ตอนที่แล้วบทที่ 255: ทั้งทุ่งตกตะลึง! ราชาม้าปรากฏตัว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 257: ความสำคัญของเถ้าแก่ฉิน! เทรนเนอร์เสี่ยวฉินออนไลน์!

บทที่ 256: เถ้าแก่ขี่ม้าหล่อมาก! จู่ล่งไม่ใช่เหรอ?


บางครั้งคนเราก็เกิดอาการจิตตกแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งก็มักจะเกิดจากการถูกกระทบกระเทือนอันยากที่จะยอมรับได้โดยบังเอิญ

ในขณะนี้ผางโป๋รู้สึกว่าจิตใจของตนพังทลายลงมือที่ยื่นไปยังค้างอยู่กลางอากาศด้วยความเงิบทำอะไรไม่ถูก

ที่สุดจะเชื่อคือท่าทางรังเกียจที่ม้าแสดงออกมันชัดเกินไป

คงจะดีถ้าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญล่ะ ใครจะเชื่อว่าตัวเองจะโดนม้ารังเกียจเอา?

ผางโป๋ชักมือกับเขิน ๆ แล้วกันไปเห็นราชาม้ากำลังเอาหัวถูตัวเถ้าแก่อย่างรักใคร่ ส่วนเถ้าแก่ก็ลูบแผงคอของมันทำให้มันฟินจนร้องฮี้ ๆ ออกมาอย่างมีความสุข

ใคร ๆ ก็ได้ยินเสียงอันเบิกบานนั้น

เหมือนเพลง ‘หนี่หนงหว่อหนง’ ดังขึ้นมาเลย

พอคิดว่าม้านี่เป็นของเถ้าแก่ผางโป๋ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะม้าระดับสูงพวกนี้มักจะฉลาดหลักแหลมกว่าม้าทั่ว ๆ ไปซึ่งจะผูกพันกับเจ้าของมาก ๆ

ดังนั้นในนิยายหรือในหนังในละครจึงมีเรื่องราวที่ม้าวิ่งไปช่วยเจ้าของอยู่บ่อย ๆ เพราะเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริงมาตั้งนานแล้ว

“เถ้าแก่ครับ ม้านี่ไม่ใช่พันธุ์ธรรมดาทั่วไปใช่มั้ยครับ?” ผางโป๋เดินเข้ามาหาและชื่นชมขนสีขาวจั๊วะของเสี่ยวชี

“ม้าพันลี้ชื่อเสี่ยวชีน่ะ จากนี้ไปก็ให้คนดูแลมันดี ๆ ด้วย” ฉินหลินอธิบาย

“ม้าสิงโตหยกนั่นเหรอครับ!” ผางโป๋รู้สึกประหลาดใจ

แม้จะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องสายพันธุ์ของม้าแต่ก็พอมีความรู้พื้น ๆ อยู่บ้าง

ในตอนแรกม้าสิงโตหยกไม่ได้หมายถึงม้าพันลี้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงม้าขาวชนิดที่ขาวหมดจดโดยไม่มีขนสีอื่นปนเลยแม้แต่เส้นเดียว

ในประวัติศาสตร์และนวนิยายมีม้าสิงโตหยกและม้าพันลี้ที่โด่งดังเกินไป

ตัวแรกคือม้าสิงโตหยกของจู่ล่ง เพียงแต่ม้าสิงโตหยกตัวนั้นไม่ได้ถูกเรียกว่าม้าพันลี้ในตอนนั้น จะบอกว่ามันคือบรรพชนของม้าพันลี้ก็ว่าได้

กองกำลังม้าขาวของกงซุนจ้านเองก็เป็นม้าพันลี้รุ่นหลัง

สมัยราชวงศ์จิน ม้าสิงโตหยกขององค์ชายหวานเหยียนกับม้าสิงโตหยกที่สังหารเฉาไก้ที่สุยหู่จ้วนต่างก็เป็นม้าพันลี้

ดังนั้นหลายคนจึงมองว่าม้าพันลี้ที่ขาวเหมือนหิมะชนิดนี้คือม้าสิงโตหยก

ยิ่งไปกว่านั้นม้าพันลี้ยังเป็นตัวเลือกนัมเบอร์วันในการหมู่ม้าศึกของจีนไม่ว่าจะสมัยราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์หมิง ยันปลายราชวงศ์ชิง

ใครจะไปนึกล่ะว่าเถ้าแก่จะมีม้าสิงโตหยกด้วย

ผางโป๋ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เห็นม้าชนิดนี้จริง ๆ ‘อยากจับโว้ย อยากขี่ด้วย!’

ทว่าพอนึกถึงสีหน้าขยะแขยงของม้านั่นแล้วถ้าไปแตะจะโดนถีบป่าวนิ?

‘แต่ถ้าต้องสอนเถ้าแก่ขี่ล่ะก็ยังไงก็ต้องสาธิตให้ดูด้วยตัวเองใช่ปะ แบบนั้นก็ไม่น่าจะโดนถีบใช่มะ?’

พอคิดได้ดังนั้นก็เริ่มอยากถามเถ้าแก่แล้วว่าสนใจเรียนขี่ม้ามั้ย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปเจ้าม้ามันก็ร้องใส่เถ้าแก่อย่างกระตือรือร้นจากนั้นเถ้าแก่ก็พลิกตัวขึ้นขี่บนหลังม้า การเคลื่อนไหวไหลลื่นเรียบร้อยดูหล่อเท่ห์เหลือหลาย

“...” ผางโป๋ตกตะลึง ดูเหมือนเถ้าแก่จะไม่จำเป็นต้องให้สอน

ทันทีที่ฉินหลินขึ้นม้าเสี่ยวชีก็วิ่งออกไปไปด้วยกำลังทั้งหมด ถังเจิ้นที่ได้ยินมันร้องเมื่อกี๊เขาก็ฟังออกว่ามันเรียกให้เขาขี่

ฮี้ ๆ~

เสี่ยวชีส่งเสียงร้องอย่างร่าเริงอีกครั้งและเร่งความเร็วขึ้นวิ่งออกไปไกล ฉินหลินอยู่บนหลังม้าอย่างมั่นคงด้วยสกิลขี่ม้า

พวกเทรนเนอร์ตกตะลึงไปเลย

“เถ้าแก่สุดยอด!”

“เถ้าแก่ขี่ม้าได้อย่างหล่ออะ”

“เท่ห์กว่าพี่ผางอีก”

“...” ผางโป๋พูดไม่ออก

เพราะทักษะการขี่ของเถ้าแก่นั้นดีจริง ๆ ท่าทางที่เห็นตอนนี้อย่างกับช่ำชองมานานแสนนาน

ด้วยความเร็วที่สุดยอดขององค์ราชาที่ตอนนี้ยังเร็วขึ้นเรื่อย ๆ นั้นไม่รู้ทำไมเถ้าแก่ถึงยังชิล ๆ อยู่ได้ แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงยังเท่ห์อยู่ได้อีก!

เถ้าแก่ตอนนี้ราวกับขุนศึกที่ขี่ม้าตะลุยสนามรบในสมัยโบราณ ด้วยท่าทางอันเป็นอิสระนั่นหากมีหอกซักเล่มกับเกราะเงินเท่ห์ ๆ ล่ะก็มันจู่ล่งชัด ๆ เลยไม่ใช่เรอะ!

ทุกคนที่เห็นฉากนี้ล้วนอินไปกับมันมาก ส่วนฉินหลินนั้นเป็นผู้เดียวที่รู้ว่าการที่ตัวเองหล่อก็เพราะโบนัสจากสกิลขี่ม้าท่วงท่า +1

ที่ด้านหลังมีม้าทั้ง 55 ตัวออกวิ่งตามเสี่ยวชีอีกรอบ จากเสียงกีบม้านี่หากใครมาได้ยินอาจคิดไปเองว่าเป็นกองทหารม้าออกโจมตีข้าศึกก็เป็นได้

...................................................................................…

พื้นที่กางเต็นท์

ภายใต้การนำของเกาเหยาเหยานักท่องเที่ยวกลุ่มของหยางตงได้ทดลองใช้เต็นท์ ถุงนอน เสื่อ... ฯลฯ กันอย่างกระตือรือร้น

หยางตงกับหูจิงต่างก็เป็นคนใต้ เอาตรง ๆ ก็ไม่ได้นอนเต็นท์มากว่า 20 ปีแล้ว ยิ่งเป็นเต็นท์ระดับไฮเอนด์ที่ออกแบบและสร้างขึ้นมาอย่างประณีตนี่บอกเลยว่าเกิดมาก็พึ่งเคยโดน

อุปกรณ์รองนั่งและสิ่งของต่าง ๆ ที่ลองใช้นั้นขนาดเอามาใช้ในเต็นท์ยังสบายเลย

อย่างน้อย ๆ เต็นท์ทุกหลังเวลานอนก็รู้สึกดีและสัมผัสได้ถึงการใช้ชีวิต

ถ้าถามว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดีล่ะก็บอกเลยว่าตอบยาก

ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมีส่วนร่วมในการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด และในเมื่อด้านความสะดวกสบายมันเลือกยากนักงั้นก็ต้องวัดกันที่หน้าตาแล้วล่ะ

ในไม่ช้าพวกหยางตงก็ทดลองกันจนเสร็จและไปลงทะเบียนตัวเลือกของตนกับเกาเหยาเหยา

เกาเหยาเหยาเช็กข้อมูลที่นักท่องเที่ยวเลือกอย่างระมัดระวัง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเต็นท์ทุกหลังล้วนถูกนักท่องเที่ยวเลือก แต่ที่มากที่สุดคือเต็นท์ของบริษัทอุปกรณ์เอาท์ดอร์เชิ่งตัวย่า

การออกแบบเต็นท์ของบริษัทนี้เรียบง่ายและใช้งานสะดวก มีอุปกรณ์ที่ใช้อำนวยความสะดวกที่ทำจากไม้ทำเป็นรูปทรงกรวย อีกทั้งสีของเต็นท์ยังดูสบายตาด้วย

มีการวางโต๊ะเก้าไม้ขนาดเล็กไว้หน้าเต็นท์อย่างประณีต

แม้โครงสร้าเต็นท์จะไม่ได้ดีเท่ากับของบริษัทอื่น ๆ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้กับเลือก

บริษัทอื่น ๆ นั้นทำออกมาค่อนข้างหรูหราและจะดีกว่าบริษัทนี้แน่นอน หากเอาตั้งไว้ที่อื่นล่ะก็ไม่ว่าจะดูยังไงก็ดีกว่า ทว่าพอเอามาตั้งบนพื้นหญ้าแล้วกลับดูรก ๆ เหมือนส่วนผสมที่ไม่ลงตัว

ดังนั้นสไตล์เรียบง่ายที่ตรงกันข้างจึงเข้ากับทุ่งหญ้าได้ดีมากกว่า

เกาเหยาเหยาได้เช็กดูโดยพื้นฐานแล้วซึ่งเธอก็พบว่าแม้สไตล์จะเรียบ ๆ แต่ด้านความสะดวกสบายแล้วไม่แพ้ของบริษัทอื่น

นี่คือคีย์หลังของเรื่องนี้

ต่อไปก็ต้องรอจนกว่านักท่องเที่ยวอีก 5 คนที่เหลือจะมาเลือก หลังจากสำรวจความคิดเห็นจนครบหมดแล้วถึงค่อยได้ข้อสรุป

หลังจากทุกคนเลือกกันเสร็จแล้วเกาเหยาเหยาก็บอกกับนักท่องเที่ยวว่า “ขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้นะคะ เดี๋ยวขอเชิญคุณลูกค้าทุกท่านตามไปรับของขวัญและบัตรส่วนพิเศษเพื่อเป็นการขอบคุณได้เลยค่ะ”

ของขวัญและบัตรส่วนลดเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไปที่ต้องแจก นอกจากนี้หลังจากที่จัดตั้งแผนกบริการเสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีการแจกของขวัญและบัตรส่วนลดจำนวนหนึ่งในทุก ๆ เดือน และคนที่ต้องจัดสรรเรื่องนี้ก็คือเธอที่เป็นผู้จัดการฝ่ายบริการนั่นเอง

พวกหยางตงที่ได้ยินว่าจะได้ของฟรีก็ตามเกาเหยาเหยาขึ้นมินิบัสด้วยใบหน้ามีความสุข

ไม่นานรถก็วิ่งผ่านสนามแข่งม้าอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้พวกหยางตงต้องแปลกใจเพราะเห็นฝูงม้าที่กำลังควบอย่างเร็ว โดยเฉพาะม้าขาวที่วิ่งนำมาซึ่งมีคนขี่อยู่ด้วย

“หล่อโคตร!” หูจิงชื่นชมอย่างอดไม่ไหว เธอเคยดูซีรีส์มามากมายที่มีการขี่ม้า แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่ขี่ม้าได้หล่อเท่ห์ถึงเบอร์นี้

หยางตงได้ยินก็วิตกเล็กน้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่มหลังม้านั่นมันเท่ห์ระเบิดจริง ๆ ม้านั่นวิ่งโคตรเร็วเลย ขนาดตัวเองแค่นั่งดูไม่ได้เป็นคนขี่ยังหวาดเสียวไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มหลังม้านั่นยังทำเท่ห์อยู่ไม่เปลี่ยนได้ยังไง

นักท่องเที่ยวบนมินิบัสต่างควักมือถือออกมาถ่ายกันอีกรอบ ในสังคมที่มีมือถือติดตัวตลอดเวลานั้นการบันทึกฉากที่สวยงามทุกที่ทุกเวลาไม่ใช่แค่คำพูดลอย ๆ ไม่มีมูล

เกาเหยาเหยาที่เห็นฉินหลินขี่อยู่บนหลังเสี่ยวชีเธอก็จำได้ทันทีว่านั่นเถ้าแก่

เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเถ้าแก่ของเธอยังมีความสามารถแบบนี้ด้วย อะไรจะเก่งแท้

และในไม่ช้าม้าก็วิ่งผ่านไป พวกหยางตงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งมินิบัสออกจากฟาร์มไป

ฉินหลินควบม้าด้วยสกิลขี่ม้า ความเร็วของเสี่ยวชีก็เพิ่มขึ้น ๆ เรื่อย ๆ ตัวเขาเองก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นตามไปด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นสนามแข่งขนาด 300 หมู่เมื่อเทียบกับพื้นที่ในเกมแล้วเสี่ยวชีได้วิ่งอย่างมีความสุขมากกว่า ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเร็วอันน่าหลงใหล มันช่างตื่นเต้นยิ่งกว่าขับ BMW ซะอีก

หลังจากวิ่งจนสาแก่ใจแล้วแล้วฉินหลินก็บังคับเสี่ยวชีให้วิ่งกลับไปที่เดิม

พวกเทรนเนอร์ต่างก็เฝ้ามองด้วยแววตาชื่นชม

ดวงตาของผางโป๋ก็เต็มไปด้วยความเคารพเช่นกัน

ฉากเมื่อกี้ได้บอกเขาว่าฝีมือการขี่ม้าของเถ้าแก่นั้นสูงมาก สูงกว่าตัวเขาเองด้วย

“ช่วยดูแลเสี่ยวชีให้หน่อยล่ะ” หลังจากที่ฉินหลินลงจากหลังม้าเขาก็สั่งพวกผางโป๋มาดูแลต่อ และเมื่อเขากำลังจะเดินจากไปเสี่ยวชีก็ร้องเรียกอย่างไม่เต็มใจ

เขาก็เลยปลอบโยนมันอยู่ครู่หนึ่งจนมันยอมเชื่อฟังจากนั้นก็ออกจากทุ่งหญ้าไปที่บ้านไร่

หลังจากมาถึงบริเวณออฟฟิศของบ้านไร่แล้วจ้าวโม่ชิงก็ได้เรียกเขาไปที่ห้องทำงานของเธอ

เกาเหยาเหยาเองก็อยู่ด้วย ซึ่งเมื่อเห็นฉินหลินเข้ามาก็ส่งสายตาชื่นชมใส่

“นี่ ๆ เหยาเหยา อย่ามองแบบนั้นสิมันเขินนะเอ้อ” ฉินหลินสังเกตเห็นสายตาของเกาเหยาเหยาและพูดติดตลก

เกาเหยาเหยาก็รีบอธิบายว่า “ก็ตะกี๊หนูเห็นเถ้าแก่ขี่ม้าด้วยอะ อย่างหล่อเลย!”

“เธอเห็นด้วยเหรอ!” ฉินหลินผงะ

เกาเหยาเหยาพยักหน้า “อื้ม ๆ มีนักท่องเที่ยวเห็นตั้งหลายคนนะ ทุกคนต่างก็ชมว่าหล่อว่าเท่ห์ทั้งนั้นเลยค่ะ”

“...” ฉินหลินขมวดคิ้ว ตัวเขามักจะทำตัวพื้น ๆ ไม่ต้องการแสร้งทำเป็นเก่งต่อหน้านักท่องเที่ยวเลย

ถ้าเกิดมีคนเอาคลิปวิดีโอนั่นไปโพสต์ลงโซเชียลล่ะก็จะต้องกลายเป็นกระแสแน่ ๆ

เขาไม่ต้องการให้ตัวตนของตนถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ เพราะนั่นจะทำให้สูญเสียความชิล ๆ ที่มีอยู่ในตอนนี้ไป

จ้าวโม่ชิงสนใจในหัวข้อนี้ขึ้นมา “เธอไปขี่ม้ามาเหรอ? ยังไม่ลืมตอนสมัยเรียนมหาลัยสินะ”

เธอรู้ว่าฉินหลินเคยไปเรียนม้ากับเพื่อนเศรษฐีรุ่นสองสมัยมหาลัย แต่ก็ไม่คิดว่าผ่านมานานขนาดนี้แล้วเขายังไม่ลืมอีก

ก็เหมือนกับไปสอบใบขับขี่มานั่นแหละ ถ้าสอบมาแล้วแต่ไม่แตะต้องรถเลยตลอดครึ่งปีจู่ ๆ จะให้ไปขับลงถนนใหญ่เลยมันก็ไม่กล้าเหมือนกันนับประสาอะไรกับขี่ม้า

“อือฮึ” ฉินหลินยอมรับอย่างง่ายดาย

แล้วจ้าวโม่งชิงก็ส่งรูปถ่ายและเอกสารให้ฉินหลิน “นี่เป็นเต็นท์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกเลือกในพื้นที่กางเต็นท์ ถ้านักท่องเที่ยวกลุ่มที่สองส่วนใหญ่เลือกอันนี้อีกเราจะเลือกร่วมมือกับบริษัทนี้เลย”

ฉินหลินรับข้อมูลมาดู บริษัทขายเต็นท์แห่งนี้มีชื่อว่าเชิ่งตัวย่า เต็นท์ที่ใช้มีสไตล์เรียบง่ายเข้ากับทุ่งหญ้าสีเขียว

แล้วถ้าเกิดเอาไม้ประดับขนาดเล็กมาปลูกในพื้นที่นั้นด้วยล่ะก็แจ่มเลย

“เต็นท์ของบริษัทนี้ค่อนข้างเหมาะกะทุ่งหญ้าเราพอดี ถ้าเธอว่าดีก็จัดเลย” ฉินหลินอ่านข้อมูลเสร็จก็ยิ้มตอบ

หลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แล้วขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมรายละเอียดการเปิดฟาร์มและจะมีการสั่งสัตว์ชุดที่สอง

นอกจากสัตว์สวยงามที่มีมูลค่าสูงเช่นโคนมและหมูเล็กเนื้อหอมแล้ว ในทุ่งหญ้าก็ควรมีวัวกับหมูธรรมดาเสริมเข้าไปด้วย

ซึ่งสัตว์พวกนี้จะเลี้ยงไว้ให้ดูรวม ๆ แล้วสมเป็นฟาร์มมากขึ้นเท่านั้น

หลังจากที่ฉินหลินจากไปจ้าวโม่ชิงได้โทรหาหลินหลานจื่ออย่างเร็วโดยต้องการให้อีกฝ่ายทำประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในฟาร์มโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะยังไงบ้านไร่ก็ลงทุนกับมันไปเยอะ... มาก...

หากโครงการนี้ไม่ดีล่ะก็จะล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเลย

ทว่าเธอกลับคิดมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าหลินหลายจื่อยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยวันต่อมาบ้านไร่ชิงหลินก็ติดท็อปยอดค้นหาในโลกออนไลน์อีกแล้ว

เนื่องจากเมื่อวานกลุ่มนักท่องเที่ยวได้อัปโหลดคลิปวิดีโอที่ฟาร์มชิงหลินบนติ๊กต็อกโดยเฉพาะคลิปของนกยูงขาว

ด้วยโบนัสคุณสมบัติขึ้นกล้อง + 2 ของหญ้าแพรกทำให้ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตานั้นน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

และยังมีคุณสมบัติขึ้นกล้อง +2 ของนกยูงขาวอีกทำให้เมื่อประสานกับทุ่งหญ้าแล้วออกมาเลิศเลอจนไม่อาจละสายตาจากจอได้เลย

เนื่องจากบ้านไร่ชิงหลินมีลูกเล่นเจ๋ง ๆ อยู่เสมอจึงทำให้ความนิยมสูงอยู่ตลอด ขนาดฟาร์มยังไม่ทันได้เปิดก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวบ้านไร่และเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อจากระยะไกล

แต่โอกาสอันดีก็มาด้วยเช่นกัน

เพราะเมื่อมีคนเอาคลิปภายในมาโพสต์อวดมันก็เกิดเหตุการณ์เหมือนกับตอนทะเลเฟื่องฟ้าและพื้นที่เข้าชมสะพานลอยน้ำซึ่งกลายเป็นที่นิยมในทันทีจนเกิดเป็น traffic pool

อีกทั้งผู้โพสต์ยังชอบใช้หัวตัวเองเป็นประกันเลยว่าที่นี่มันช่างมหัศจรรย์จริง ๆ หากใครพลาดระวังจะเสียใจอะไรประมาณนี้ด้วย

และแน่นอนว่าคลิปวิดีโอที่ร้อนแรงและน่าดึงดูดใจที่สุดไม่ใช่คลิปพวกนี้ แต่เป็นคลิปม้าขาวที่กำลังควบอย่างสุดกำลังกับชายหนุ่มบนหลังม้าที่อย่างเท่ห์

ในทุ่งหญ้าที่สวยงามและน่าหลงใหล ชายหนุ่มรูปงามควบม้าอย่างเท่ห์นี่ทำให้ใครเห็นเป็นต้องกรี๊ด

“ไอ้หนุ่มหลังม้านั่นจะเก่งเกินไปมั้ย นี่ถ้าล้มด้วยความเร็วขนาดนั้นกระดูกน่าจะแหลกเหลวไปทั้งตัว”

“เห็นหมอนี่ขี่ม้าแล้วนึกถึงในหนังขึ้นมายังไงม่ายรุ”

“ให้เวลาห้านาทีเอาข้อมูลน้อนคนนี้มาให้เดี๊ยนที เดี๊ยนอยากให้น้อนอุ้มไปขี่ไปบนม้าขาวตัวนั้ลอ่า~”

“หล่อโคตร ยอมเลยคุณเทพบุตรสุดหล่อ~”

“ไอ้หนุ่มหลังม้านั่นหล่อจริงไรจริง แถมตอนขี่ม้าขาวนี่นึกถึงขุนศึกม้าขาวในหนังเลยอะ พี่ขอจัดชุดเกราะเท่ห์ ๆ ตัวนึงเลย อยากรู้ว่าเกราะเท่ห์แค่ไหนก็เข้าไปดูได้เลยไอ้น้องงงงงงง”

เมนต์บนนี่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอ่านจนมีคนมากดไลค์กันนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังกดเข้าไปดูในเพจของผู้โพสต์และเห็นคลิปวิดีโอเกี่ยวกับชุดเกราะขึ้นตรึม

มีคลิปหนึ่งที่แต่งคอสเพลย์ขุนศึกขี่ม้าขาวสวมเกราะเงินแถมยังมีถือหอกเงินด้วย

ส่วนคลิปวิดีโอของฉินหลินตอนขี่ม้าเนื่องจากโบนัสคุณสมบัติท่วงท่า +1 ให้คนที่ดูอดตะโกน ‘เชี่ย!’ ดัง ๆ ขึ้นมาไม่ได้

เพราะหล่อเกินเบอร์

ถ้าใส่เกราะเงินควบม้าขาวมาเต็มแรงล่ะก็จะต้องดูเหมือนจู่ล่งตอนยุทธการเตียงปันชัวร์เลย (ไม่รู้ใช่อันนี้มั้ยรู้แต่มันเท่ห์มาก)

ยิ่งกว่านั้นไม่แน่อาจจะเท่ห์กว่ากว่าจู่ล่งในจอก็เป็นได้

วิดีโอชุดเกราะและหอกในคลิปหลังบ้านอันนั้นกลายเป็นที่นิยมยิ่งกว่าคลิปต้นฉบับซะอีก

ฉินหลินถูกบังคับให้กลายเป็นที่นิยมไปโดยปริยาย และคลิปวิดีโอตอนที่เขาควบม้าก็ถูกรีโพสต์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาถูกบังคับให้ต้องกลายเป็นเน็ตไอดอลไปซะอย่างนั้นเลย

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด