ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 338 เจ้าชายแห่งอาณาจักรเกลียวสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 340 หญิงสาวลึกลับผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง

MDB ตอนที่ 339 โชคดีสุด ๆ


เมื่อสวมหน้ากากแล้ว หลินจินก็เข้ามาและสังเกตเห็นผู้มาใหม่สองคนในแวบแรก

'ผู้มาเยือนใหม่?' เขามองผ่านอย่างอารมณ์ดี

ผลประโยชน์ที่หลินจินจะได้รับจากห้องโถงเยี่ยมชมนี้ก็ชัดเจน หากไม่ใช่สถานที่แห่งนี้ มันคงยากขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าในการบรรลุวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบสำหรับเสี่ยวฮั่ว

ต้องขอบคุณสถานที่นี้ที่เขาได้รับแหล่งรวบรวมวัสดุและยืมกำลังของผู้เยี่ยมชมเพื่อแก้ไขปัญหาในยามลำบาก

เมื่อเห็นภัณฑารักษ์มาถึง ผู้เยี่ยมชมทั้งหกคนก็แสดงความเคารพอย่างจริงจัง

“ขอคารวะ ภัณฑารักษ์”

พวกเขาทำอย่างพร้อมเพรียงกัน และเสียงของพวกเขาก็ดังก้อง

สิ่งนี้ทำให้ผู้มาใหม่สองคนตกตะลึง เฟิงจือเฉียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

ผู้เยี่ยมชมหมายเลขสิบสองก็ตกใจเช่นกัน เธอจ้องมองคนที่โผล่ออกมาจากประตูเหล็กด้านบนอย่างอยากรู้อยากเห็น

หลินจินรู้สึกยินดี เมื่อห้องโถงเยี่ยมชมค่อย ๆ พัฒนา ผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับก็ยิ่งมากขึ้น

ตอนนี้หลินจินคุ้นเคยกับมันแล้ว สำหรับเขาแล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะมาที่ห้องโถงเยี่ยมชม เพราะพวกเขาทั้งหมดจะต้องยอมจำนนต่อเขาในท้ายที่สุด

เช่นเดียวกับ อีกาทมิฬ, เฒ่าเทียนและผีเด็ก พวกเขาต่างแสดงความไม่พอใจในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมจำนนต่อเขาอยู่ดี

กฎของห้องโถงเยี่ยมชมนั้นเรียบง่าย แต่ละคนจะต้องไม่สอบถามเกี่ยวกับภูมิหลังของกันและกัน ทุกคนสามารถเก็บความลับหรือเปิดเผยได้ ใครก็ตามที่กำลังมองหาการประเมินจะต้องให้ 'ของแลกเปลี่ยน’ ที่เท่าเทียมกัน

มันง่ายและยุติธรรม

หลินจินถามได้เอ่ยขึ้นว่า

“พวกเจ้าได้สรุปกฎของที่นี่ให้พวกเขาฟังแล้วหรือยัง?”

เฒ่าเทียนตอบเร็วที่สุดโดยกล่าวว่า

“พวกเราทำแล้ว ภัณฑารักษ์ เราได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แม้ว่าคนหนึ่งดูเหมือนจะไม่เชื่อสิ่งที่เราบอกเขา และอีกคนหนึ่งยังคงนิ่งเงียบมาตลอด”

"ไม่เป็นไร สิ่งที่สำคัญคือพวกเขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับกฎแล้ว” หลินจินกวาดสายตามองผู้มาใหม่

ไม่มีสัตว์เลี้ยงอยู่กับพวกเขา

ผู้ที่เคยบ่มเพาะคัมภีร์จ้าวอสูรมาจะมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในตัวของเขา หากตัดสินจากออร่าของอีกฝ่าย มันควรจะเป็นระดับสี่

คุณภาพของผู้เยี่ยมชมรายใหม่นี้ไม่เลวเลย

แต่ผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างมีเอกลักษณ์

แม้จะดูเหมือนเธอไม่มีสัตว์ร้าย แต่สิ่งต่าง ๆ กลับซับซ้อนกว่าที่เห็นภายนอก ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรหลุดรอดสายตาจากหลินจินไปได้ อย่างไรก็ดี สำหรับตอนนี้ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้เยี่ยมชมรายใหม่ไปก่อน

เขามองไปที่เฒ่าเทียน จากนั้นมองไปที่ไทแรนโนซอรัสที่อยู่ข้างหลังเขาซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลินจินประหลาดใจถามว่า

“เฒ่าเทียน สัตว์เลี้ยงของเจ้าวิวัฒนาการเมื่อใดกัน?”

หลินจินไม่รู้เรื่องนี้ เนื่องจากในตอนนั้น เขาอยู่ในช่วงสำคัญของการบ่มเพาะเมฆานำพา หลินจินได้มาและจากไปอย่างรวดเร็วในครั้งล่าสุด

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้เยี่ยมชมคนอื่น ๆ จึงเป็นผู้ช่วยเหลือเฒ่าเทียน เพราะเขาประสบปัญหาบางอย่าง และด้วยโชคอันยิ่งใหญ่ ทำให้การวิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงของเขาประสบความสำเร็จ

หลินจินรู้สึกประหลาดใจ

ท้ายที่สุดแล้ว การพัฒนาสัตว์วิเศษระดับสามไปสู่ระดับสี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

เฒ่าเทียนอธิบายสถานการณ์ก่อนหน้าของเขาทันที ในขณะที่เย่หยู่โจวและคนอื่น ๆ เสริมรายละเอียดให้หลินจิน

แน่นอนว่า หลินจินฟังดูประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เขาจ้องมองที่เฒ่าเทียนเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า

“เจ้าช่างโชคดีจริง ๆ”

หลินจินพูดถูก เฒ่าเทียนโชคดีจริง ๆ

แม้ว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามคำแนะนำแบบคำต่อคำ แต่การลงมือทำจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่าย แถมพวกเขายังใช้เลือดสัตว์วิเศษหลายประเภทเพื่อกระตุ้นกระบวนการวิวัฒนาการ

ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาจะล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ทำสำเร็จ นี่เป็นสถานการณ์หนึ่งในล้านอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่า โอกาสสำเร็จที่เพิ่มขึ้น มันเป็นเพราะห้องโถงเยี่ยมชม

ห้องโถงเยี่ยมชมนี้มีกลิ่นอายของพิพิธภัณฑ์ซึ่งสามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จได้

“ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ตราบใดที่การวิวัฒนาการประสบความสำเร็จก็เพียงพอแล้ว”

หลินจินกระโจนลงมาจากด้านบน และทำท่าทางกวักมือเรียก ไทแรนโนซอรัสของเฒ่าเทียน มันวิ่งเหยาะ ๆ อย่างเชื่อฟัง ผงกหัวไปทางหลินจิน

หลินจินเอื้อมมือไปแตะหัวของไทแรนโนซอรัสเพื่อดูรายละเอียดของมัน

“หื้ม!”

แม้แต่หลินจินก็ยังประหลาดใจ

เขารู้อยู่แล้วว่าไทแรนโนซอรัสตัวนี้มีทรงพลังมากเพียงใด แต่คิดว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ช่างเป็นเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ

เดวิลโลซอรัสกลายพันธุ์ระดับสี่ แถมยังมีคุณสมบัติธาตุที่หลากหลาย!

พูดง่าย ๆ ก็คือ ความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตนี้คือการรวมกันของสัตว์เลี้ยงของอีกาทมิฬ, เย่หยู่โจวและผีเด็ก พูดให้ชัดกว่านั้นก็คือ สัตว์วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในห้องโถงเยี่ยมชมในตอนนี้ไม่ใช่เหยี่ยวดำ มังกรทะลวงเมฆา หรือแมงมุมหน้าทารกอีกต่อไป แต่เป็นเดวิลโลซอรัสกลายพันธุ์ตัวนี้

โชคของเฒ่าเทียนนั้นสุดแสนจะพรรณนาได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเองไม่มีวิทยายุทธ์ที่โดดเด่น และระดับพันธสัญญาโลหิตของเขาก็ไม่มีนัยสำคัญ เขาจึงไม่สามารถใช้ศักยภาพของเดวิลโลซอรัสกลายพันธุ์ของเขาได้อย่างเต็มที่ ถ้าเขาทำได้ เขาจะเทียบเท่ากับมาดามผีเด็กได้เลย

อย่างไรก็ตาม หลินจินไม่ได้วางแผนที่จะบอกเฒ่าเทียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเร็ว ๆ นี้

ในฐานะบุคคล เฒ่าเทียนยังต้องการการขัดเกลามากกว่านี้

จากนั้นหลินจินก็หันไปหาผีเด็ก

“ตอนนี้ซอมบี้คธูลูหายเป็นแกติแล้ว ชายโลงศพสามารถมารับมันกลับได้ทุกเมื่อ”

ผีเด็กยินดีกับข่าวดีนี้

ต่อจากนั้น พวกเขาจัดถามการซักถามตามปกติ ผีเด็กและคนอื่น ๆ รู้กฎดี ดังนั้นพวกเขาจึงมีตัวอย่าง DNA ของสัตว์วิเศษอยู่กับตัว เพื่อให้หลินจินตอบคำถามของพวกเขาเกี่ยวกับสัตว์วิเศษที่สงสัยได้

ผู้เยี่ยมชมทั้งสองเพียงแค่สังเกตการแลกเปลี่ยนของพวกเขาที่มุมหนึ่ง พวกเขาดูและฟังอย่างตั้งใจ

ในฐานะองค์ชายสามของอาณาจักรเกลียวสวรรค์ เฟิงจือเฉียนเป็นคนที่มีความรู้กว้างขวาง เขาสามารถบอกได้โดยอาศัยเพียงแค่ฟังจากอีกฝ่ายว่า ชายสวมหน้ากากซึ่งทุกคนเรียกว่า 'ภัณฑารักษ์' นั้นมีฝีมือค่อนข้างดีในสายงานของเขา

อย่างน้อยที่สุดเมื่อเป็นเรื่องของสัตว์วิเศษ ไม่มีคำถามใดที่ท้าทายสำหรับเขา

เฟิงจือฉียนรู้จักผู้ประเมินระดับสี่ส่วนใหญ่ในประเทศของเขาเป็นการส่วนตัว ความรู้ของภัณฑารักษ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงระดับสี่นั้นไม่ได้ด้อยเลย เมื่อเทียบกับผู้ประเมินระดับสี่ที่เขารู้จัก

'ที่นี่คือที่ไหนกันแน่? คนเหล่านี้คือใคร?'

ตอนนี้เฟิงจือเฉียนสามารถบอกได้ว่านี่อาจไม่ใช่ฝีมือของพี่น้องเขา และไม่ใช่ของพ่อของเขาด้วย

หากนี่คือการทดสอบที่พ่อของเขากำหนดไว้ มันจะต้องมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง แต่จนถึงตอนนี้เฟิงจือเฉียนก็ยังมองไม่ออกว่าเขากำลังถูกทดสอบในด้านใด

ความสามารถในการปรับตัว?

ไม่ใช่อย่างแน่นอน

ทัศนคติของเขา?

ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น

นอกจากนี้ แม้ว่าอาณาจักรเกลียวสวรรค์จะเป็นประเทศขนาดใหญ่ที่มีสัตว์วิเศษระดับห้ามากกว่าหนึ่งตัวคอยเป็นผู้พิทักษ์ แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของสัตว์วิเศษระดับสี่ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

ถึงกระนั้นเฟิงจือเฉียนก็ไม่รู้จักคนเหล่านี้ที่เป็นเจ้าของสัตว์วิเศษระดับสี่แม้แต่คนเดียว เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามาก่อนเลยด้วยซ้ำ

หากพวกเขาเป็นพลเมืองของอาณาจักรของเขา เขาคงจะรู้จักพวกเขาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคน แน่นอนว่า คนเหล่านี้อาจปักหลักอยู่ในเมืองที่เงียบสงบก็ได้เช่นกัน

'เมื่อไม่รู้อะไร งั้นก็คอยสังเกตกันต่อไปล่ะกัน'

เฟิงจือเฉียนตัดสินใจที่จะยึดมั่นในหลักการเพื่อต่อต้านความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น

เมื่อหลินจินตอบคำถามของกลุ่มเสร็จแล้ว เขาก็หันไปหาผู้เยี่ยมชมรายใหม่

“ผู้มาใหม่ พวกเจ้ามีคำถามอะไรหรือไม่?” หลินจินถาม

ไม่มีใครพูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้น ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ผู้เยี่ยมชมหมายเลขสิบเอ็ดที่ขี้โอ่ในตอนแรก เขากำลังแสดงท่าทีระมัดระวังและมีแววลังเลในดวงตาของเขาอย่างแจ่มชัด ดูเหมือนว่าเขากำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง

ในขณะเดียวกัน หลินจินพบว่าผู้เยี่ยมชมหมายเลขสิบสองดูน่าสนใจมากทีเดียว

ตั้งแต่เริ่มต้น สีหน้าและอารมณ์ของเธอยังคงนิ่งเฉย

สิ่งที่สะท้อนในดวงตาของเธอคือสิ่งที่หลินจินสามารถอธิบายได้ในคำเดียว ซึ่งนั่นก็คือคำว่า 'ความสิ้นหวัง'

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด