อชิงโบกมือเพื่อแสดงภาพเหตุการณ์ในสนามประลองมังกร

“ฝ่าบาท ท่านกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร? โดยพื้นฐานแล้วไม่ใช่ว่าท่านขอให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดของกองบัญชาการรุ้ยอี้ฆ่ากันเองงั้นหรือ?”

ชายชราชุดม่วงรู้สึกประหลาดใจและโมโหมาก เขาถามซื่อชิงเสียงดัง ผู้ฝึกตนแก่นทองคำคนอื่นๆก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าซื่อชิงจะได้รับประโยชน์ใดจากเรื่องนี้

ไม่เพียงผู้ฝึกตนทั่วไปที่ไม่สามารถคาดเดาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในสนามประลองมังกร แม้แต่ผู้ฝึกตนแก่นทองคำเหล่านี้ก็ไม่เคยคิดมาก่อน การต่อสู้ที่สิ้นหวังเช่นนี้จะลดความแข็งแกร่งของกองบัญชาการรุ้ยอี้ลงอย่างมาก และมันจะทำให้ซื่อชิงสูญเสียความศรัทธาในตัวเขา เขายังต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล โดยพื้นฐานแล้วมันมีเพียงความเสียหาย

หากปราศจากความรู้เกี่ยวกับสนามประลองมังกร แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุดก็ไม่สามารถคาดเดาความตั้งใจของซื่อชิง

การนองเลือดไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น

ซื่อชิงหันกลับไปอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า “ขยะ!” เป่ยเยว่ทำให้เขาหมดความอดทนไปนานแล้ว ตอนนี้เมื่อเขาบรรลุเป้าหมายของเขาแล้ว เขาก็เผยใบหน้าที่ชั่วร้ายของเขาออกมาทันที

ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาไม่เคยมีแผนการที่จะบริหารจัดการกองบัญชาการรุ้ยอี้เลย เขาปฏิบัติต่อมันเหมือนมรดกของครอบครัว เขาต้องการใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่กองบัญชาการรุ้ยอี้สามารถมอบให้เเขาได้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งส่วนตน เขาเต็มใจฆ่าห่านทองคำและดูดกลืนทุกสิ่ง

พูดง่ายๆ โลกของผู้ฝึกตนคือความแข็งแกร่งส่วนบุคคล สิ่งที่เรียกว่าอำนาจและอิทธิพลมีค่า แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงสามารถมองข้ามอำนาจและอิทธิพลไปโดยสิ้นเชิง

หากการฆ่าผู้ฝึกตนแก่นทองคำทั้งหมดสามารถรับประกันว่าซื่อชิงจะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สามและไปถึงอาณาจักรของราชา เขาจะทำอย่างแน่นอนโดยไม่ลังเล ตราบเท่าที่เขาทำสำเร็จ ไม่เพียงจักรพรรดิจะไม่ลงโทษเขา แต่พวกเขาจะหาวิธีปกปิดเรื่องนี้ให้เขาด้วย

“ท่านกล่าวสิ่งใด!?” เพื่อบรรลุเป็นผู้ฝึกตนแก่นทองคำ ไม่มีผู้ฝึกตนคนใดที่นี่ที่ไร้ความสามารถ พวกเขายืนอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันภายใต้การเคารพยกย่อง คำว่า ขยะ แปลกเกินไปและห่างไกลจากพวกเขามาก

ซื่อชิงโบกมือ “ข้ากำลังช่วยพวกเจ้าฝึกศิษย์ของพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับพูดเรื่องไร้สาระออกมามากมาย! หากพวกเจ้าไม่ใช่ขยะ แล้วพวกเจ้าเป็นสิ่งใด?”

“ซื่อชิง เจ้าเป็นองค์ชาย แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งเสนาบดีต่อไปได้ด้วยการดูถูกพวกเรางั้นหรือ?”

“เปิดสนามประลองมังกรและปล่อยศิษย์ของเราออกมา!”

ในที่สุดผู้ฝึกตนแก่นทองคำก็ตอบสนองด้วยความโกรธจากส่วนลึกของหัวใจ

ระหว่างการต่อสู้ที่ภูเขาสุสานฝังศพ ผู้ฝึกตนแก่นทองคำที่ล้มลงในการต่อสู้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ นั่นทำให้กองกำลังของจักรวรรดิต้าเซี่ยอ่อนแอลงอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของกู่เยี่ยนหยิน นิกายต่างๆคงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์และขยายอำนาจออกไปอย่างกล้าหาญมานานแล้ว

ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนแก่นทองคำที่อยู่บนระเบียงเมฆาล่องส่วนใหญ่จึงมาจากนิกาย มีผู้ฝึกตนแก่นทองคำสองสามคนเท่านั้นที่มาจากสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ อย่างไรก็ตามเนื่องจากตัวตนของซื่อชิงในฐานะองค์ชาย พวกเขาจึงต้องนิ่งเงียบ และสิ่งที่พวกเขาทำได้คือยืนเคียงข้างเสนาบดีรุ้ยอี้ หากพวกเขาเริ่มต่อสู้ พวกเขาทั้งหมดจะต้องขอความช่วยเหลือจากกู่เยี่ยนหยิน

ผู้ฝึกตนแก่นทองคำจากนิกายต่างๆไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับตัวตนของซื่อชิง แต่พวกเขาค่อนข้างกลัวกู่เยี่ยนหยิน ท้ายที่สุดกู่เยี่ยนหยินก็ใช้เวลาหลายปีในการควบคุมกองบัญชาการรุ้ยอี้ พลังและอิทธิพลของนางยิ่งใหญ่กว่าซื่อชิงที่พึ่งมาถึงมาก

หากนางยืนเคียงข้างซื่อชิง ซื่อเป่าจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน และผู้ฝึกตนแก่นทองคำของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์จะถูกบังคับให้ติดตามนาง ในเวลาเดียวกันความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่มีความได้เปรียบอีกต่อไป พวกเขาอาจต้องยอมรับการตบหน้าครั้งนี้

สำหรับซื่อชิง ทัศนคติของกู่เยี่ยนหยินมีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน ดังนั้นชั่วครู่หนึ่งทุกคนจึงจับจ้องไปที่นาง

“อาชิงยืนกรานที่จะใช้วิธีการของเขาเอง แล้วข้าจะหยุดเขาได้อย่างไร?” กู่เยี่ยนหยินเดินไปที่ริมระเบียง นางตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ และซื่อเป่าก็เดินตามนางไป

แม้การได้ยินนางเรียกเขาว่าอาชิงจะทำให้ซื่อชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่การตัดสินใจของนางที่จะไม่เข้ามายุ่งทำให้เขาผ่อนคลายเล็กน้อย ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเขาได้รับการจัดการแล้ว

“ทิวทัศน์ที่นี่ค่อนข้างดีทีเดียว เชิญทุกท่านมาดูกันเถอะ!”

กู่เยี่ยนหยินหันกลับไปและเรียกผู้ฝึกตนแก่นทองคำของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ พวกเขารู้สึกโล่งอกและโค้งคำนับซื่อชิงอย่างไม่แยแสก่อนจะไปยืนข้างๆกู่เยี่ยนหยิน แม้พวกเขาจะถูกบังคับให้ยอมรับตัวตนของซื่อชิง แต่ไม่มีผู้ใดภักดีต่อเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ

ผู้ฝึกตนแก่นทองคำจากนิกายต่างๆโกรธมาก แน่นอนว่ากู่เยี่ยนหยินไม่ได้ยืนข้างซื่อชิง ศัตรูของพวกเขามีเพียงสามคน แต่ทั้งสามมาจากมณฑลหลงโจว พวกเขาไม่สามารถประมาท ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนขององค์ชายยังเป็นปัญหาเล็กน้อย

“เฮ้ เหตุใดพวกเจ้าสองคนยังอยู่ที่นั่น?” กู่เยี่ยนหยินหมายถึงเจียเจิ้นและอีตัน

“ตามที่ท่านต้องการ ผู้บัญชาการ” เจียเจิ้นโบกพัดขนนกสีดำของเขาด้วยรอยยิ้ม เขาทิ้งซื่อชิงไว้ข้างหลังและเดินออกไป อีตันเดินตามไปข้างหลังอย่างใกล้ชิด แต่เขายังมองย้อนกลับไปที่ผู้ฝึกตนแก่นทองคำและเผยรอยยิ้มน่ากลัว

ตอนนี้มีเพียงซื่อชิงเท่านั้นที่เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ฝึกตนแก่นทองคำ พวกเขาทั้งหมดมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าซื่อชิงพยายามทำสิ่งใด

“เยี่ยนหยินรู้จักข้าดีจริงๆ” ซื่อชิงยกย่องนางเสียงดัง จากนั้นใบหน้าของเขาก็กลายเป็นมืดครึ้ม “พวกเจ้าใช้เวลาทั้งวันดื่มกิน ดูการแข่งขันที่น่าเบื่อเหล่านั้น ตอนนี้พวกเจ้าคงจะเบื่อมันแล้ว!”

“เจ้าพยายามกล่าวสิ่งใด? เจ้าต้องการให้พวกเราสู้กับเจ้าทีละคนงั้นหรือ? อย่าแม้แต่จะคิด!” ไม่มีผู้ใดโง่ ด้วยการบ่มเพาะของซื่อชิงอยู่บนจุดสูงสุดของผู้ฝึกตนแก่นทองคำและเขาก็มีวิธีการบ่มเพาะของราชวงศ์ อาจไม่มีผู้ใดที่สามารถเป็นคู่แข่งของเขาในการต่อสู้ตัวต่อตัว

“ข้าไม่มีเวลากำจัดขยะทีละชิ้น เข้ามาพร้อมกัน! คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าคือข้าเท่านั้น! พวกเจ้ากลัวเป่ยเยว่เพียงเพราะเขาเอาชนะกลุ่มผู้บัญชาการปีศาจ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าก็ต้องกลัวข้าเช่นกัน!”

ดวงตาของซื่อชิงลุกโชนด้วยความเร้าร้อน การชมการต่อสู้ไม่สามารถเติมเต็มความพึงพอใจของเขามากกว่าการต่อสู้ด้วยตนเอง

บนระเบียงเมฆาล่อง แสงสีดำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงหลายสิบสายที่มีสีสันแตกต่างกันติดตามไปด้านหลังอย่างใกล้ชิด