ตอนที่แล้วบทที่ 1 ชาวลูนาเรียและอาร์เซอุสแรกเกิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 ไคโด

บทที่ 2 ข้าจะจดจำทุกคน


บทที่ 2 ข้าจะจดจำทุกคน

เขาถือดาบยาวที่มีเลือดติดบนคมดาบอยู่ในมือ เลือดบนใบดาบยังคงดูสดใหม่ แม้ว่าอัลเบอร์จะดูเหนื่อย แต่เขาก็ดูดีใจมาก

มีคนจำนวนมากนอนเรียงกันอยู่แทบเท้าของเด็กหนุ่ม พวกเขาเป็นยามของสถาบันวิจัย  อาร์เซอุสไม่รู้ว่าอัลเบอร์หลบหนีออกมาได้อย่างไร แต่สำหรับเขาแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีพอสมควร

เขาไม่จำเป็นต้องตามหาอัลเบอร์ อีกทั้งตอนนี้ก็สามารถพาเด็กน้อยทั้งสองหนีไปได้แล้ว

เมื่อยามที่ชาวลูนาเรียกำลังหลบหนี หลายคนเลือกที่จะตายไปพร้อมกับศัตรู เพราะพวกเขาต้องการปกป้องไข่ที่ยังไม่ฟักและศิลาแห่งชีวิต ดังนั้นตัวเขาจึงไม่สามารถละทิ้งเด็กน้อยสองคนนี้และหนีไปเพียงลำพังได้หรอก

"เชย์น่า! ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า!"

"อัลเบอร์หรอ? ดีใจเหลือเกินที่เจ้ายังไม่ตาย..."

"อืม เราจะหนีไปจากที่นี่แล้ว พวกเราเป็นอิสระแล้วนะ" อัลเบอร์ปิดอุปกรณ์ที่ขังเชย์น่าไว้ และต้องการพาเธอออกไป

"ข้ารู้สภาพร่างกายของตัวเองดี…ข้าคงอยู่ได้ไม่นาน ถ้าหนีไปกับเจ้า ข้าก็เป็นเพียงภาระ เจ้าพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเถอะ ข้าจะปกป้องด้านหลังให้เจ้าเอง อัลเบอร์"

เธอต่างจากอัลเบอร์ที่ยังมีแรงกายเหลืออยู่ เชย์น่ายังคงอ่อนแรงมากเนื่องจากถูกคุมขังไว้นาน เธอรู้ดีว่าตนไม่สามารถบินได้ไกลมากนักด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของตัวเธอในตอนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังได้ยินเสียงไซเรนที่ดังไปทุกที่ และยังมีเสียงตะโกนกับเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากโถงทางเดินข้างนอกอีก

"ตัวทดลองหลบหนีไปแล้ว!! พวกแกไปที่พื้นที่ A ส่วนแกไปสนับสนุนพื้นที่ C และที่เหลือก็มาพื้นที่ B กับข้า!!!”

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่มีใครคุ้มกันด้านหลัง ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาทั้งหมดจะถูกจับได้ ในอดีตเผ่าลูนาเรียมักจะเสียสละตนเช่นนี้เสมอ

เมื่อใดก็ตามที่มีศัตรูที่ไม่สามารถจัดการได้ จะมีคนยอมเสียสละชีวิตอยู่เสมอ แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกเชย์น่า มีคนข้างนอกที่เป็นกำลังเสริมให้อยู่ เราแค่ต้องรีบออกไปด้วยกัน”

ก่อนที่เชย์น่าจะถามว่าใครเป็นกำลังเสริม ทหารยามกลุ่มหนึ่งก็ได้เข้ามาจากด้านนอก

“อย่าใช้ปืน พวกมันเป็นหนูทดลองอันล้ำค่า! ต้องจับเป็นเท่านั้น!”

เมื่อเห็นอัลเบอร์และเชย์น่า นายกองของเหล่าทหารจึงตัดสินใจได้ทันที เขาลงความเห็นว่า ทหารเหล่านี้ซึ่งสามารถหามาทดแทนจากไหนก็ได้มีความสำคัญน้อยกว่าหนูทดลองอันล้ำค่าสองคนนี้มาก

แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นตัวอันตราย แต่เขาก็ยังยืนกรานให้ลูกน้องของเขาใช้แต่อาวุธที่ไม่ร้ายแรง เพื่อไม่สร้างความเสียหายแก่ตัวทดลอง

“อัลเบอร์ ข้าฝากทุกอย่างด้วยนะ เดี๋ยวข้าจะเปิดทางให้เอง” เชย์น่ากำหมัดของเธอแน่น ชาวลูนาเรียมีพรสวรรค์อันทรงพลังและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบพิเศษ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงแข็งแกร่งแม้เป็นเพียงแค่เด็ก

อย่างน้อยพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าทหารธรรมดาเหล่านี้มาก เปลวเพลิงที่อยู่ด้านหลังของเชย์น่าเริ่มดับลง เผ่าลูนาเรียทุกคนจะมีเปลวเพลิงลุกไหม้อยู่ด้านหลังเสมอ เมื่อเปลวเพลิงดับลง การป้องกันของพวกเขาจะลดลง แต่ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน

เชย์น่าพร้อมที่จะต่อสู้จนตัวตาย เพราะเธอไม่เชื่อว่าจะมีใครมาช่วยพวกเขา ในความคิดของเธอ อัลเบอร์พูดเพียงเพื่อปลอบใจเธอเท่านั้น

แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาก็ต้องจัดการกับศัตรูที่อยู่ข้างหน้าก่อน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเป็นไข่ขนาดยักษ์ ความสูงของไข่นั้นสูงกว่าสองเมตร และการนำมันหนีออกไปด้วยจะทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง

ไม่ต้องพูดถึงศิลาแห่งชีวิตที่มีขนาดเกือบสามเมตรเลย พวกเขาไม่สามารถหนีไปพร้อมกับศิลาขนาดใหญ่และไข่ในเวลาเดียวกันได้แน่ แรงกายของเชย์น่าไม่เพียงพอ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยอมแพ้เรื่องการนำศิลาแห่งชีวิตไปด้วย

พวกเขาไม่ใช่ยักษ์ พวกเขายังเด็กและยังอยู่ในขนาดของคนปกติ การจะนำของหนักเช่นนี้ไปด้วย จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ทหารเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเกินไป แต่ด้วยความที่พวกเขามีอาวุธครบมือและมีจำนวนมากมายจึงลำบากพอสมควร ทว่าห้องนี้มีประตูที่เล็ก ดังนั้นพวกเขาจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมากเกินไปในเวลาเดียวกัน

แต่เมื่อพวกเขาเพิ่งโค่นศัตรูไป อีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาอีกครั้ง อัลเบอร์พลันสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ สายตาของทหารที่พุ่งเข้ามาไม่ได้มองมาที่เด็กชาย แต่มองไปที่ข้างหลังเขา ยิ่งไปกว่านั้น หากมองจากหางตา เขายังรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ส่องประกายอยู่ข้างหลังเขาด้วย

จากนั้นลำแสงที่มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ยิงออกมาจากด้านหลังของทั้งสองคน ระเบิดใส่ทหารที่ทางเข้าจนลอยขึ้นไปบนฟ้า

แสงที่น่าสะพรึงกลัวไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันยังคงทะลุผ่านกำแพงทั้งหมดของสถาบันวิจัย หากมองผ่านร่องรอยที่ลำแสงนั้นทิ้งไว้ จะสามารถมองเห็นทะเลได้จากระยะไกลเลย

“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์!…เชย์น่า ดูสิ! สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฟักออกมาแล้ว!”

พวกเขาทั้งคู่หันกลับไปมอง น้ำเสียงของอัลเบอร์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และเชย์น่าก็มองไปยังจุดที่ซึ่งเคยมีไข่ใบใหญ่อยู่ ในเวลานี้ ไข่ได้หายไปแล้วและมีสิ่งมีชีวิตที่ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวปรากฏออกมาแทน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้มาจากมัน

ชาวลูนาเรียเชื่อมาโดยตลอดว่าไข่ใบนี้จะฟักออกมาในสักวันหนึ่ง และในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นมันแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกชาวลูนาเรียส่วนใหญ่ได้สูญสิ้นไปหมด

“อัลเบอร์ เชย์น่า พวกเจ้าลำบากมามากเลยทีเดียว”

เสียงที่ฟังดูมีความอ่อนโยนดังข้างหูของพวกเขา จากแหล่งที่มาของเสียง เด็กทั้งสองก็มองไปทางอาร์เซอุสที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา

"ท่านรู้จักเราเหรอ?”

"แน่นอนว่าข้ารู้จักพวกเจ้า ลูโด อเมเลีย อาฟนิชา อัสลัน นาเดีย…”

ชื่อผู้คนมากมายที่เคยปกป้องเขาได้พรั่งพรูออกมาจากปากของอาร์เซอุส แม้เขาจะจำชื่อทุกคนได้ไม่หมด แต่ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นมา เขาจะจำชื่อของชาวลูนาเรียเหล่านี้ที่พาเขาหลบหนีมาได้ เพราะคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนสุดท้ายที่เขาพอจะจำได้

สำหรับอัลเบอร์และเชย์น่า ชื่อของคนเหล่านี้เป็นชื่อที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก

“ขอโทษด้วย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทำให้ข้าสูญเสียพลังส่วนใหญ่ไป และไม่สามารถออกจากไข่ได้จนถึงตอนนี้ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อข้าได้รับพลังกลับมา ข้าจะทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เผ่าลูนาเรีย แต่ก่อนอื่น เราคงต้องจัดการกับปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน”

ศิลาแห่งชีวิตสองแผ่นที่อยู่ด้านข้างถูกดึงด้วยแรงปริศนา ในขณะที่เปลือกสีเทาทั้งสองส่องแสงเจิดจ้าอีกครั้งก่อนที่จะหดตัวลง จากนั้นศิลาทั้งสองก็รวมเข้ากับร่างของอาร์เซอุสทีละแผ่น

จากนั้นด้วยพลังงานพิเศษที่รวบรวมมาจากหน้าผากของเขา ทำให้เชย์น่าที่อ่อนแรงถูกพลังลึกลับยกตัวขึ้นไปในอากาศ จากนั้นไฟแห่งชีวิตของเธอที่กำลังจะมอดลงก็เริ่มลุกไหม้อีกครั้งด้วยพลังที่ได้รับไป

“ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์!”

การเปลี่ยนแปลงของเชย์น่าทำให้ทั้งตัวเธอเองและอัลเบอร์ตกใจมาก สำหรับอัลเบอร์ เชย์น่านับได้ว่าเป็นญาติคนสุดท้ายของเขา อาจมีคนในเผ่าคนอื่นที่รอดชีวิตที่ไหนสักแห่งในโลก แต่ในบรรดาผู้คนที่เขารู้จัก ก็เหลือเพียงเชย์น่าเท่านั้น

“ข้ามีนามว่าอาร์เซอุส ไม่ต้องแปลกใจไปนักหรอก ที่จริงสาเหตุที่เชย์น่าต้องอ่อนแอข้าเองก็ต้องเป็นผู้ชดใช้ด้วย”

ในผู้หมู่ผู้วิจัย มีคนแนะนำว่าเลือดของชาวลูนาเรียอาจกระตุ้นการฟักไข่ได้  คนพวกจึงใช้เชย์น่าเป็นบ่อเลือดเพื่อสกัดเลือดออกมาใช้อย่างไม่สนใจสิ่งใด พวกเขาลงความเห็นว่า ความแข็งแกร่งของเธอน้อยกว่าอัลเบอร์ อัลเบอร์จึงเหมาะแก่การไปใช้ทดลองอย่างอื่นมากกว่า

นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันใช้เชย์น่าเป็นถุงเลือด

เหตุผลที่เขารับช่วงต่อชื่ออาร์เซอุส ก็เพราะมันเป็นเพียงชื่อที่เขารู้และพลังทุกอย่างของเขาก็มาจากอาร์เซอุส

“เอาล่ะ ถึงเวลาต้องออกไปจากที่นี่ เราคงต้องหนีกันนานเลย”

เขาคิดว่าหลังจากการฟักไข่ ความสามารถในการรับรู้จะดีขึ้น และจะสามารถพบศิลาแห่งชีวิตเหล่านั้นที่กระจัดกระจายยังที่ต่างๆ แต่เขากลับสามารถสัมผัสได้แค่สองแผ่นที่อยู่ที่นี่ และไม่สามารถตรวจจับออร่าของแผ่นศิลาในที่อื่นๆ ได้เลย ดูเหมือนจะมีสนามแม่เหล็กแปลกๆ ในโลกนี้ที่รบกวนการรับรู้ของเขาอยู่

ออร่าของศิลาแห่งชีวิตสามารถตรวจเจอได้เมื่อมันอยู่ในระยะรอบตัวของเขาเท่านั้น

เมื่อมองดูทหารที่วิ่งกรู่ออกมาจากประตูทีละคน เขาก็วางแผนที่จะยิงไฮเปอร์บีมอีกรอบใส่พวกมัน ศิลาสองแผ่นที่เขาดูดซับไว้คือศิลาแห่งเปลวเพลิงประเภทไฟและศิลาแห่งความว่างเปล่าของประเภทปกติ และตอนนี้เขาก็กำลังจะใช้ไฮเปอร์บีม โดยใช้พลังที่ดึงมาจากศิลาแห่งความว่างเปล่า

ระยะเวลาคูลดาวน์ที่เกิดจากการใช้ไฮเปอร์บีไม่ได้มีอยู่ เพราะเขาเป็นเทพเจ้าโปเกมอนผู้สร้าง แต่ก่อนที่เขาจะยิงมันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะมีคนโจมตีทหารจากด้านหลัง จากนั้นชายถือกระบองและได้เดินเข้ามาหาพวกเขา

ตัวของคนผู้นั้นสูงและกล้ามล่ำ แต่ลำตัวเรียวเล็กน้อย เขาสวมกางเกงหนังรัดรูปและมีเขาปีศาจขนาดใหญ่อยู่บนหัว ชายผู้นั้นคือไคโดเมื่อยามยังเยาว์วัย.....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด