ตอนที่แล้วตอนที่ 324 ความอยากรู้อยากเห็นของไป่จื่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 326 ค่ายกลลึกลับ

ตอนที่ 325 ความสามารถของอวี่เหรินเอ๋อร์(ตอนฟรี)


ซวบ!

ซูสือก้าวเดิน ตัวเขารายล้อมด้วยปรารกระบี่ เหมือนกำลังเล่นสกี สัตว์อสูรตัวใดที่เข้าใกล้จะโดนปราณกระบี่สีเงินฉีกเป็นชิ้นๆ

พวกมันร่วงโรยเหมือนวัชพืช เปลี่ยนเป็นเศษซาก พลังของสัตว์อสูรบนชั้นนี้แกร่งกว่าชั้นหนึ่งมาก

สัตว์อสูณแก่นทองคำมีทั่ว ท่ามกลางนั้นยังมีพวกพิเศษที่มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ แทบจะเทียบได้กับสิงโตลมคำรน แม้พวกมันจะไม่เป็นภัยต่อซูสือ แต่ก็ทำให้เหรินเอ่อร์กดดันได้ โดยเฉพาะหลังพวกมันพบว่าซูสือยากจะยุ่งด้วย ส่วนใหญ๋จึงหันไปเล่นงานอวี่เหรินเอ๋อร์

ชั่วขณะนี้ คลื่นสัตว์อสูรแทบจะกลืนกินนาง

ซูสือสังเกตเห็น แต่ไม่ลงมือทันที การต่อสู้คือวิธีดีสุดในการเพิ่มพลัง

สถานที่นี้เต็มไปด้วยปราณปีศาจ และพลังปราณทุกส่วนก็ล้ำค่า ไม่มีที่ว่างให้เสีย มันจำเป็นต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สุด

นี่คือบททดสอบสำหรับการควบคุมตัวเองของนาง ขณะที่คอยปกป้อง ซูสือก็ยังหวังว่านางจะพัฒนา

“โฮก!’

แสงสีขาวแผ่จากฝ่ามือของอวี่เหรินเอ๋อร์ แสงนั้นเจิดจ้าเหมือนดวงตะวัน เปลี่ยนสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่เป็นขี้เถ้าโดยตรง

แต่ภาพวาดก็ยังปล่อยสัตว์อสูรมาเรื่อยๆ

อวี่เหรินเอ๋อร์รักษาความสงบเอาไว้ แสงสีขาวคลุมตัวนาง คล้ายกับชุดเกราะขาว

นางพึมพำร่ายคาถาลึกลับ และหางจิ้งจอกสองหางก็โผล่จากด้านหลังนาง

หางเหล่านี้แผ่รัศมีแสง

โฮก

เสียงคำรามดังจากห้วงมิติ

คลื่นสัตว์อสูรพลันกลายเป็นหยุดชะงัก

สัตว์อสูรนอนหมอบกับพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว ราวกับพบเจอเทพของพวกมัน

หางจิ้งจอกส่ายไปมา โปรยปรายกระจุกแสง เกาะติดพวกมัน เหมือนหิมะที่หลอมละลาย พวกมันละลายหายไปทันที เปลี่ยนเป็นฝุ่นท่ามกลางเสียงโหยหวน พวกที่แข็งแกร่งบางตัวแค่ดิ้นรนได้นานหน่อย

แต่กระจุกแสงก็เหมือนโรคภัยที่ไม่อาจเยียวยา ไม่ว่าพวกมันจะพยายามแค่ไหนพวกมันก็ตาย

สุดท้าย พวกมันก็ตายหมด ซูสือสังเกตเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของเขาเผยความแปลกใจ

หางจิ้งจอกนี้ดูทั้งจริงและลวง มีร่องรอยของมหาเต๋า ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่

“หรือจะเป็นพลังสายเลือดของเผ่าจิ้งจอก?”

‘แต่ทำไมข้าไม่เคยเห็นเหรินเอ๋อร์ใช้?”

ภายใต้พลังของหางจิ้งจอก สัตว์อสูรทั้งหมดหมอบกราบ ไม่อาจต้านทานได้

แสงของภาพวาดไหววูบ แต่ความเร็ว’การปรากฏ’ไม่อาจตามทัน

พอจำนวนสัตว์อสูรลด อวี่เหรินเอ๋อร์ก็ถอนหายใจโล่งอก

ใบหน้าสวยนางซีดเล็กน้อย บ่งบอกว่าการใช้ท่านี้เป็นภาระต่อนาง

นางเงยใบหน้าน้อยขึ้น ราวกับกำลังขอคำชม“พี่ชายซูสือ ข้าเก่งไหม?”

ซูสือหยิกแก้มนาง“เก่ง เจ้าเก่งมาก เจ้าพัฒนากว่าก่อนเยอะเลย”

“แน่นอนอยู่แล้ว’

อวี่เหรินเอ๋อร์ยิ้มหน้าบาน“หลังเหตุการณ์ในเมืองหวงหยวน ข้ารู้สึกว่าพลังของข้าไม่พอ ข้าเลยขอให้บรรพชนช่วยสั่งสอน ระหว่างนั้นข้าเลยปลุกพรสวรรค์สายเลือด”นางส่ายหางและพูดต่อ“หางแสงนี้มีทั้งหมดเก้า ปัจจุบันข้ากระตุ้นได้แค่สอง ต่อให้จะปลดปล่อยพลังได้แค่สองส่วน มันก็มากเกินพอจะจัดการกับสัตว์อสูรแก่นทองคำ”

ซูสือพยักหน้า“ข้าเข้าใจ มันดูเหมือนบรรพชนจะค่อนข้างพึ่งพาได้”

อวี่เหรินเอ๋อร์หน้าแดงหน่อย ไม่แน่ใจว่านางคิดอะไร“อะแฮ่ม จริงๆแล้ว นางไม่ได้พึ่งพาได้ขนาดนั้น…”

บรรพชนสอนนางมากกว่านี้ หลังรู้ถึงความสัมพันธ์ของนางกับซูสือ บรรพชนก็ยืนกรานว่าจะช่วยนางบ่มเพาะเสน่ห์และยังสอนเทคนิคน่าอายมากมายให้นาง…

จากนั้น มันก็มีเสียงดังจากด้านหลัง

ทั้งสองหันไปมอง

เห็นว่าภาพบนผนังเปล่งแสงและสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาภายในก็ค่อยๆขยับ

รังสีแสงเรืองรองในหมอกและเสียงคำรามน่ากลัวก็ดังขึ้น

ทั้งสองสบสายตากัน“ดูเหมือนบททดสอบจะยังไม่จบ”

อวี่เหรินเอ๋อร์หน้ามุ่ย“แต่ข้าหมดแรงแล้ว..”

ซูสือลูบหัวนาง“เจ้าทำดีแล้ว ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า”

โฮก

เสียงคำรามต่ำดังจากหมอก

หมอกหนาค่อยๆสลาย เผยให้เห็นร่างน่ากลัว สิ่งมีชีวิตนั้นดูเหมือนจะรวมจากศพที่ไม่สมบูรณ์นับไม่ถ้วน มีทั้งสัตว์อสูรและเผ่าอื่น มันมีกล้ามแขนหนา พร้อมด้วยกรงเล็บแหลม ตัวใหญ่โตมันแทบจะถึงเพดาน

“น่าขยะแขยงจริงๆ”

อวี่เหรินเอ๋อร์ขมวดคิ้ว

ฉั้ว

ชั่วขณะนั้น ซูสือได้ลงมือแล้ว เขาใช้กระบี่ฟันมันเป็นชิ้นๆในพริบตาเดียว

ทว่า เพียงไม่นาน ชิ้นส่วนที่โดนตัดของสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็กลับมารวมกันใหม่

ซูสือขมวดคิ้ว เขาเริ่มจริงจัง ขณะที่ตั้งท่า เตรียมใช้วิชากระบี่ที่เฉินหวังฉวนสอนมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด