ตอนที่แล้วตอนที่ 4 เธอต้องการเรียนรู้ภาษาเงียบของเขางั้นหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 คนเดียวหรือเข้าร่วมทีม

ตอนที่ 5 พรสวรรค์และสกิลติดตัวระดับพระเจ้า


เซี่ยเสวี่ยเป็นคนที่มีรูปร่างสูงและสง่างามเพราะเธอเป็นคนที่สูงถึง 170 เซนติเมตร อีกทั้งเธอยังมีใบหน้าที่บอบบางเป็นอย่างมากอีกด้วย หลายๆคนในโรงเรียนมองว่าเธอคือเทพีแห่งความงามของโรงเรียนแห่งนี้

ถึงกระนั้นมันก็ยังน่าเสียดายที่หลินโม่อวี่สูงกว่าเธอ เพราะเขาสูงถึง 185 เซนติเมตร ซึ่งแม้แต่เซี่ยเสวี่ยก็ยังต้องเงยหน้ามองเขา

“หลินโม่อวี่ ฉันขอท้านาย”

หลินโม่อวี่มองเธอพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงงของเขา

เซี่ยเสวี่ยรู้ว่าหลินโม่อวี่เป็นคนไม่ชอบพูด เธอจึงพูดออกไปตรงๆว่า

“ระหว่างนายกับฉันใครก็ตามที่ได้คะแนนสอบปลายภาคดีกว่ากันจะเป็นผู้ชนะ นายกล้าแข่งกับฉันหรือเปล่า?”

“อืม...” หลินโม่อวี่คิดเล็กน้อยก่อนจะเดินจากเซี่ยเสวี่ยไป

เซี่ยเสวี่ยกระทืบเท้าของเธอก่อนจะพูดว่า

“ตามนี้! ฉันจะไม่มีวันแพ้นายเด็ดขาด!”

เดิมที่เซียเสวี่ยคิดว่าคลาสระดับหายากของเธอในวันนี้จะสามารถทำให้เธอเอาชนะหลินโม่อวี่ได้ แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลินโม่อวี่กลับได้รับคลาสที่ดีกว่าเธอ!

เธอไม่รู้ว่าคลาสเนโครแมนเซอร์ของเขานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เธอจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด

หลังจากนั้นเซี่ยเสวี่ยและหลินโม่อวี่ก็แยกกันไปโดยที่หลินโม่อวี่ก็เดินกลับบ้านของเขา

บ้านของเขาเงียบสงบ เพราะไม่มีใครอยู่ที่บ้านของเขาเลย

หลินโม่อวี่เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อทำอาหารบางอย่างให้กับตัวเขาเองกิน

หลังจากทำเสร็จเขาก็เดินมาออกมาที่ห้องนั่งเล่นที่มีการตกแต่งที่เรียบง่ายเป็นอย่างมาก เพราะมันแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอรน์อยู่ในห้องนั้นเลย

แต่ในห้องๆนั้นมีภาพถ่ายภาพหนึ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมากตั้งอยู่

ในภาพนั้นมีหลินโม่อวี่ หญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงาม และหญิงชราผมหงอกคนหนึ่งยืนอยู่ด้วยกัน

ภายในภาพนั้นหลินโม่อวี่กำลังยิ้มอยู่ภายใต้แสงแดดที่ส่องกระทบลงมาหาเขาและพวกเธอทั้งสอง

มันเป็นหลินโม่อวี่ที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับหลินโม่อวี่คนปัจจุบัน

และนอกจากเขาแล้ว หญิงสาวและหญิงชราที่อยู่ในภาพต่างก็ยิ้มแย้มด้วยเช่นกัน

ภาพนี้เป็นภาพที่ถูกถ่ายเมื่อสามปีที่แล้ว

หลินโม่อวี่ที่อยู่ในร่างนี้ตอนนี้คือผู้ที่เดินทางข้ามกาลเวลามา แต่เขายังคงมีความทรงจำและอารมณ์ของเจ้าของคนเดิมไว้เช่นเดิม และเจ้าของร่างนี้มีความรักต่อสองคนในภาพอย่างลึกซึ้ง

ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีครอบครัวหรือไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่

แต่ในโลกนี้เขามีญาติอยู่ที่นี่และเขาก็รักญาติของเขา นั่นทำให้เขาหวงแหนญาติของเขาเป็นอย่างมาก

น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดีๆอยู่ได้ไม่นานนัก

เพราะเมื่อสองปีที่แล้วคุณยายของเขาได้เสียชีวิตลง และเมื่อปีที่แล้วพี่สาวของเขาก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง เพราะเหตุนั้นจึงทำให้เหลือเขาอยู่บ้านเพียงแค่คนเดียว

ในขณะที่เขากำลังคิดอะไรอยู่นั้น หลินโม่อวี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

“ฉันก็จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงด้วยเหมือนกัน”

หลินโม่อวี่พูดด้วยความมั่นใจ

ไม่ใช่เพื่อเรื่องไหนทั้งนั้น ทั้งหมดเพราะหลินโม่ฮานอยู่ที่นั่น

เพียงแต่ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยจิงนั้นสอบเข้ายากเกินไป และเมื่อปีที่แล้วหลินโม่ฮานเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวในเมืองซีไห่ที่เข้าเรียนที่นั่นได้

เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกของบ้านหลินโม่อวี่

“อาจารย์ลู่”

ลู่หยุนยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับถุงใส่ของถุงหนึ่ง

“โม่อวี่นี่อาหาร นายเอาไปกินก่อนได้เลย แล้วอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ฉันจะเอาของสดมาให้นายเพิ่ม”

หลินโม่อวี่หยิบอาหารขึ้นมาก่อนจะกล่าวคำขอบคุณเขา

“ขอบคุณครับอาจารย์ลู่”

ลู่หยุนพยักหน้า

"พรุ่งนี้นายจะต้องไปเข้าดันเจี้ยน ดังนั้นนายก็พักผ่อนให้สบายล่ะ"

ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ลู่หยุนจะมาส่งอาหารให้เขาทุกๆสองถึงสามวันเสมอ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาสัญญาไว้กับหลินโม่ฮาน และที่เขาต้องสัญญากับหลินโม่ฮานไว้แบบนั้นเพราะเมื่อปีที่แล้วหลินโม่ฮานได้สิทธิ์เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงในฐานะนักเรียนอันดับหนึ่งของเมืองซีไห่ แต่ในตอนนั้นหลินโม่ฮานได้ตัดสินใจที่จะไม่รับสิทธิ์นั้นเพราะเธอต้องการอยู่ดูแลน้องชายของเขาหลินโม่อวี่

กฏของมหาวิทยาลัยเซี่ยจิงนั้นคือเมื่อคุณตัดสินใจที่จะเข้าไปเรียนที่นั่นแล้วคุณจะไม่สามารถกลับมาที่บ้านเกิดได้อย่างน้อยสามปี

ดังนั้นลู่หยุนจึงสัญญาว่าเขาจะดูแลหลินโม่อวี่แทนหลินโม่ฮานให้เป็นอย่างดี และเขาก็ยังคงทำตามสัญญานั้นตลอดมา

จากนั้นหลินโม่ฮานจึงตกลงที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิง

ในเมืองซีไห่การที่คนๆหนึ่งสามารถเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซี่ยจิงได้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นเกียรติเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโรงเรียนมัธยมซีไห่และลู่หยุน

ในคืนนั้นหลินโม่อวี่ก็ได้ฝึกสกิลของเขาต่อ

พลังวิญญาณของเขาได้รับการฟื้นฟูแล้ว และเขาก็สามารถเรียกนักรบโครงกระดูกตัวใหม่ได้ตลอดเวลา

แต่ในฝ่ามือซ้ายของเขาในตอนนี้เขาได้ถืออัญมณีสีแดงสดชิ้นหนึ่งอยู่ มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาได้รับติดตัวมาด้วยในตอนที่เขาข้ามกาลเวลามา

เมื่อเขายกมือขึ้นและกำลังจะใช้งานมัน เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นในใจของเขา

[ตรวจพบว่าผู้ใช้ได้รับการเปลี่ยนคลาสเป็นเนโครแมนเซอร์]

[คลาสตรงตามข้อกำหนด...ค้นหาพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับผู้ใช้...พบพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับผู้ใช้]

[เริ่มต้นการแยกพลังต้นกำเนิดของโลกและมอบมันให้กับผู้ใช้]

[การแยกพลังต้นกำเนิดของโลกและมอบให้กับผู้ใช้เสร็จสมบูรณ์]

[ขอแสดงความยินดีกับผู้ใช้ที่ได้รับพรสวรรค์ระดับพระเจ้า: แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1) (ยูนีค)]

[ขอแสดงความยินดีกับผู้ใช้ที่ได้รับสกิลติดตัว: การถ่ายโอนความเสียหาย]

หลินโม่อวี่ตกใจกับหน้าต่างแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นและรีบตรวจเช็คค่าสถานะของเขาทันที

[ชื่อ: หลินโม่อวี่]

[คลาส: เนโครแมนเซอร์ (เอกลักษณ์)]

[เลเวล: 1 (0.00%)]

[ความแข็งแกร่ง: 10]

[ความว่องไว: 10]

[วิญญาณ: 20]

[อุปกรณ์สวมใส่: ไม่มี]

[มิติอัญเชิญ: 1/10 นักรบโครงกระดูก (จำนวน: 1)]

[พรสวรรค์: แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1) (ยูนีคเฉพาะหลินโม่อวี่)]

[สกิลติดตัว: การถ่ายโอนความเสียหาย]

[สกิล: เปลวเพลิงวิญญาณ (เลเวล 1) อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล1)]

[แปรผันทวีคูณ (เลเวล 1): ผลของสกิลทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 เท่า]

[การถ่ายโอนความเสียหาย: ความเสียหายทั้งหมดที่จอมเวทย์ได้รับนั้นจะถูกถ่ายโอนไปที่วัตถุที่ถูกอัญเชิญมาแทน]

[เปลงเพลิงวิญญาณ (เลเวล 1): เผาเป้าหมายด้วยพลังวิญญาณและทำให้เป้าหมายเกิดความเสียหายจากการเพลิงไหม้ ความรุนแรงของเพลิงนั้นขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณและระดับสกิล]

[อัญเชิญนักรบโครงกระดูก (เลเวล 1): สามารถอัญเชิญนักรบโครงกระดูกเหล็กดำออกมาได้]

ค่าสถานะพื้นฐานของเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป มีเพียงพรสวรรค์และสกิลติดตัวเท่านั้นที่ถูกเพิ่มเข้ามา

แต่ทั้งสองอย่างที่ถูกเพิ่มเข้ามาในหน้าต่างสถานะของเขานั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่พูดถึงพรสวรรค์แปรผันทวีคูณที่จะทำให้ผลของสกิลทั้งหมดเพิ่มขึ้น 10 เท่าก็เป็นอะไรที่ขี้โกงมากแล้ว

ส่วนว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหน หลินโม่อวี่ก็ไม่สามารถอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดได้เช่นเดียวกัน

แม้ว่าโดยปกติแล้วหลินโม่อวี่จะเป็นคนที่เฉยชาอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้เมื่อเขาเห็นผลของสกิลนี้ใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าตกใจปรากฏขึ้นเล็กน้อย

เท่านั้นมันยังไม่พอ เพราะผลของสกิลติดตัวของเขานั้นมันก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจพอๆกัน เพราะมันถือได้ว่าเป็นสกิลที่ขี้โกงมากเช่นเดียวกัน

ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเขาจะถูกโอนไปยังวัตถุที่ถูกอัญเชิญมา

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตที่ถูกอัญเชิญมาโดยเขายังไม่ตาย เขาก็จะไม่มีทางตายอย่างเด็ดขาด

หากคุณต้องการฆ่าเขา คุณต้องฆ่าสิ่งที่ถูกอัญเชิญมาทั้งหมดของเขาก่อน

นั่นเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าสกิลติดตัวของเขานั้นทรงพลังขนาดไหน เพราะหากสิ่งที่หลินโม่อวี่อัญเชิญมามีเป็นพันๆตน นั่นก็เทียบกับว่าหลินโม่อวี่ได้กลายเป็นอมตะไปแล้ว

ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีสกิลติดตัวแบบนี้มาก่อน

หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลินโม่อวี่ก็ฟื้นจากอาการตกใจของเขา และเขาได้พบว่าเม็ดอัญมณีสีแดงสดที่มือซ้ายของเขาได้หายไปแล้ว

“ออกมา”

หลินโม่อวี่เปิดใช้งานสกิลและเรียกนักรบโครงกระดูกเหล็กดำออกมา

กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา หลังจากนั้นโครงกระดูกระดับเหล็กดำเดินออกมาจากกระแสน้ำวนนั้นพร้อมกับเสียงกระทบกันของกระดูก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด