ตอนที่แล้วตอนที่ 125 ซือต๋าตกหลุกรัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 127 รถม้านั่น!กำลังจะไปไหน?

 ตอนที่ 126 ปัญหาเรื่องการเรียน


ตอนที่ 126 ปัญหาเรื่องการเรียน

  เมื่อนางจางและซือต๋า กลับมาถึงร้าน วัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารค่ำก็พร้อมที่จะต้อนรับลูกค้า และซือต๋า ก็กำลังจะปล่อยให้โถวจินทำอาหารเอง เพราะเขาเห็นแล้วว่าโถวจินนั้นมีความเข้าใจเกี่ยวกับการทำอาหารท่าทางดูคล่องแคล่วขึ้นมาก

  ซือต๋า แล้วจุดไฟให้เขาโบกมือเรียกโถ่วจินมาหน้าเตาและส่งไม้พายให้เธอ

  ไม่ต้องพูดถึงทักษะหลักของการทำอาหาร โถ่วจินเฝ้าดู ซือต๋า ผัดและทอดด้วยไม้พายขนาดใหญ่ทุกวัน จึงไม่ได้รู้สึกว่ายากเกินไป และครั้งนี้เธอก็ยินดีที่จะลงมือทำมันด้วยตัวเอง

  กระทะเหล็กนำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ซือต๋าจึงตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับอีกเตาของเขาและไม่ได้สนใจโถวจินในตอนนี้ เมื่อเขาเห็นว่าน้ำมันในกระทะร้อนเกินไป ก่อนที่เขาจะหันไปพบว่าโถ่วจินกำลังจะโยนผักกาดขาวที่เพิ่งล้างและยังมีน้ำหยดลงไป

  ทันใดนั้นก็มีควันน้ำมันและเปลวไฟเกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งไหม้คิ้วของโถ่วจินโดยตรงซือต๋า ถอยออกไปพร้อมกับตะโกนเสียงดังบอกให้โถ่วจินหยิบฝาหม้อแล้วยกขึ้นมาบังไว้

  ชุนหยาที่กำลังเล่นกับเสี่งหวู๋และเสี่ยวเฉาที่สนาม เมื่อเธอได้ยินเสียงดัง เธอจึงวิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่าคิ้งทั้งสองของโถ่วจินนั้นเหลือเพียงตอและเธอก็มองด้วยตาที่กะพริบช้า ๆ : "โถ่วจิน พี่โอเคไหม??"

ซือต๋า รีบดึงฟืนออกจากเตาเพื่อลดกำลังไฟ สบถว่า " บ้าจริง! ข้าไม่ทันได้ดูอุณหภูมิของน้ำมันก่อน นี่ทำอาหารหรือจุดระเบิดกันแน่?" ซือต๋า ไม่คิดว่าโถ่วจินที่เขาคิวว่ามีท่าทางที่คล่องแคล่วขึ้นมากจะตัดสินใจโยนผักลงไปในกะทะที่น้ำมันร้อนเกินไปจนไฟลุกไหม้ เขายังคิดว่าพันธุกรรมของครอบครัวซือ แต่เดิมนั้นไม่ดีนัก

ฉื้อโถว เดินช้า ๆ อย่างระมัดระวังและมองไปที่ห้องครัว

"ลุงแค่หวังว่าจะส่งต่อการทำอาหารให้คนในครอบครัวเรา คิดว่าเจ้าจะมีความเข้าใจมากกว่านี้ ครอบครัวซือของเรามีปัญหาทางพันธุกรรมหรือไม่!"

  โถ่วจินกระพริบตาแล้วถาม "ท่านลุง พันธุกรรมคืออะไร?"

  "พันธุกรรมหมายความว่า....อย่างเช่นมังกรให้กำเนิดมังกร ฟีนิกซ์ให้กำเนิดฟีนิกซ์ และลูกของหนูสามารถเจาะรูได้เหมือนแม่ของมัน" ชุนหยา กล่าว "แปลได้อีกอย่างว่าหากพ่อแม่ฉลาดลูกก็จะฉลาด"

"ข้าโง่เหรอ?" โถ่วจินกะพริบตามองที่ชุนหยา

"ไม่..พี่ไม่โง่แต่ไม่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารเท่านั้นเอง และอาจต้องฝึกอีกซักหน่อย" ชุนนหยาอธิบาย

  จากภายใต้การแนะนำของซือต๋า โถ่วจินได้เริ่มเรียนรู้อย่างจริงจัง โดยเริ่มทำเครื่องในไก่ผัดกระเทียมอีกครั้ง แต่มือของเธอยังสั่นและใส่เกลือมากเกินไป  ซือต๋าจึงคิดว่าควรยกเลิกสิหน้าที่ในการทำอาหารประจำร้านนี้ไปก่อน แม้ว่าเด็กคนนี้จะสนใจและชอบทำอาหาร แต่เขาก็ยังไม่มีทักษะด้านการปรุง และควรจะให้เธอทำอาหารกินเองก่อน

  เนื่องจากอาหารสองจานถูกยกเลิกทำให้อาหารเย็นวันนี้มีน้อยลงและบังเอิญร้านต้องปิดก่อนกำหนด อีกอย่างเถี่ยโถวอยู่ที่วันอันหยวนซึ่งสถานที่ ที่มีแต่พระภิกษุสงฆ์ทั้งวันและเขาไม่รู้ว่าเขาจะร้องไห้หรือเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ ปิดร้านเร็วขึ้นก็ดีเหมือนกัน

  เมื่อชุนหยาและคนอื่น ๆ มาถึงวัดอันหยวนเพื่อมารับเขา ก็พบว่า เถี่ยโถวนั่งอย่างสงบอยู่ตรงข้ามตั่วซุนและกินบะหมี่ และเขาทักทายพี่สาวของเขาว่า "พี่สาว อยากกินบะหมี่ไหม ถ้าอย่างนั้น...บอกซิ อาจารย์คนไหนที่อยู่ที่นี่กับข้าตอนนี้ บะหมี่ธรรมดาที่นี่อร่อยมาก เข้ากินไป 2 ชามแล้ว และนี่ชามที่ 3 แล้ว"

  ตั่วซุน ตะโกนที่ด้านข้าง "พวกเจ้ารู้ไหม เด็กคนนี้กินเก่งเกินไป แล้วสุนัขของพวกเจ้าก็เหมือนกัน สุนัขแบบไหน คอยกระตุกชายผ้าของข้าและแย่งข้ากินอยู่เรื่อง วันหลังไม่ต้องพามาที่นี่ดีกว่านะ!”

  ต้าจิน ยังเข้าใจในสิ่งที่ตั่วซุนพูดถึงมัน และมันยังเถียงในใจว่า หากเถี่ยโถวไปที่ไหนมันก็จะไปด้วย

  “แล้วเจ้าล่ะ ทำไมวันนี้ไม่มาเรียนรู้จากวิชาจากข้ากับน้องชายของเจ้าด้วย อันที่จริงข้าไม่อยากสอนใครง่าย ๆ หรอกเพราะว่าคนเข้าแถวรอให้ข้าสอนเยอะมาก”ตั่วซุน สนใขที่จะสอนวิชาของเขาให้กับชุนหยาเพราะเห็นว่าเธอมีบางอย่างที่ดูพิเศษ   

เวลานี้ชุนหยาได้แต่เพียงยิ้ม เธอคิดว่าเธอต้องไปที่บ้านเก่าเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมหุ้นทำสิ่งต่าง ๆ กัยอาของเธออย่าจริงจัง และเธอไม่มีเวลายุ่งเกี่ยวกับเขา ดังนั้นเธอจึงยอมรับความผิดพลาดของเธอโดยบอกว่า: "ข้าจะมาพร้อมกับเถี่ยโถวในครั้งหน้าแน่นอน และข้าจะนำของอร่อย ๆ มาด้วย" จากนั้นตั่วซุนก็ปล่อยให้เธอและเถี่ยโถวกลับไป

  เมื่ออกจากวัดอันหยวน พวกเขาก็ตรงไปที่บ้านเก่า และเรียกชายชราซือ และทุกคนด้วยท่าทางจริงจัง ซือต๋า กระแอมในลำคอ ซึ่งทำให้ทุกคนประหม่า พวกเขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ และชายชราซือ พูดอย่างกระวนกระวาย : "มีเรื่องอะไร รีบว่ามาเร็วเข้า!"

  "อ๊ะ! ไอ้ลูกสารเลว—เจ้าไปสร้างปัญหามาอีกแล้วใช่หรือไม่"นางไค่ พร้อมที่จะทุบตีลูกชายของเธอ

  "ไม่!! ไม่!! ท่านแม่ฟังก่อน มันเกี่ยวกับเรื่องเงินของครอบครัวเรา!" ซือต๋า อธิบายอย่างรวดเร็ว

  "เงิน?! เกิดอะไรขึ้นกับเงิน? เจ้าไปเล่นการพนันอีกแล้วเหรอ!" เสียงของชายชราซือ ตะโกนดังขึ้นในระดับแปดเสียง

  “อ๊ะ!! ข้าจะตีเจ้าให้ตายวันนี้ลูกชั่ว—” นางไค่ กำลังจะกระโจนเข้าใส่เขา

  "พอแล้วค่ะ! ฟังก่อนไม่ใช่เรื่องเงินแบบนั้น! มันเกี่ยวกับการทำฟาร์มในภูเขาด้านหลัง !!" นางจาง ปวดหัวเมื่อเห็นพวกเขากำลังจะทะเลาะกัน

  นางไค่ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ที่มีพนักพิง "เจ้าก็ควรพูดให้เร็วกว่านี้ไม่ใช่เหรอ!"

  นางจางถอนหายใจและผลักซือต๋าให้หลบไป อย่างช่วยไม่ได้ : "ท่านพูดไม่รู้เรื่องเอง ดังนั้นข้าจะพูดเอง"

  "คือว่าตอนนี้ เราเช่าบ้านอีกหลังในเมือง และในอนาคตเราจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นข้ากับท่านพี่จึงคิดว่าจะปล่อยให้พวกเจ้าเลี้ยงไก่ เป็ดและดูแลไร่ที่กำลังจะทำที่ภูเขา พวกเจ้าดูแล การปลูกและเราดูแลการจัดหาพันธุ์ผลไม้และขาย รายได้เราก็จะแบ่งกันเป็นสามต่อเจ็ด”

ซือต๋าเสริมว่า : “พวกเจ้าจะได้สามและเราจะได้เจ็ด”

  ทุกคนในบ้านเก่ากำลังงงกับสิ่งนี้ คุณกำลังพูดถึงอะไร?

  "ทำไมพวกเจ้าถึงย้ายไปที่ที่นั่น?" ชายชราซือขมวดคิ้ว

  “พี่สะใภ้ อย่างนั้นข้าควรทำอย่างไรกับการทำกระดาษดีล่ะ?” นางหลี่และสามีของเธอเพิ่งไปตัดต้นไม้มาวันนี้ เธอจึงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อเมื่อได้ยินนางจางพูดเช่นนี้

  “แล้วเราจะส่งไก่พวกนี้ให้เหอเซี่ยจูด้วยตัวเองในอนาคตเหรอ?” ซือจื้อ สนใจและคิดว่าธุรกิจเลี้ยงไก่ควรทำให้ชัดเจนและเป็นรายได้ก้อนโตของครอบครัว

  “แล้วผลไม้ล่ะ เราจะปลูกอะไร?” ซือฝา ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการร่วมหุ้นทำไรผลไม้มาก่อน

  

เมื่อเห็นว่าทุกคนดูสับสน ซือต๋าจึงอธิบายอีกครั้ง "ข้าสัญญาว่าจะมีสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาจะมาดูทุก ๆ 4-5 วันอย่างแน่นอน หรือถ้ามีอะไรในเวลานั้น ให้ซือฝาและซือจื้อไปหาพวกเราที่บ้านเช่าในเมืองก็ได้ ยังไงก็ต้องไปเพื่อส่งไก่อยู่แล้วนี่ และตอนนี้มีเกวียนวัวอยู่ที่บ้านนี้แล้ว ในอนาคตอาจจะซื้อรถม้าแล้วการเดินทางจะรวดเร็วขึ้น"

  “แต่ชุนหยา แล้วการเรียนของเราล่ะ?” ซือหยิน ที่เงียบอยู่ข้าง ๆ ถาม

  "อ่า....จริงด้วย...ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง?" ชุนหยาพูดเบา ๆ เมื่อเธอไปอยู่ในเมืองแล้วคงไม่สะดวกที่จะสอนเด็ก ๆ อีกต่อไป แล้วพวกเขาจะเรียนได้อย่างไร ถ้าสามารถเปิดห้องเรียนและหาครูเพิ่มได้คงจะดีมาก

  “แต่ถ้าจะสร้างห้องเรียนใหม่ก็ต้องสร้างอีกหลัง ในพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเดิม ไม่งั้นจะทิ้งห้องเรียนที่บ้านเก่าหลังนี้ไปแล้วใช้ที่อื่น ที่กว้างมากพอ เราจะสอบถามผู้ที่เกี่ยวอย่างหัวหน้าหมู่บ้านว่ามีคนไหนบ้างที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ หมู่บ้านของเราเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ เด็กชายและเด็กหญิงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน แต่เพียงเท่านั้นมันอาจไม่มีประโยชน์ที่จะได้รับการยอมรับกฎตายตัวที่ว่าจะให้เด็ก ๆ เรียนรวมกันได้ทั้งชายหญิง มันต้องแยกห้องเรียนจึงจะได้รับการยอมรับตามกฏของที่นี่”

  จริง ๆ แล้วซือต๋า ต้องการทำเช่นนี้มานานแล้วและเขาสนใจเรื่องการอ่านเขียนของเด็ก ๆ มาก แต่เขาประสบปัญหาไม่มีเวลาและเงินที่จะนำมาสร้างโรงเรียนเล็ก ๆ

อีกทั้งการสอนอย่างต่อเนื่องของชุนหยา นั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บ้านของพวกเขาในเทศมณฑลก็ถูกเช่าไว้แล้วเช่นกัน บ้านของพวกเขาที่นี่ก็จะว่าง

  แม้ว่าในอนาคตเถียโถวจะต้องเรียนหนังสือในมณฑลอย่างแน่นอน แต่เด็ก ๆ ในบ้านเก่าก็ต้องได้รับการศึกษาด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินใด ๆ ดังนั้นทำไมไม่ทำห้องเรียนที่จริงจังล่ะ

  ซือต๋าคิดยังแนะนำว่า : "พ่อจะต้องหาที่ว่างสำหรับทำห้องเรียน และไหน ๆ เราก็ต้องออกจากบ้านของเราอยู่แล้ว"

  “เมื่อเราจัดการเรื่องห้องเรียนที่ถูกต้องได้แล้ว จึงจะไปปรึกษากับหัวหน้าหมู้บ้านและเจ้าหน้าที่ประจำเขต จากนั้นดูว่ามีเด็กอยากเรียนกี่คน ส่วนเรื่องจ้างครูก็ต้องไปปรึกษาบัณฑิตที่มีความรู้ ถ้าหากคนในหมู่บ้านสนับสนุนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นมันจึงไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่มาก”

  การจัดตั้งโรงเรียนเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อก่อนนี้เขาเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วแต่เพราะหมู่บ้านนี้เล็กมากและไม่มีพื้นที่สำหรับตั้งห้องเรียนได้จึงเงียบไป และให้ชุนหยาสอนเฉพาะเด็ก ๆ ในครอบครัวและเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่เวลานี้หารครอบครัวของซือต๋า ย้ายไปอยู่บ้านเช่าในเมือง บ้านหลังเล็ก ๆ ในหมู่บ้านนี้ก็จะกลายเป็นพื้นที่ว่าง และมันมีความเป็นไปได้มากขึ้น

  เมื่อทุกอย่างมีความพร้อม สำหรับการเรียนที่เป็นประโยชน์กับเด็ก ๆ หัวหน้าหมู่บ้านจะไม่สนับสนุนสิ่งนี้ได้อย่างไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด