ตอนที่แล้วตอนที่ 6 คนเดียวหรือเข้าร่วมทีม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 การโจมตีที่ไม่สนพลังป้องกัน

ตอนที่ 7 มาแข่งกันว่าใครจะสามารถเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่ากัน


นักเรียนคลาสสายสนับสนุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเธอก็ไม่ได้อยากจะเข้าร่วมทีมกับหลินโม่อวี่อยู่แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนคลาสสายสนับสนุนที่เป็นแพทย์หรือพยาบาล เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับคลาสนี้คือผู้หญิง

ในตอนที่สาวน้อยเหล่านี้เห็นนักรบโครงกระดูกของหลินโม่อวี่ พวกเธอก็ตกใจจนแทบจะเป็นลม ดังนั้นไม่ต้องพูดเรื่องตั้งทีมหรือร่วมทีมโดยมีสมาชิกเป็นหลินอวี่ในความคิดของพวกเธอเลย

ในขณะนั้นเองหลินโมอวี่ก็พูดออกมาเบาๆว่า

“อาจารย์ลู่ ผมก็อยากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงด้วยเหมือนกัน”

ความหมายในคำพูดของเขานั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก เขาไม่อยากมีทีมหรือสร้างทีม เขาอยากสำรวจดันเจี้ยนเพียงลำพัง

ลู่หยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า

“โม่อวี่ นายรู้ใช่ไหมว่ามันยากแค่ไหนที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง?”

หลินโม่อวี่พยักหน้า

“ผมรู้ และผมก็มั่นใจว่าผมจะสามารถทำมันได้”

ลู่หยุนเห็นและเข้าใจถึงความมุ่งมั่นของหลินโม่อวี่ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าก่อนจะพูดกับเขาว่า

“ฉันหวังว่านายจะประสบความสำเร็จในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง”

หากคุณต้องการที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง เงื่อนไขแรกที่คุณจะต้องทำให้ได้ตามที่กำหนดคือเลเวล

คุณจะต้องมีเลเวล 12 เป็นอย่างน้อย แต่ถ้าจะให้ทุกอย่างแน่นอนเผื่อมีการเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องมีเลเวลอยู่ที่เลเวล 15

ในตอนที่หลินโม่ฮานได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงเมื่อปีที่แล้ว เธอมีเลเวลอยู่ที่ 16

ในเลเวลเพียงหนึ่งสัปดาห์ มันเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมากที่จะเพิ่มเลเวลของตัวเองให้เป็นเลเวล 12 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลเวล 15 มันเป็นเรื่องที่ยากจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้

เนื่องจากเลเวลสูงสุดของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนมือใหม่นั้นอยู่ที่เลเวล 8 ดังนั้นมันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพิ่มเลเวลของตัวเองให้ไปอยู่ที่เลเวล 12 ในดันเจี้ยนมือใหม่

ดังนั้นหากต้องการที่จะเพิ่มเลเวลของตัวเองให้เป็นเลเวล 12 คนๆนั้นจะต้องออกไปยังดินแดนร้างด้านนอก แต่ระดับความอันตรายของดินแดนร้างรอบๆเมืองซีไห่นั้นสูงกว่าดันเจี้ยนมือใหม่เป็นอย่างมาก สำหรับนักเรียนที่เพิ่งได้รับการเปลี่ยนคลาสนั้น การออกไปยังดินแดนร้างรอบๆเมืองเป็นการกระทำที่บุ่มบ่ามและเป็นการฆ่าตัวตาย

และนอกจากเงื่อนไขแรกแล้ว มันก็ยังมีเงื่อนไขอื่นๆอีกด้วย แต่คุณจะต้องรอจนถึงสอบปลายภาคก่อนคุณถึงจะรู้เงื่อนไขพวกนั้น

ตามคำพูดของลู่หยุน คลาสสายต่อสู้ก็ได้เลือกคลาสสายสนับสนุนหลายคนเข้าร่วมทีม

ทีมได้ถูกสร้างขึ้นโดยแต่ละทีมมีจำนวนสองหรือสามคน

เกาหยางได้เลือกนักบวชมาร่วมทีมกับเขา เนื่องจากนักบวชสามารถเพิ่มค่าสถานะต่างๆให้กับเขาได้

หลังจากที่ทำเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการเข้าดันเจี้ยนเสร็จสิ้น ทางโรงเรียนก็ได้แจกอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆให้กับนักเรียนทุกคน

นักเรียนแต่ละคนจะได้รับอาวุธแตกต่างกันตามคลาสของพวกเขา

"นี่มันเหมาะกับฉันมากเลย!"

เกาหยางได้รับดาบเหล็กและโล่ ซึ่งในตอนนี้เขากำลังทำตัวเหมือนกับราชาแห่งท้องฟ้าที่กำลังถือดาบและโล่ของเขาอยู่

หลินโม่อวี่ก็ได้รับอาวุธเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือไม้เท้าของจอมเวทย์

[ไม้เท้า]

[พลังวิญญาณเพิ่มขึ้น 1 หน่วย]

ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรในอาวุธชิ้นนี้ มันเป็นเพียงอาวุธธรรมดาๆชิ้นหนึ่งเท่านั้น

แต่สำหรับเซี่ยเสวี่ย เธอมีอาวุธของตัวเธอเองและเธอก็ไม่ต้องการอาวุธของโรงเรียน

อาวุธของเธอคือหนังสือ หลินโม่อวี่รู้สึกได้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือธรรมดาเพราะมันมีพลังงานบางอย่างไหลออกมาจากหนังสือเล่มนี้ด้วย มันน่าจะเป็นอาวุธระดับสูงชิ้นหนึ่ง

ก่อนที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน เซี่ยเสวี่ยพูดกับหลินโม่อวี่ว่า

“มาแข่งกันว่าใครจะสามารถเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่ากัน”

หลินโม่อวี่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธกลับไป

เมื่อเซี่ยเสวี่ยเห็นเช่นนั้น เธอก็ตะคอกใส่หลินโม่อวี่ว่า

“ถ้านายไม่ตอบ ฉันจะถือว่านายตกลง!”

ขณะที่เธอพูด เธอก็หันหลังกลับและเดินจากไป

มุมปากของหลินโม่อวี่กระตุกเล็กน้อยเมื่อเซี่ยเสวี่ยจากไป

“เธอนี่ชอบแข่งขันจริงๆเลย...”

เขาพูดออกมาเบาๆก่อนจะเดินเข้าสู่ดันเจี้ยน

สภาพแวดล้อมภายในดันเจี้ยนมือใหม่นั้นเป็นทุ่งหญ้าที่มีหญ้าเขียวชอุ่มที่สูงมากกว่าครึ่งเมตร

มอนสเตอร์ตัวเล็กๆจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในหญ้าและการหาตัวพวกมันก็ทำได้ยากเป็นอย่างมาก

ความหนาแน่นของมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนี้ไม่ได้สูงมากนัก ซึ่งมันทำให้ดันเจี้ยนนี้ค่อนข้างปลอดภัย แต่มันก็แลกมาด้วยปัญหาในการค้นหามอนสเตอร์พวกนั้นเนื่องจากมันต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการค้นหาพวกมัน

ดังนั้นจุดประสงค์ของดันเจี้ยนมือใหม่นี้มันมีไว้เพื่อให้ผู้ที่เพิ่งได้รับการเปลี่ยนคลาสนั้นคุ้นเคยกับการต่อสู้

หลินโม่อวี่ที่เพิ่งเข้ามาในดันเจี้ยนได้เรียกนักรบโครงกระดูกออกมาสี่ตน

“ไปฆ่าพวกมอนสเตอร์ซะ”

หลังจากออกคำสั่งในความคิดของเขา นักรบโครงกระดูกทั้งสี่ก็วิ่งออกไปจากเขาในสี่ทิศทาง

แคร้ก แคร้ก แคร้ก

เสียงโครงกระดูกและลมกระโชกแรงเริ่มเกิดขึ้นในขณะที่โครงกระดูกทั้งสี่วิ่งออกไป

“พวกมันวิ่งเร็วมาก!”

ด้วยค่าความว่องไวของนักรบโครงกระดูกที่มีถึง 150 หน่วย ความเร็วในการวิ่งของนักรบโครงกระดูกนั้นจึงเร็วมาก

ในชั่วพริบตา พวกมันก็ได้วิ่งไปหลายสิบเมตรแล้ว

หลังจากที่นักรบโครงกระดูกวิ่งไปได้หลายสิบเมตร นักรบโครงกระดูกตนหนึ่งก็หยุดลงและเหวี่ยงดาบในมือของมันออกไป

[สังหารกระต่ายหูยักษ์สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของท่านเพิ่มขึ้น 10 หน่วย]

กระต่ายหูใหญ่ที่มีเลเวลเพียงแค่ 1 ถูกนักรบโครงกระดูกสังหารภายในทันทีที่พวกมันถูกฟัน

หลินโม่อวี่มองไปที่ค่าประสบการณ์ในหน้าต่างสถานะของเขา

ค่าประสบการณ์ของเขาเพิ่มขึ้นมา 1%

มอนสเตอร์เลเวล 1 สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ของเขาได้ 1% ถ้าเป็นเช่นนั้นหากเขาต้องการจะเพิ่มเลเวลของเขาให้เป็นเลเวล 2 เขาจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมด 100 ตัว

[สังหารกระต่ายหูยักษ์สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของท่านเพิ่มขึ้น 10 หน่วย]

[สังหารกระต่ายหูยักษ์สำเร็จ ค่าประสบการณ์ของท่านเพิ่มขึ้น 10 หน่วย]

การแจ้งเตือนยังปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนักรบโครงกระดูกทั้งสี่ยังคงค้นหากระต่ายหูยักษ์และสังหารพวกมันในตลอดระยะเวลาที่หลินโม่อวี่ยังคงยืนดูค่าประสบการณ์ของเขาที่เปลี่ยนแปลงไป

ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ค่าประสบการณ์ของหลินโม่อวี่ก็เพิ่มขึ้นถึง 10 เปอร์เซ็นต์แล้ว

ประสิทธิภาพในการฆ่าและเพิ่มเลเวลของเขาในตอนนี้นั้นได้เรียกได้ว่ามันสูงเกินไปสำหรับผู้ที่เพิ่งได้รับการเปลี่ยนคลาสมา

เดิมทีหลินโม่อวี่วางแผนที่จะอยู่ในดันเจี้ยนมือใหม่เป็นเวลาสองวัน และออกไปจากสถานที่แห่งนี้เมื่อเขามีเลเวลอยู่ที่เลเวล 8

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เวลาไม่ถึงสองวันแล้ว

หลินโม่อวี่ใช้สกิลของเขาและเรียกนักรบโครงกระดูกระดับเหล็กดำออกมาอีกครั้ง

จากนั้นนักรบโครงกระดูกตัวนั้นก็เดินออกไปเพื่อตามล่ามอนสเตอร์เหมือนกับนักรบโครงกระดูกตัวอื่น

เมื่อหลินโม่อวี่เรียกนักรบโครงกระดูกตนนั้นเสร็จ เขาก็นั่งลงและเริ่มนั่งสมาธิเพิ่มฟื้นฟูค่าพลังวิญญาณของเขา

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เลเวลของหลินโม่อวี่ก็ถูกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก

[ชื่อ: หลินโม่อวี่]

[คลาส: เนโครแมนเซอร์ (เอกลักษณ์)]

[เลเวล: 2 (1.00%)]

[ความแข็งแกร่ง: 20]

[ความว่องไว: 20]

[วิญญาณ: 40]

[อุปกรณ์สวมใส่: ไม่มี]

[มิติอัญเชิญ: 5/20 นักรบโครงกระดูก (จำนวน: 5)]

[พรสวรรค์: แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1 เฉพาะหลินโม่หยู)]

[สกิลติดตัว: การถ่ายโอนความเสียหาย]

[สกิล: เพลิงวิญญาณ (เลเวล 2), อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 2)]

[แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1): ผลของสกิลทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 เท่า]

[การถ่ายโอนความเสียหาย: ความเสียหายทั้งหมดที่นักเวทย์ได้รับนั้นจะถูกถ่ายโอนไปที่วัตถุที่ถูกอัญเชิญมาแทน]

[เปลงเพลิงวิญญาณ (เลเวล 2): เผาเป้าหมายด้วยพลังวิญญาณและทำให้เป้าหมายเกิดความเสียหายจากการเพลิงไหม้ ความรุนแรงของเพลิงนั้นขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณและระดับสกิล]

[อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 2): สามารถอัญเชิญนักรบโครงกระดูกเหล็กดำออกมาได้]

เลเวลเพิ่มขึ้นค่าสถานะของเขาก็เพิ่มขึ้น

มิติอัญเชิญของเขาเพิ่มขึ้นจาก 10 เป็น 20 ซึ่งนั้นทำให้เขาสามารถเก็บสิ่งที่เขาอัญเชิญขึ้นมาได้ถึง 20 ตน

เลเวลสกิลของเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“ไม่รู้ว่าพอสกิลนักรบโครงกระดูกเพิ่มเลเวลเป็นเลเวล 2 แล้วค่าสถานะของนักรบโครงกระดูกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า”

จากความรู้ที่หลินโม่อวี่ได้ศึกษามา เมื่อระดับสกิลเพิ่มขึ้น ค่าสถานะของวัตถุที่ถูกอัญเชิญมาก็ควรจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

เนื่องจากการเพิ่มเลเวลของหลินโม่อวี่ พลังวิญญาณของเขาจึงได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์

หลินโม่อวี่เปิดใช้งานสกิลของเขาและเรียกนักรบโครงกระดูกเหล็กดำออกมาอีกครั้ง

และในตอนนั้นหลินโม่อวี่ก็สังเกตเห็นความแตกต่างในการเรียกนักรบโครงกระดูกของเขา

พลังวิญญาณที่ใช้ในการเรียกนักรบโครงกระดูกของเขานั้นเพิ่มขึ้น มันเพิ่มขึ้นจาก 10 หน่วยเป็น 15 หน่วย

แม้ว่าสกิลนักรบโครงกระดูกเลเวล 2 จะยังอัญเชิญนักรบโครงกระดูกที่อยู่ในระดับเหล็กดำเช่นเดิม แต่ร่างกายของพวกมันในตอนนี้กลับสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

กระดูกที่เคยเป็นสีเทาของพวกมันจางลงมาก และรอยแตกบนร่างกายของมันก็น้อยลงด้วย

[นักรบโครงกระดูกเหล็กดำ]

[ความแข็งแกร่ง: 250]

[ความว่องไว: 250]

[วิญญาณ: 250]

[ร่างกาย: 250]

[สกิล: ไม่มี]

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด