ตอนที่แล้วตอนที่ 8 การโจมตีที่ไม่สนพลังป้องกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 ไม่มีใครเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่าฉัน

ตอนที่ 9 ความเร็วในการเพิ่มเลเวลที่เร็วขึ้น


ลู่หยุนโบกมือให้กับคนที่เพิ่งจะเดินมา

“ผู้นำตระกูลเซี่ย มานั่งตรงนี้สิ”

คนที่ลู่หยุนทักทายชื่อเซี่ยตงหยาง เขาคือผู้นำตระกูลเซี่ยของเมืองซีไห่ ผู้เป็นพ่อของเซี่ยเสวี่ย

บนโต๊ะของเขายังมีที่ว่างอยู่ ดังนั้นเซี่ยตงหยางจึงนั่งลงกับเขา

“สวัสดีอาจารย์ทุกๆท่าน” เซี่ยตงหยางทักทายพวกเขาหลังจากนั่งลงแล้ว

เซี่ยตงหยางเป็นคนที่มีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยว มีท่าทางสุขุม และเคร่งขรึม

ลู่หยุนรินชาให้เซี่ยตงหยางหนึ่งถ้วยก่อนจะถามขึ้นมาว่า

“ท่านผู้นำตระกูลเซี่ยมาที่นี่เพื่อดูเซี่ยเสวี่ยใช่ไหม?”

เซี่ยตงหยางยิ้มก่อนจะตอบว่า

“ใช่แล้ว ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ต้องขอบคุณอาจารย์ลู่จริงๆที่ช่วยดูแลเซี่ยเสวี่ยแทนฉัน”

ลู่หยุนโบกมือให้เขา

“ฉันไม่ได้ทำอะไรมากเลย เซี่ยเสวี่ยเป็นคนที่ฉลาดมาก และการเปลี่ยนคลาสในครั้งนี้ของเธอก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเช่นกัน”

เซี่ยตงหยางกล่าวว่า

“ฉันเพิ่งกลับมาที่เมืองซีไห่วันนี้ และฉันก็ได้ยินเรื่องนั้นมาจากคนในครอบครัวของฉันแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่ฉันกลับมาไม่ทันการเปลี่ยนคลาสของเซี่ยเสวี่ย”

ลู่หยุนรู้ว่าเซี่ยตงหยางยุ่งมากและเขาก็ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่บ้านมากนัก

“ก่อนที่ท่านผู้นำตระกูลเซี่ยจะมา เรากำลังคุยกันว่าเซี่ยเสวี่ยจะสามารถเพิ่มเลเวลของเธอให้ไปถึงเลเวล 5 ภายในเวลา 12 ชั่วโมงก่อนที่ดันเจี้ยนจะปิดได้หรือเปล่า”

“เนื่องจากเธอต้องการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง ถ้าเธอไม่สามารถเพิ่มเลเวลให้ถึงเลเวล 5 ให้ได้ภายในวันแรกมันคงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น”

เซี่ยตงหยางกล่าวว่า

“มันไม่น่าจะเป็นปัญหากับเธอหรอก และแม้ว่าเธอจะไม่สามารถเพิ่มเลเวลของเธอไปถึงเลเวลที่ต้องการได้ ฉันก็สามารถไปขอให้ใครสักคนในมหาวิทยาลัยนั้นช่วยเหลือก็ได้”

ลู่หยุนส่ายหัว

“ฉันขอแนะนำว่าท่านผู้นำตระกูลเซี่ยอย่าทำแบบนั้นเลยจะดีกว่า ฉันรู้จักนิสัยของเซี่ยเสวี่ยดี ถ้าท่านทำแบบนั้น เซี่ยเสวี่ยจะต้องเกลียดท่านอย่างแน่นอน”

เซี่ยตงหยางถอนหายใจ เขาจะไม่รู้ได้ไงว่าเธอมีนิสัยอย่างไร

เซี่ยตงหยางเปลี่ยนเรื่องและเริ่มพูดถึงเรื่องเมื่อวานนี้

“ฉันได้ยินว่ามาในการเปลี่ยนคลาสเมื่อวานนี้ที่โรงเรียนของคุณได้มีนักเรียนคนหนึ่งได้เปลี่ยนคลาสเป็นคลาสลับ ยินดีด้วยนะอาจารย์ลู่ ว่าแต่คลาสนั้นคือคลาสอะไรยังงั้นหรอ?”

ใบหน้าของลู่หยุนเปล่งประกายทันทีเมื่อเขาได้ยินคำชมจากผู้นำตระกูลเซี่ย

“ชื่อของคลาสนั้นมีชื่อว่าเนโครแมนเซอร์ มันเป็นคลาสที่ฉันไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อนเหมือนกัน เขาสามารถเรียกนักรบโครงกระดูกออกมาได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าหลังจากที่เขาเพิ่มเลเวลขึ้นไปแล้วมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน”

ไม่ใช่ว่าคลาสลับทุกคลาสจะแข็งแกร่ง และไม่ใช่เรื่องแปลกมากนักหากคลาสลับนั้นจะเป็นคลาสขยะที่ไม่ได้มีความสามารถมากมายอะไร

คุณสามารถเรียกนักรบโครงกระดูกออกมาได้? แต่แล้วยังไงล่ะ? มันก็แค่ดูน่ากลัวนิดหน่อยก็เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ชื่อเนโครแมนเซอร์ก็เป็นชื่อที่ดูไม่ค่อยจะดีนัก เนื่องจากการจัดการกับวิญญาณของคนตายมักจะทำให้ผู้คนคิดไปในทางที่ไม่ดีเสมอ

ลู่หยุนพอจะเข้าใจในสิ่งที่เซี่ยตงหยางกำลังคิดและกังวลดังนั้นเขาจึงพูดออกมาว่า

“อย่ากังวลไปเลย โม่อวี่เป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดก็จริง แต่เขาก็เป็นเด็กดีคนหนึ่ง เขาเป็นน้องสาวของนักเรียนที่ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงเมื่อปีที่แล้ว”

“ถ้าเซี่ยเสวี่ยได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงจริงๆ บางทีท่านอาจจะสามารถขอให้หลินโม่ฮานช่วยดูแลเธอได้”

ในขณะที่เซี่ยตงหยางได้พูดคุยกับลู่หยุนเขาก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาและลู่หยุนนั้นรู้จักกันมาหลายปีแล้ว และเขารู้ดีที่สุดว่าลู่หยุนเป็นคนอย่างไร

ในขณะนั้นเองหลินโม่อวี่ก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบของเขา

[ระยะห่างของนักรบโครงกระดูกกับคุณถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่สามารถออกไปไกลมากกว่านี้ได้]

ในตอนนี้นักรบโครงกระดูกที่อยู่ไกลที่สุดได้อยู่ห่างจากหลินโม่อวี่ไปแล้ว 500 เมตร

นักรบโครงกระดูกที่ยืนห่างออกไป 500 เมตรได้หยุดก้าวไปข้างหน้า

หลินโม่อวี่ได้ค้นพบเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งนั่นคือเขาและโครงกระดูกจะอยู่ห่างกันได้เพียงแค่ 500 เมตรเท่านั้น

เมื่อสังเกตเห็นว่านักรบโครงกระดูกตนอื่นๆก็ไกลจะไปถึงระยะ 500 เมตรแล้วเหมือนกัน หลินโม่อวี่จึงสั่งให้พวกมันทั้งหมดกลับมาหาเขา

เมื่อพวกมันทั้งหมดกลับมาหลินโม่อวี่ก็เลือกทิศทางที่จะเดินเข้าไปในดันเจี้ยนและเดินต่อไป

นักรบโครงกระดูก 10 ตนได้กระจายตัวอยู่ข้างหน้าของเขาโดยที่พวกมันรักษาระยะห่างจากหลินโม่อวี่ไว้ประมาณตนละ 100 เมตร

มอนสเตอร์ที่อยู่บนเส้นทางของนักรบโครงกระดูกจะถูกสังหารโดยพวกมันในทันที

หลังจากเข้าดันเจี้ยนมาได้สี่ชั่วโมง เลเวลของหลินโม่อวี่ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่สาม

[ชื่อ: หลินโม่อวี่]

[คลาส: เนโครแมนเซอร์ (เอกลักษณ์)]

[เลเวล: 4 (0.00%)]

[ความแข็งแกร่ง: 40]

[ความว่องไว: 40]

[วิญญาณ: 80]

[อุปกรณ์สวมใส่: ไม่มี]

[มิติอัญเชิญ: 10/40 นักรบโครงกระดูก (จำนวน: 10)]

[พรสวรรค์: แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1 ยูนีค)]

[สกิลติดตัว: การถ่ายโอนความเสียหาย]

[สกิล: เปลวเพลิงวิญญาณ (เลเวล 4), อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 4)]

หลังจากที่เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นแล้ว หลินโม่อวี่ก็ยังคงอัญเชิญนักรบโครงกระดูกต่อไป ในตอนนี้พลังวิญญาณที่ใช้เพื่ออัญเชิญนักรบโครงกระดูกนั้นอยู่ที่ 25 หน่วย

หลินโม่อวี่สามารถเพิ่มเลเวลของเขาได้ถึง 3 เลเวลภายในเวลาสี่ชั่วโมง และด้วยนักรบโครงกระดูกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการเพิ่มเลเวลของเขาจึงไมได้ลดลงมากนัก อีกทั้งมันยังค่อนข้างเร็วขึ้นอีกด้วย

หลินโม่อวี่เดินนำหน้ากองทัพโครงกระดูกของเขาและก้าวเข้าสู่ส่วนลึกของดันเจี้ยนมือใหม่ในทันที

มอนสเตอร์เลเวล 5 และมอนสเตอร์เลเวล 6 จำนวนมากเริ่มปรากฏตัวขึ้น

แต่ต่อหน้านักรบโครงกระดูกที่มีค่าสถานะความแข็งแกร่งที่สูงถึง 450 หน่วย พวกมันก็ยังตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวอยู่ดี

[สังหารหมาป่าน้ำเงินเลเวล 5 สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของคุณเพิ่มขึ้น 50 หน่วย]

[สังหารเสือดำเลเวล 6 สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของคุณเพิ่มขึ้น 60 หน่วย]

สำหรับหลินโม่อวี่ การสังหารมอนสเตอร์เลเวล 6 ก็ไม่ได้ต่างไปจากการสังหารมอนสเตอร์เลเวล 1 เลยแม้แต่น้อย

ดังนั้นยิ่งมอนสเตอร์เลเวลสูงมากเท่าไหร่ และยิ่งมีพวกมันมากแค่ไหนมันก็ยิ่งดีกับเขามากเท่านั้น

นักรบโครงกระดูกอีกสามตนถูกเรียกออกมา และนักรบโครงกระดูกทั้งหมด 13 ตนก็ได้สร้างหายนะให้กับดันเจี้ยนมือใหม่แห่งนี้ในทันที เพราะพวกมันทั้ง 13 สามารถสังหารมอนสเตอร์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว

ค่าประสบการณ์ของหลินโม่อวี่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากนับรบโครงกระดูกที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเลเวลของเขา

“หากฉันยังได้รับค่าประสบการณ์ด้วยความเร็วเท่านี้เรื่อยๆ ฉันจะใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงในการขึ้นสู่เลเวลถัดไป”

“ภายในวันแรกด้วยเวลาสิบสองชั่วโมง ฉันจะสามารถเพิ่มเลเวลไปให้ถึงเลเวลแปดได้หรือเปล่านะ?”

“เพราะหากดูจากความเร็วในการเพิ่มเลเวลในตอนนี้มันเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้ถึงสองเท่า และถ้าฉันสามารถไปถึงเลเวลแปดได้จริงๆ ฉันก็สามารถไปที่ชานเมืองของเมืองซีไห่เพื่อล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่านี้ได้”

ตอนนี้หลินโม่อวี่ได้วางแผนการเพิ่มเลเวลของเขาไว้ในใจแล้ว

หากเขาต้องการไปที่ชานเมืองซีไห่ เขาจะต้องได้รับการอนุมัติจากโรงเรียนก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ในเมืองจะไม่ยอมปล่อยเขาออกไปอย่างแน่นอน

เลเวล 8 คือมาตรฐานขั้นต่ำที่จะออกไปได้ ไม่มีทางที่คนที่เลเวลน้อยกว่านั้นจะได้รับอนุญาตให้ออกไปจากเมืองซีไห่อย่างเด็ดขาด

[สังหารหมีสีน้ำตาลเลเวล 7 สำเร็จ ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 70 หน่วย]

ขณะที่หลินโม่อวี่เดินลึกเข้าไปในดันเจี้ยนมือใหม่เรื่อยๆ มอนสเตอร์เลเวล 7 ก็เริ่มปรากฏตัวขึ้น แต่นักรบโครงกระดูกของเขาก็ยังสังหารพวกมันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเช่นเดิม

แต่ถึงแม้ว่าในตอนนี้หลินโม่อวี่จะรู้ว่านักรบโครงกระดูกของเขาสามารถสังหารมอนสเตอร์เลเวล 7 ได้อย่างง่ายดาย เขาก็ไม่ได้ลดการป้องกันลงเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์ที่อยู่ในดันเจี้ยนแห่งนี้จะอยู่ในระดับต่ำ สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้โหดร้าย แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันมักจะเกิดขึ้นได้อย่างเสมออย่างที่พี่สาวของเขาเคยเตือนเขาไว้ ดังนั้นเขาจะไม่ประมาท

ในความทรงจำของเขา ครั้งหนึ่งหลินโม่ฮานเคยกลับมาจากชานเมืองของเมืองซีไห่พร้อมกับอาการบาดเจ็บและเลือดที่ไหลออกมาจำนวนมาก

เธอบอกกับหลินโม่อวี่อย่างจริงจังว่าไม่ว่ามอนสเตอร์จะอ่อนแอเพียงใดมันก็จะต่อสู้อย่างจริงจังเสมอ เพราะฉะนั้นเขาไม่ควรประมาทหรือละเลยไม่ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตาม

ดังนั้นหลินโม่อวี่จึงจดจำประโยคนี้ไว้ในใจและทำตามสิ่งที่พี่สาวของเขาพูดมาตลอด

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด