ตอนที่แล้วบทที่ 3 การอภิเษกสมรสของกษัตริย์ชิงผิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 เกี้ยวแต่งงานผิด

บทที่ 4 การสลับตัว


โถงรับรองของบ้านตระกูลเฟิ่งถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ท่านปู่เฟิ่งไท่ซือ ท่านพ่อ ท่านแม่ รวมไปถึงพี่ชายและพี่สะใภ้ต่างยินดีกับการแต่งงานของเฟิ่งหยินซวง

อย่างไรก็ตาม ความกังวลก็ทำให้สีหน้าของเฟิ่งไท่ซือดูไม่สดใสเท่าที่ควร เขาได้เก็บงำเรื่องที่เฟิ่งหยินซวงต้องแต่งงานกับองค์ชายสามเอาไว้ในตอนแรกเพราะกลัวว่านางจะหลงใหลในรูปลักษณ์ของเขาโดยไม่คำนึงถึงเรื่องอื่น

ในฐานะที่หยินซวงเป็นหลานสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา เขาจึงปรารถนาให้นางมีความสุขและมีคู่มีชีวิตคู่ที่ดี เขาจึงต้องทำทุกอย่างให้หลานได้ขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงที่สุด

ในตอนแรกองค์ชายสามไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทอันดับที่หนึ่ง แต่เพราะตระกูลเฟิ่งพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้หนานหยูเทียนได้ขึ้นครองตำแหน่ง ทั้งหมดก็เพื่อให้หยินซวงได้อยู่ในที่ที่ดีที่สุดโดยไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นหนทางที่นำไปสู่หายนะของวงศ์ตระกูล

ทันทีที่เฟิ่งหยินซวงเดินเข้ามาในห้องโถง สมาชิกในครอบครัวต่างเข้ามาโอบกอดนางด้วยความอบอุ่นพร้อมสารพัดคำอวยพร แม้ว่านางจะมองไม่ออกว่าใครเป็นใครบ้างเนื่องจากใบหน้าของพวกเขาจะถูกบดบังจากผ้าคลุมหน้าสีแดงที่นางสวมอยู่ แต่นางก็อดรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจไม่ได้

เฟิ่งหยินซวงสูดจมูก น้ำตาเม็ดเล็กร่วงเผาะลงบนผืนผ้า การได้กลับมาอยู่ท่ามกลางคนในตระกูลเฟิ่งอีกครั้งนั้นเกินความคาดหมายของนางเหลือเกิน พวกเขารักและหวังดีกับนางมาก ครอบครัวของนางไม่ควรได้รับจุดจบแบบนั้นเลยจริง ๆ

ต่อไปนี้นางจะไม่เป็นเพียงดอกไม้แสนบอบบางอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร นางจะใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัย! เฟิ่งหยินซวงคิดใจใน

...

และแล้วฤกษ์ของนางก็มาถึง ถึงเวลาที่เจ้าสาวต้องก็ขึ้นเกี้ยวเพื่อจะเดินทางไปยังวังองค์ชายที่สามแล้ว

เฟิ่งหยินซวงเงยหน้ามองท้องฟ้า นางวิงวอนเทพเจ้าบนสวรรค์อยู่ในใจ ร้องขอให้พวกเขาช่วยอวยพรให้นางด้วย

นางเดินไปยังประตูใหญ่ของบ้านตระกูลเฟิ่งโดยมีสาวใช้คนสนิทคอยช่วยจับชายกระโปรงชุดเจ้าสาวไว้ให้ เกี้ยวเจ้าสาววางตั้งอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางผู้คนที่มาร่วมขบวนและร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของนาง บรรยากาศรอบตัวช่างน่าสนุกสนาน เด็ก ๆ ต่างวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อเก็บขนมแต่งงานที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นราวกับภาพจำในอดีตถูกฉายซ้ำขึ้นมาใหม่

ฝ่ามือที่ยื่นผ่านม่านออกมาทำเอาเฟิ่งหยินซวงเริ่มมือไม้สั่น ยิ่งเห็นชายแขนเสื้อของชุดคลุมแต่งงานของเขา มือทั้งมือก็ยิ่งสั่นสะท้าน นางเม้มริมฝีปากแน่น อยากจะดึงกริชที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมาแทงเข้าที่หัวใจของเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์

“ซวงเอ๋อร์” หนานหยูเทียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดกังวลเพราะเห็นว่าเจ้าสาวของเขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวอยู่ที่เดิมมาครู่หนึ่งแล้ว

เฟิ่งหยินซวงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกลั้นใจวางมือลงบนมือเขาเพื่อให้เขาช่วยนำนางขึ้นไปนั่งบนเกี้ยว

ท่วงทำนองของเพลงเฉลิมฉลองดังก้องไปทั่วบริเวณ เคล้าคลอไปกับเสียงกลองและเครื่องเป่า เป็นสัญญาณที่บอกว่าการเดินทางของขบวนแต่งงานของเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เฟิ่งหยินซวงเอนหลังพิงเบาะนั่ง นางหลับตาลงช้า ๆ พลางปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างเงียบเชียบ ความน่ารักไร้เดียงสาของ ‘ซวงเอ๋อร์’ ทำให้นางอดนึกถึงความทรงจำในอดีตชาติของนางอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

ในตอนนั้น หนานหยูเทียนยกยอนางจนนางมองไม่เห็นความจอมปลอมที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความดีของเขาเลยสักนิด เขาสาบานกับนางว่าจะรักและเป็นคู่ชีวิตที่ดีของนางตลอดไป

ครั้งหนึ่งเขาเคยพานางไปเดินเล่นบนภูเขาหิมะ นางจำได้ว่าเขาดูเหมือนตุ๊กตาหิมะตัวกลม ๆ เพราะทั้งตัวของเขาถูกห่มด้วยผ้าขนสัตว์สีขาว เขาปกป้องซุปโสมในตะกร้าอาหารของเราด้วยการคลุมมันไว้ด้วยเสื้อคลุมหนา ๆ ของตัวเอง และตัวนางในตอนนั้นก็รู้สึกเอ็นดูเขาเหลือเกิน

ไหนจะเรื่องในคืนวันเกิดครั้งแรกของนางหลังแต่งงาน เขาตกแต่งตำหนักของเราด้วยโคมไฟดอกบัวจำนวนร้อยดวง มันส่องแสงระยิบระยับอยู่บนต้นไม้สวยงามราวกับดวงดาวที่กระจัดกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า

ความทรงจำเกี่ยวกับเขายังคงแจ่มชัดอยู่ในใจนางไม่เคยจาง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางเข้าใจมันแล้วทั้งหมด รูปลักษณ์แสนดีที่เขาใช้ปกปิดความชั่วร้ายของตัวเองไว้นางได้เห็นมันแล้วอย่างทะลุปรุโปร่ง

นางเป็นเพียงหมากที่เขาใช้ในการแสวงหาอำนาจ การแต่งงานครั้งนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้ประโยชน์จากความน่านับถือของตระกูลเฟิ่งของนางเพียงเท่านั้น

เฟิ่งหยินซวงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความว่างเปล่าและเย็นชาเข้ามาแทนที่ความอ่อนไหวเมื่อครู่นี้จนหมดสิ้น

การดำรงอยู่ของนางหลังจากนี้คือมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นเท่านั้น…สิ่งอื่น ๆ ไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไป

ทันใดนั้นก็เกิดเสียง ‘ตู้ม’ ดังก้องอยู่ด้านนอก เฟิ่งหยินซวงดึงม่านบังแสงออกก่อนจะพบว่าท้องฟ้าที่เคยสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเมฆดำอย่างน่าฉงน ฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณเป็นสัญญาณว่าฝนตกจะหนักในอีกไม่ช้าเป็นแน่

ไม่เหมือน วันแต่งงานของนางเมื่อห้าปีก่อนไม่มีเหตุการณ์แบบนี้

วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้อุปสรรค ดูเหมือนเรื่องราวในชีวิตที่สองของนางจะไม่เหมือนในชีวิตแรกสักทีเดียว สายฝนที่ตกลงมาบ่งบอกว่าคำร้องขอต่อสวรรค์ของนางเริ่มเห็นผลขึ้นมาบ้างแล้ว

ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ มันเปลี่ยนจากเม็ดเล็กกลายเป็นฝนห่าใหญ่อย่างรวดเร็ว หากดึงดันที่จะเดินทางต่อก็มีความเสี่ยงที่ของหมั้นจะเสียหาย ทางที่ดีควรหาที่หลบฝนอย่างเร่งด่วนที่สุด

รวดเร็วทันใจนึกเมื่อจู่ ๆ เสียงของทหารด้านนอกก็ประกาศขึ้นว่ามีวิหารเก่าอยู่ข้างหน้าซึ่งเป็นที่หลบฝนที่เหมาะสม เจ้าหน้าที่แบกเกี้ยวจึงไม่ลังเลที่จะเร่งฝีเท้าตามทหารผู้นั้นไปยังที่พักพิงชั่วคราว

เฟิ่งหยินซวงตระหนักได้ว่าขบวนของนางไม่ใช่ขบวนเดียวที่อาศัยหลบฝนอยู่ในวิหารเก่าแห่งนี้ หากแต่ขบวนงานแต่งของวังชิงผิงก็หลบฝนอยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน

“องค์ชายสาม ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดฝนถึงได้ตกหนักเช่นนี้ ท่านโหรฉินเทียนบอกกับเราไว้แล้วว่าวันนี้เป็นมงคล หากขบวนไปถึงพระราชวังช้า เราจะไม่ทันฤกษ์ของพิธีบูชาองค์จักรพรรดินะขอรับ” นายทหารแจ้ง

“ให้ตายสิ! พวกเจ้ารีบหาทางแก้ไขซะ! ดูแลสินสอดทองหมั้นให้ดี หากมีอะไรเสียหายขึ้นมาล่ะก็ พวกเจ้าโดนลงโทษแน่!”

“ขอรับ!”

สิ้นคำสั่ง ความโกลาหลขนาดย่อมก็เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ สาวใช้จำนวนมากถูกเรียกให้มาช่วยในการจัดการเครื่องสินสอดทองหมั้นโดยมีว่าที่เจ้าบ่าวกำกับควบคุมอย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางเสียงฝนที่โปรยปรายลงบนหลังคาของวิหารร้างปรากฏเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสตรีนางหนึ่งดังก้องขึ้นอยู่ไม่ไกล

ก่อนหน้านี้เฟิ่งหยินซวงสังเกตเห็นว่า ‘ว่าที่เจ้าสาววังชิงผิง’ ที่ถูกจับให้แต่งงานจากชัยชนะทางทหารของกษัตริย์ชิงผิงนั้นมีสภาพไม่ต่างจากที่รัวซุ่ยเล่าให้ฟังสักเท่าไร นางร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจเพราะไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งจากพระราชกฤษฎีกาได้ และมันอาจส่งผลร้ายกับครอบครัวของนางในอนาคต

ทันทีที่ก้าวขาออกจากเกี้ยว เฟิ่งหยินซวงก็เห็นเจ้าสาวของอีกขบวนกำลังกุลีกุจอใช้ผ้าผูกคอตัวเองเข้ากับเสาคาน ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงเข้ม นางร้องไห้อย่าหนักเตรียมพร้อมที่จะจบชีวิตของนางด้วยตัวเอง

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะปล่อยผ้า เฟิ่งหยินซวงก็โผเข้ารวบตัวนางไว้ก่อนจะรีบปลดผ้าที่พันคอของนางออก

“ปล่อยข้า! ปล่อยให้ข้าตาย!” นางร้องคร่ำครวญ

“หากข้าต้องแต่งงานกับบุรุษผู้กระหายเลือดและบริโภคเนื้อมนุษย์อย่างนั้น ข้าขอจบชีวิตด้วยมือตัวเองเสียดีกว่า!”

ดูเหมือนกษัตริย์ชิงผิงจะเป็นบุคคลที่ทั้งสร้างความหวาดกลัวและน่าอับอายเหลือเกินที่ทำให้ว่าที่เจ้าสาวของตนเลือกความตายมากกว่าการได้อยู่ร่วมชายคากับเขา

เฟิ่งหยินซวงลอบยิ้มมุมปาก นางนึกแผนการบางอย่างได้แล้ว

“กษัตริย์ชิงผิงน่ากลัวอย่างที่เจ้าว่าจริงหรือ?”

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ!” ผู้หญิงคนนั้นตอบ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความกลัว

“ท่านรู้หรือไหม ตอนที่พ่อแม่ของข้ากำลังวุ่นวายกับการเตรียมสินสอด ข้ากลับนั่งคิดแต่เรื่องการตายของตัวเองซ้ำ ๆ ชีวิตของข้าช่างลำบากเหลือเกิน!”

ยิ่งนางระบายความคับข้องใจออกมากเท่าไหร่ แผนการของเฟิ่งหยินซวงก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

“ช่างน่าเวทนายิ่งนักที่ได้เห็นสตรีผู้งดงามอย่างเจ้าต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้ เอาล่ะ หากเจ้าไม่ติดขัดอะไร ข้ายินดีแลกเปลี่ยนสถานที่กับเจ้าและแต่งงานเข้าวังชิงผิงในนามของเจ้าแทน เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

หญิงสาวมองนางด้วยความประหลาดใจ นางยังไม่สามารถทำความเข้าใจข้อเสนอนี้ได้ในฉับพลัน

“ท่านอย่าล้อเล่นกับข้า ข้ารู้ว่าท่านเป็นหลานสาวของท่านเฟิ่งไท่ซือและถูกกำหนดให้แต่งงานกับองค์ชายสามที่น่านับถือ ส่วนข้า ข้ากำลังถูกส่งเข้าสู่ประตูแห่งขุมนรกกับกษัตริย์ชิงผิงผู้โหดร้ายและป่าเถื่อน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด