ตอนที่แล้วบทที่ 12 เหตุใดเจ้าหมอนั่นจึงได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินีเพียงคนเดียวกัน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14: ข้าราชการผู้เที่ยงธรรมอย่างข้าจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง

บทที่ 13 แม้นเราไม่คุ้นหน้า แต่เรียกข้าว่าบุรุษโฉมงามก็ได้นะ!


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

[เดี๋ยวลงอีก 3 ตอนนะครับ]

บทที่ 13 แม้นเราไม่คุ้นหน้า แต่เรียกข้าว่าบุรุษโฉมงามก็ได้นะ!

ในขณะนั้นเอง ทุกคนได้สังเกตเห็นหลินเป่ยฟานที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เฮ้ พ่อหนุ่ม เจ้าเป็นใครกัน?”

“เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรหรือ?”

“เจ้าดูเหมือนบัณฑิตเลย!”

หลินเป่ยฟานเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา “ข้าได้ยินทุกคนพูดคุยเรื่องผู้กล้าราตรี ข้าก็อยากรู้อยากเห็นจึงได้เข้ามาฟังด้วย!”

“เข้าใจแล้ว” ชายชราคนเดิมจากก่อนหน้านี้ไตร่ตรองและถามออกมา “พ่อหนุ่ม แล้วเราจะเรียกเจ้าว่าเช่นไรดี?”

“เรายังไม่คุ้นหน้ากัน เรียกข้าว่า ‘เหลียงไซ'!'” หลินเป่ยฟานตอบกลับไปด้วยท่าทีจริงจัง

“เหลียงไซหรือ?” ชายชราถึงกับย่นคิ้ว

"ใช่แล้ว!" หลินเป่ยฟานพยักหน้าตอบอย่างมีความสุข

“เหลียงไซ…” ชายชราพูดซ้ำ รู้สึกว่าชื่อนี้แปลกและออกเสียงยากมาก

แต่เขาก็ได้เอาชนะความรู้สึกแปลกๆ ในใจของเขาไปพร้อมกับถามว่า “เจ้ามาจากไหนเหรอ? ท่าทางเหมือนกับบัณฑิต”

(เหลียงไซหมายถึงหนุ่มโฉมงาม)

หลินเป่ยฟานพยักหน้า “ข้าเป็นบัณฑิตจริงๆ ข้าน่ะเหนื่อยกับการเรียนเลยออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย! ได้โปรดคุยเรื่องผู้กล้าราตรีต่อเถอะ สรรเสริญเขาให้พอใจเลย ไม่ต้องสนเรื่องข้า!”

หลังจากที่เขาพูดจบ ใบหน้าของหลินเป่ยฟานก็แสดงสีหน้าบริสุทธิ์และอยากรู้อยากเห็นออกมา

ต้องบอกเลยว่าใบหน้าของหลินเป่ยฟานนั้นดูหลอกลวงมาก จนทำให้ทุกคนลดความระมัดระวังลงโดยไม่รู้ตัว

“ได้ งั้นเรามาคุยกันต่อเถอะ!” ชายชราตบต้นขาและเปลี่ยนท่าทาง

“เมื่อพูดถึงผู้กล้าราตรี ต้องบอกเลยว่าเขาเป็นคนชอบธรรมและมีน้ำใจจริงๆ! เขาช่วยเหลือคนขัดสนและใจกว้างด้วยความมั่งคั่งของเขา ว่ากันว่าในช่วงสองคืนที่ผ่านมา เขาได้ให้เงินไปแล้วมากกว่าหนึ่งล้านตำลึง!”

“ใช่ มันน่าทึ่งมาก! เงินหนึ่งล้านตำลึงกลับสามารถแจกจ่ายออกมาได้เหมือนไม่มีค่า ไม่มีทางที่คนธรรมดาจะสามารถทำเช่นนั้นได้! สหายเก่าหลายคนของข้าต่างก็ชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมาก เพราะเงินจำนวนนี้!”

“น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เห็นหน้าตาของเขา มิฉะนั้นข้าคงอยากจะทำป้ายให้เขาและถวายธูปทั้งกลางวันทั้งกลางคืนเลย!”

ในขณะที่หลินเป่ยฟานฟัง เขาก็หัวเราะอย่างหนักจนดวงตาของเขาไม่อาจเปิดกว้างได้

“สรรเสริญข้าต่อไป สรรเสริญข้าจนตายเลย ไม่จำเป็นต้องสงสารข้า !”

แต่ในขณะนั้นเอง ชายชราก็ถอนหายใจ “พูดถึงผู้กล้าราตรี ทำให้ข้านึกถึงตัวคนผู้หนึ่งได้!”

“ใครหรือ?

“ข้าราชการชั้นนำคนปัจจุบัน หลินเป่ยฟาน!”

"เขามีอะไรหรือ?"

ชายชรามองไปรอบๆ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่หลินเป่ยฟานและกระซิบว่า “เจ้าน่าจะได้ยินเรื่องนี้แล้ว เมื่อเขาค้นบ้านของอดีตเสนาบดีจ้าวเมื่อสองวันก่อน เขาได้ยักยอกเงินไปเกือบสองล้านตำลึง!”

ทุกคนอ้าปากค้าง “นั่นมันจำนวนมากมหาศาลเลยนะ!”

“และเมื่อวันก่อนนี้ เมื่อเขาค้นบ้านของเหล่าผู้ตรวจการของจักรพรรดิ เขาก็ยักยอกเงินจำนวนมากอีกครั้ง!”

ทุกคนอ้าปากค้างทันที “เขากล้ายักยอกเงินจากผู้ตรวจการสอบของจักรพรรดิเลยหรือ?”

คนหนึ่งขัดจังหวะ “ผู้เฒ่าสวี เป็นเรื่องจริงหรือ? เขายักยอกเงินสองล้านตำลึงและยังยักยอกเงินจากผู้ตรวจการของจักรพรรดิเนี่ยนะ? ความอาจหาญของข้าราชการระดับสูงผู้นี้มีมากเกินไปแล้ว! พูดตามตรง ข้าแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เจ้าพูดขึ้นมาเลย!”

ชายชราที่ถูกขัดเริ่มไม่สุขใจนัก “มันจะเป็นเรื่องเท็จได้เช่นไรกัน?”

ชายชรามองไปรอบๆ อีกครั้งและเหลือบมองไปทางหลินเป่ยฟานที่ยิ้มแย้ม เขากระซิบว่า “เดี๋ยวข้าเล่าให้เจ้าฟัง หลังจากค้นหาเรือนแล้ว ผู้ตรวจการคนนั้นก็ให้คนรับใช้ของเขาถือกล่องขนาดใหญ่สองกล่องไปรอบๆ เมือง หลายคนก็เห็นมันด้วยตาของพวกเขา! เรื่องทุกอย่างจบลงที่ตรงนั้น แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาบริสุทธิ์!”

ในเวลานั้นเอง ชายชราคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นว่า “สิ่งที่ผู้เฒ่าสวีพูดนั้นเป็นความจริง! พี่เขยของลูกพี่ลูกน้องคนที่สองของเพื่อนบ้านของข้าเป็นข้าราชการ พวกเขาก็อยู่ที่นั่นในที่เกิดเหตุ เขาเห็นว่าหลินเป่ยฟานยักยอกเงินไปได้อย่างไร! เมื่อคืนเขาเมามาก และเล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง เขายังบอกอีกว่าไม่เคยเห็นคนทุจริตผู้ใดช่างกล้าแบบนี้มาก่อนเลย!”

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมา

“นี่ช่างเป็นโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง!”

“จักรพรรดินีเปิดการสอบของจักรพรรดิและเดิมทีวางแผนที่จะรับสมัครบุคคลที่มีความสามารถ แต่ใครจะรู้กันล่ะว่าจะได้ข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวงเช่นนี้?”

“ในเมื่อเขาเป็นเพียงข้าราชการชั้นต่ำที่โกงกิน จุดจบในอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไรหรือ?”

“ผู้หนึ่งก็มีใจเอื้อเฟืออารีมาก ส่วนอีกคนกลับโลภมากเสียอย่างนั้น! ทั้งสองเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่เหตุไฉนถึงแตกต่างกันมากเพียงนี้?”

“เฮ้อ บ้านเมืองเรามีแต่พวกกินบ้านกินเมืองทั้งนั้น!”

“ราชสำนักมีแต่พวกทุจริต ชีวิตของประชาชนเยี่ยงเราจะไปดีขึ้นได้ยังไงกัน!”

ชายชราถือโอกาสสอนหลินเป่ยฟาน โดยใช้ความอาวุโสของเขาเพื่อสอนเขา: “พ่อหนุ่ม เจ้าก็เป็นบัณฑิต! จงศึกษาให้ดีและรับใช้ราชสำนัก เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน อย่ากลายเป็นเหมือนข้าราชการพวกนั้นที่สูญเสียความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเด็ดขาด!”

หลินเป่ยฟานพยักหน้าซ้ำๆ “สิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าวเป็นความจริง ข้าได้เรียนรู้จากบทเรียนของข้าแล้ว!”

“อืม สมกับคำที่ว่าไม้อ่อนย่อมดัดง่าย!”

ในขณะนี้เองที่ชายชราคนหนึ่งหรี่ตาและจ้องไปทางหลินเป่ยฟานอย่างจริงจัง

เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นอีกฝ่ายนี้ที่ไหนมาก่อน

ทันใดนั้น เขาก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจและล้มลงกับพื้นพร้อมกับชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่หลินเป่ยฟาน “เขาเป็นข้าราชการชั้นสูงคนใหม่นั่นไง หลินเป่ยฟาน!!!”

เหตุการณ์พลันโกลาหลทันที

"อะไรนะ? เขาเป็นข้าราชการระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟานงั้นหรือ?”

“แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?”

"ล้อกันเล่นหรือเปล่า?"

ทุกคนมองไปทางหลินเป่ยฟานที่ยิ้มแย้มด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่มีใครอยากเชื่อความจริงข้อนี้เลย

หลินเป่ยฟานลุกขึ้นยืนเอามือไพล่หลังพร้อมกับยิ้มออกมา “ใช่แล้ว ข้าคือหลินเป่ยฟาน ข้าราชการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่พวกเจ้าพูดถึงไงล่ะ!”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด