ตอนที่แล้วบทที่ 8 องค์ชายอยู่ในห้องเจ้าสาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 ใบหน้าที่หายไป

บทที่ 9 นำเจ้าสาวกลับมา


เฟิ่งหยินซวงใช้เวลาทั้งคืนอย่างสงบในวังชิงผิง เขาไม่แตะต้องนางอีกเลยหลังถูกนางกระทำการอุกอาจไปเมื่อคืน ทั้งยังไม่ซักถามอะไรนางอีก จนกระทั่งตอนนี้เฟิ่งหยินซวงก็ยังปลอดภัยดีทุกประการ

ในตอนแรกนางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเพราะกลัวว่าเขาจะทำตัวเหมือนสัตว์ร้ายกับนาง แต่หลังจากได้นอนฟังลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขามาเกือบค่อนคืน นางก็ค่อย ๆ หลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปโดยไม่รู้ตัว

น่าแปลกที่นางรู้สึกสบายใจทั้งที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับชายที่ถูกร่ำลือว่าเป็นปีศาจ

นางค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปจัดการตัวเองในห้องน้ำก่อนจะออกมาแล้วพบว่าขบวนจากพระราชวังมาถึงหน้าวังของกษัตริย์ชิงผิงแล้ว

เฟิ่งหยินซวงตัวแข็งทื่อ นางรับรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ถึงอย่างไรนางก็ตั้งใจไว้แล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรนางก็ต้องยอมรับให้ได้ทั้งหมด

นางและจุนโมเชนจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะพากันเดินออกมายังประตูใหญ่ นางขอให้เขาไม่นั่งลงคุกเข่าและโค้งคำนับเพื่อจะได้มีนางเพียงคนเดียวที่จะรับข้อกล่าวหานี้

“ฮ่องเต้มีคำสั่งให้กษัตริย์ชิงผิงและเฟิ่งหยินซวงเข้าเฝ้าที่พระราชวังหลวงบัดเดี๋ยวนี้!”

จุนโมเชนยื่นมือออกไปรับพระราชกฤษฎีกามาถือไว้ก่อนจะโค้งตัวลงพูดที่ข้างหูนาง

“ไปกันเถิดหยินซวง”

เหล่าคนรับใช้และทหารที่รับผ่านกฤษฎีกามีสีหน้าตกใจ การที่เขาเรียกชื่อนางแบบนี้แปลว่าทั้งสองต้อง ‘ใกล้ชิด’ กันประมาณหนึ่ง

เฟิ่งหยินซวงหายใจเข้าลึก ๆ นางผ่านพิธีแต่งงานและได้เข้าห้องหอกับเขาแล้ว เรื่องทั้งหมดควรจะจบแต่เพียงเท่านี้ แต่ในเมื่อปัญหาถูกส่งถึงมือฮ่องเต้แล้ว นางก็ต้องยอมรับมัน

ตากลมใสลอบมองไปยังชายตรงหน้า ในเมื่อเขารู้อยู่เต็มอกว่านางกำลังหลอกใช้เขาแล้วเหตุใดจึงไม่ใช้เวลานี้เปิดโปงนางเสีย เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยเหลือนาง?

สุดท้ายแล้วแล้วเขาเป็นคนโหดร้ายและน่ากลัวอย่างที่คนร่ำลือกันจริงหรือเปล่า?

...

และแล้วเวลาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก็มาถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องถูกเรียกมารวมตัวกันทั้งหมด

ทั้งองค์ชายสาม สนมหลี่ ท่านปู่เฟิ่งไท่ซือ รวมไปถึงตระกูลเฉิน และตัวเฉินหยิงเองอีกด้วย

“ซวงเอ๋อร์…” ทันทีที่หนานหยูเทียนเห็นนางก็รีบพุ่งมาหาอย่างรวดเร็ว

“ซวงเอ๋อร์ ข้าบอกท่านพ่อแล้วว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเจ้า เจ้าไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”

เฟิ่งหยินซวงยิ้มหยันอยู่ในใจ ช่างฟังดูดีเสียเหลือเกิน ถ้าหากเขาอยากช่วยนางจริง ๆ ทำไมไม่บุกเข้าไปในวังชิงผิงแล้วเอานางออกมาเสียตั้งแต่เมื่อคืนเล่า เหตุใดจึงต้องรอจนกระทั่งเช้าแล้วให้ฮ่องเต้มาเป็นตัวแทน

นางรู้ดีว่ามีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นคือ ‘หนานหยูเทียนกลัวกษัตริย์ชิงผิง’

ดูเหมือนข่าวลือด้านลบของสามีกำมะลอของนางจะยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง

“องค์ชายสาม ข้าเกรงว่าท่านกับข้าจะไม่มีชะตากรรมร่วมกันในชาตินี้” นางแสร้งทำหน้าเศร้า

“ซวงเอ๋อร์ เจ้าหมายความว่ายังไง เจ้าไม่รักข้าแล้วหรือ?” หนานหยูเทียนพูดอย่างประหม่า

“มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ข้าเข้าพิธีแต่งงานและตกเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว ความรักของเราคงจะจบลงเพียงเท่านี้” เฟิ่งหยินซวง ก้มศีรษะลงพลางเช็ดน้ำตาด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

‘ช่างปลอมเปลือกกันเหลือเกิน’

จุนโมเชนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เจ้าสาวของเขาน่าสนใจมากกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว

“มันเกิดอะไรขึ้น ซวงเอ๋อร์ กษัตริย์ชิงผิงบังคับอะไรเจ้า? หรือเพราะแม่นางเฉินหยิง? เจ้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ปู่ของเจ้าก็อยู่ที่นี่ หากเจ้ามีอะไรที่คับข้องใจเจ้าก็บอกกับปู่เจ้าได้เลย ท่านจะเรียกร้องความยุติธรรมให้เจ้าเอง”

ในบรรดาผู้คนมากมายมีเพียงหหนานหยูเทียนเท่านั้นที่กระตือรือร้นอย่างออกนอกหน้า ส่วนท่านปู่เฟิ่งไท่ซือก็ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง เขาทำเพียงนั่งฟังบทสนทนาอยู่เงียบ ๆ บนเก้าอี้

“ฝ่าบาท…” เฉินหยิงคุกเข่าลงบนพื้นแล้วโค้งคำนับ “ข้าคือเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับกษัตริย์ชิงผิง ข้าไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นตอนที่ต้องกลับขึ้นเกี้ยวในวิหารร้าง พระองค์ทรงเมตตาออกพระราชกฤษฎีกาให้ข้าได้แต่งงาน แต่กลับเป็นข้าเองกล้าดีขัดคำสั่งของพระองค์ โปรดลงโทษข้าเถิด”

แน่นอนว่านางไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าจุนโมเชน ยิ่งได้เห็นกับตาว่าเขาสวมหน้ากากหมาป่าอย่างที่เขาลือกัน หัวใจของนางก็ยิ่งหดลงด้วยความหวาดกลัว

“ฝ่าบาท…เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นางเฉิน ทุกอย่างเป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้า เราสองคนได้พบกันในวิหารร้างเพราะฝนตกหนักขัดขวางการเดินทาง อีกทั้งเรายังได้แต่งงานในวันเดียวกัน เราได้สานไมตรีจนกลายเป็นพี่น้องจากการลงจากเกี้ยวมานั่งคุยกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความนึกสนุกของข้าเอง และข้าไม่คิดว่าจะเกิดหายนะขึ้นเช่นนี้ หากท่านจะลงโทษ ก็ขอให้ลงโทษข้าแต่เพียงผู้เดียว” เฟิ่งหยินซวงยืนยันหนักแน่น

แต่ถึงแม้ฝ่ายหญิงทั้งสองจะพูดเช่นนั้นทว่าหนานหยูเทียนก็ยังมีทีท่าไม่ยินยอม

“เรื่องบังเอิญไม่มีจริง…หรือเรื่องทั้งหมดนี้จะเป็นประสงค์ของพระเจ้า…” ฮ่องเต้พึมพำ

“ไม่ว่าจะเป็นประสงค์ของพระเจ้าหรือเรื่องบังเอิญ ในเมื่อท่านรู้ว่าท่านได้เจ้าสาวผิดตัว ท่านก็ควรส่งคืนในทันที ส่วนนี่…แม่นางเฉินคนนี้ข้าไม่ได้แตะต้องนางแม้แต่ปลายเส้นผม ท่านควรรับตัวนางคืนแล้วส่งเฟิ่งหยินซวงกลับมาให้ข้า!”

หนานหยูเทียนทำท่าจะเข้ามาคว้ามือเฟิ่งหยินซวงไปจับ แต่กลับถูกร่างกำยำของใครบางคนเข้ามาขวางไว้เสียก่อน

“กษัตริย์ชิงผิง…”

“ข้าไม่สนว่าก่อนหน้านี้ท่านกับหยินซวงจะเป็นอย่างไร แต่ในตอนนี้นางเป็น ‘คนของข้า’ เผื่อองค์ชายสามจะยังไม่เข้าใจ”

ดวงตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากนั้นเย็นชาและเอาจริงจนน่าขนลุก

“องค์ชายสาม ข้าต้องขอโทษท่านด้วย ข้าไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์อีกแล้ว ไม่มีอะไรคู่ควรกับท่านเลย ท่านลืมข้าซะเถิด” เฟิ่งหยินซวงสะอื้น ทำเอาหนานหยูเทียนมองนางด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ซวงเอ๋อร์ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเขาไม่ใช่ข้า เหตุใดเจ้าจึงปล่อยใจให้เขาสัมผัสตัวเจ้าได้ เขาบังคับเจ้าใช่หรือไม่?”

“คือว่า…แสงเทียนในห้องหอมันสลัวเกินไป ตอนที่กษัตริย์ชิงผิงเข้ามาข้าก็…ข้าไม่รู้…ข้าคิดว่าเขาเป็นท่าน…”

“หยินซวง ทำไมเจ้าถึงสับสนได้ถึงเพียงนี้!” เฟิ่งไท่ซือเอ่ยเสียงดุ

“ข้ารู้ว่านับแต่นี้ข้าคงไม่มีทางสู้หน้าคนทั้งอาณาจักรได้ ข้าจึงมาที่นี่ในวันนี้เพื่อบอกความจริงกับทุกคนและหนีปัญหาเสีย ท่านปู่…โปรดยกโทษให้หลานสาวแย่ ๆ ของท่านด้วย”

เฟิ่งหยินซวงบีบน้ำตาก่อนทำท่าว่าจะเอาศีรษะกระแทกกับเสาต้นเล็กใกล้ ๆ

และมันก็เป็นไปตามที่คาดไว้ การแสดงของนางถูกหยุดโดยใครบางคน เขาเอาตัวเข้ามาขวางไว้จริง ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด