ตอนที่แล้วบทที่ 34 การเปิดซากปรักหักพัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36 การฝึกฝน

บทที่ 35 การตัดสินใจ


“สิทธิ์ในการเข้าซากปรักหักพรังเช่นนั้นเหรอ? มันบอกว่าสมบัติทั้งหมดในซากปรักหักพังและอาณาจักรลึกลับจะเป็นของผู้ที่ค้นพบพวกมันเหรอ?”

“เฮ้ ไม่แปลกใจเลยที่หลู่ชิงอี้กล่าวว่ามีโอกาสเข้าไปได้แม้จะไม่มีตัวตนของสำนักที่สิบเอ็ด นี่เป็นของขวัญเช่นนั้นเหรอ? มันดูราวกับว่านางแค่หาเหยื่อล่อ”

“เราไม่รู้เลยว่ามีสมบัติอยู่ข้างในไหม บางทีอาจมีแค่สัตว์ประหลาด”

ซืออวี๋รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เพื่อได้รับสิทธิ์การเข้า เราต้องผ่านการฝึกฝนการต่อสู้ภาคสนามที่ถูกจัดโดยสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร

หนึ่งในเงื่อนไขในการเข้าก็คือต้องมีความสามารถในการต่อสู้ถึงจุดหนึ่งงั้นเหอร?

หากเขาไม่มีความสามารถในการต่อสู้นั้นจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ…?

ไม่จำเป็นต้องอธิบายเลย เขามีโอกาสเสียชีวิตในซากปรักหักพังสูงมาก

“มีหลุมพรางเยอะเกินไป”

ในขณะที่ซืออวี๋ต้องการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซากปรักหักพังอาณาจักรลึกลับ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียง “โครกคราก~” จากด้านข้าง

“อู๋—”

อีเลฟเว่นเดินเซไปเซมาและเอ่ยถามว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลากินอาหาร

ในขณะนี้ หนอนไหมเขียวนั้นนอนนิ่งอยู่ในกรงราวกับหนอนพิการ

มันไม่เหลือไหมแม้แต่เส้นเดียวแล้ว!

“วันนี้มีอาหารสุดแสนอร่อย อย่ากังวล ข้าจะทำมันเดี๋ยวนี้แหละ”

ซืออวี๋ดูเวลา มันดึกแล้วจริงด้วย

โดยปกติแล้ว เมื่อเขาทำสมาธิ วันเวลารู้สึกจะยาวนานเป็นปี และเวลาก็ผ่านไปช้ามาก ตอนนี้เขาเพิ่งเล่นโทรศัพท์ได้สักพักหนึ่ง… และท้องฟ้าก็เกือบจะมืดแล้ว

หากโทรศัพท์สามารถวิวัฒนาการเป็นรูปแบบจักรกลชีวิตได้ มันก็น่าจะสามารถปลุกทักษะเผ่าพันธุ์ที่ควบคุมเวลาได้…

อีเลฟเว่นไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่หิวโหย ซืออวี๋ก็ตระหนักว่าเขาก็รู้สึกหิวเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบไปเตรียมอาหาร

ไม่กี่นาทีต่อมา

ไผ่เหล็ก ใบไม้เหล็ก และไม้หัวใจเหล็กของอีเลฟเว่น

ขนมปังและซุปไข่มะเขือเทศของซืออวี๋

ใบผักของหนอนไหมเขียว

พวกเขาทั้งสามเริ่มกินอาหารของตัวเอง

ในขณะที่พวกเขากิน ซืออวี๋ได้เอ่ยถามอีเลฟเว่นว่า “เจ้าสนใจการฝึกฝนการต่อสู้ภาคสนามไหม?”

หลังจากกลับมาจากโรงต่อสู้ครั้งที่ผ่านมา ซืออวี๋ก็คิดว่าอีเลฟเว่นควรได้รับประสบการณ์ในการต่อสู้ภาคสนาม

ในเวลานี้ นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่สร้างแรงกดดันให้แก่อีเลฟเว่นได้

แม้ว่าการฝึกฝนนี้จะถูกกล่าวว่าเป็นการต่อสู้ภาคสนาม แต่ความปลอดภัยตลอดทั้งการทดสอบก็ถูกรับประกันไว้ ท้ายที่สุด มันถูกจัดโดยสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเพื่อฝึกฝนนักฝึกสัตว์อสูรท้องถิ่น

กล่าวตามตรง เขายังคงหวาดกลัวการสำรวจซากปรักหักพังอาณาจักรลึกลับเล็กน้อย ท้ายที่สุด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

แต่หากเป็นเพียงการฝึกฝนการต่อสู้ภาคสนาม การเข้าร่วมก็ดูราวกับจะไม่ใช่เรื่องใหญ่

อย่างแรก เขาสามารถฝึกฝนความสามารถในการต่อสู้ของอีเลฟเว่น และอย่างที่สอง เขาสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อดูว่าการทดสอบเกี่ยวข้องกับซากปรักหักพังของอาณาจักรลึกลับยังไงกัน

“อู๋!!!”

อีเลฟเว่นชูแขนของมัน

ลุย! ลุย! ลุย!

ดวงตาของมันเปล่งประกาย บ่งบอกว่ามันต้องการเข้าร่วม

จุดประสงค์ของการฝึกฝนอย่างหนักก็คือการแสดงผลลัพธ์! ไม่งั้นการฝึกฝนคงไร้ความหมาย!

อสูรเกราะน้ำแข็งตัวนั่นและกลุ่มหนูดินนั้นไม่สามารถทำให้มันแสดงผลลัพธ์การฝึกฝนทั้งหมดของมันได้

สิ่งเดียวที่ทำให้มันรู้สึกกดดันเล็กน้อยก็คือสิงโตปีศาจวายุ แต่อีเลฟเว่นรู้ว่ามันไม่สามารถเอาชนะสิงโตปีศาจวายุได้

สิงโตปีศาจวายุอยู่ระดับผู้บัญชาการ แรงกดดันที่ถูกสร้างขึ้นโดยสัตว์อสูรระดับผู้บัญชาการยังคงแข็งแกร่งมากสำหรับลูกสัตว์สูรที่อยู่ในช่วงการเติบโตเช่นอีเลฟเว่น

ที่แย่ยิ่งกว่านั้น แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจากสัตว์อสูรระดับราชันย์นั้นสามารุสังหารสัตว์อสูรระดับต่ำได้โดยตรง

หลังจากที่สัตว์อสูรถึงระดับราชันย์ มันสามารถปลุกทักษะการปราบปรามของมันได้โดยอัตโนมัติ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมทักษะการปราบปรามที่ถูกจำลองโดยซืออวี๋จึงถูกเรียกว่า ‘ศักยภาพแห่งราชันย์’ การควบคุมมันไม่ใช่สิ่งที่สัตว์อสูรทั่วไปจะสามารถทำได้

การเชี่ยวชาญทักษะพิเศษของระดับราชันย์นี้ล่วงหน้าหมายความว่าสัตว์อสูรตัวนั้นมี ‘ศักยภาพแห่งราชันย์’

“ถ้าเช่นนั้นเราก็เข้าร่วมกันเถอะ”

ซืออวี๋พยักหน้า จากนั้นเขาก็มองไปที่หนอนไหมเขียวในกรงและกล่าวว่า “เจ้าก็เช่นกัน”

“จิ??”

หนอนไหมเขียวแสดงสีหน้าสับสนและไร้เดียงสา

“เท่าที่ข้ารู้ ด้วยข้อมูลที่ข้าพบจากการใช้โทรศัพท์ของข้า… เกณฑ์การประเมินสำหรับการทดสอบในการต่อสู้ภาคสนามโดยพื้นฐานแล้วขึ้นอยู่กับประเภทของสัตว์อสูรที่พ่ายแพ้หรือทรัพยากรหายากที่ถูกรวบรวม”

“แน่นอน ข้าจะปล่อยการต่อสู้เป็นของอีเลฟเว่น แต่การรวบรวมสิ่งต่างๆ เป็นสิ่งที่เจ้าต้องใช้ไหมหนอนของเจ้าจัดการ” ซืออวี๋ยิ้มออกมา

ตัวอย่างเช่น เขาไม่สามารถเก็บพืชที่เติบโตบนหน้าผาหรือทรัพยากรที่ถูกคุ้มกันโดยกลุ่มสัตว์อสูร การมอบหน้าที่ให้กับหนอนไหมเขียวเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด การขโมยนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าการต่อสู้

“จิ!” หนอนไหมเขียวลดหัวของมันลงและเริ่มกิน ‘อาหารมื้ดสุดท้าย’ ของมัน

ในวันต่อมา

หลู่ชิงอี้ก็มาหาเขาอีกครั้ง

นางนำเอกสารประจำตัวที่แสดงถึงสถานะของซืออวี๋ในฐานะสมาชิกสำรองของสำนักที่สิบเอ็ด

ในขณะเดียวกัน นางยังมอบบัตรธนาคารที่มีเงิน 10 ล้านหยวนให้แก่ซืออวี๋ สำหรับจดหมายแนะนำของศูนย์ฝึกศิลาไผ่นั้นไม่เป็นอะไรเลยเมื่อเทียบกับสองอย่างแรก

“ด้วยใบรับรองนี้ เจ้าสามารถมีอำนาจในการสำรวจซากปรักหักพังส่วนใหญ่ได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น เจ้าสามารถเข้าสู่ซากปรักหักพังผิงเฉิงได้โดยตรงด้วยการใช้มัน”

“สำหรับซากปรักหักพังมังกรน้ำแข็งบนภูเขาหิมะ… อืมม ข้าแนะนำว่าเจ้าควรมีความสามารถในระดับมืออาชีพก่อนที่จะสำรวจที่นั่น มิฉะนั้น ต่อให้เจ้าสวมชุดกันความเย็น ร่างกายของเจ้าก็ทนไม่ไหวอย่างแน่นอน”

“มีผู้คุ้มกันไหม?” ซืออวี๋เอ่ยถาม

“เจ้าสามารถรับสมัครผู้คุ้มกันสำหรับซากปรักหักพังมังกรน้ำแข็งได้ แต่ไม่ใช่สำหรับซากปรักหักพังนี้ ข้าเคยกล่าวแล้วว่าซากปรักหักพังนี้ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นจึงน่าเสียดายที่เจ้าไม่สามารถทำได้” หลู่ชิงอี้ยิ้มออกมา

เปลือกตาของซืออวี๋กระตุก “ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นภายในซากปรักหักพังนี้กันล่ะ? เจ้าบอกข้าตรงๆ ก็ได้”

รูปปั้นหินที่แตกร้าวยังคงรอคอยให้เขาฟื้นฟูความจริง แต่หากมันอันตรายเกินไป เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำมันในครั้งต่อไป

“หากข้าบอกเจ้าล่วงหน้าคงไม่มีอะไรเสียหาย”

“ต้นกำเนิดของซากปรักหักพังอาณาจักรลึกลับก็คือมิติฝึกสัตว์อสูรของนักฝึกสัตว์อสูร เจ้ารู้เรื่องนี้ใช่ไหม?”

ซืออวี๋พยักหน้า

“อย่างแรก มิติในซากปรักหักพังนี้ไม่ค่อยเสถียรมากนัก จากการทดสอบ มีเพียงนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ หากระดับของนักฝึกสัตว์อสูรสูงเกินไป มิติของนักฝึกสัตว์อสูรในซากปรักหักพังก็จะมีการปฏิเสธทางมิติ”

“แน่นอนว่าเรายังสามารถบังคับพัฒนามันได้ แต่นั่นก็อาจทำให้มิติพังทลายลงได้อย่างง่ายดาย นั่นไม่คุ้มค่าเลย ท้ายที่สุด สิ่งที่มีค่ามากที่สุดก็คือตัวซากปรักหักพังนั้นเอง”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น มิฉะนั้น สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงคงไม่เตรียมตัวให้นักฝึกสัตว์อสูรจำนวนมากเข้าสู่ซากปรักหักพังที่สำคัญเช่นนี้” ซืออวี๋เอ่ยออกมา

“ถ้าเช่นนั้น ซากปรักหักพังนี้เป็นซากปรักหักพังประเภทการท้าทาย มันควรถูกปรับแต่งโดยนักฝึกสัตว์อสูรผู้นั้นหลังจากถูกสร้างขึ้นมา จุดประสงค์ของมันก็คือเพื่อฝึกฝนนักฝึกสัตว์อสูรรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์พวกเขาเอง”

“หลังจากที่นักฝึกสัตว์อสูรเข้าไป พวกเขาจะถูกสุ่มไปยังสภาพแวดล้อมอิสระ ไม่มีใครสามารถพบกันได้ ร่างโคลนสัตว์อสูรธาตุจะปรากฎขึ้นในสภาพแวดล้อมนั่น มีเพียงการเอาชนะพวกมันเท่านั้น พวกเขาถึงจะสามารถเข้าสู่สภาพแวดล้อมต่อไปได้”

“มันคล้ายกับระดับการท้าทายเล็กน้อย ในตอนนี้ มีนักฝึกสัตว์อสูรจากกองกำลังนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงได้เข้าไปสำรวจแล้ว แต่สำหรับผลลัพธ์การต่อสู้…” หลู่ชิงอี้ส่ายหัวของนาง

ความแข็งแกร่งของนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิงยังคงอ่อนแอเกินไป แม้ว่าสัตว์อสูรระดับเหนือธรรมชาติจะไม่ปรากฎในซากปรักหักพังนี้ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถกวาดล้างมันได้เลย

หากมีนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดบางคนมาจากเมืองใหญ่ พวกเขาจะสามารถค้นพบความลับของซากปรักหักพังได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ซากปรักหักพังนี้ปรากฎขึ้นในเขตผิงเฉิง ลำดับของการสำรวจควรเป็นของเขตผิงเฉิง ต่อจากนั้นก็จะเป็นของเขตอื่นในเมืองทุ่งน้ำแข็ง แต่หากยังไม่สามารถถอดรหัสได้ ในตอนท้าย หลายเมืองก็จะพยายามสำรวจมันร่วมกัน

“ข้างในอันตรายไหม?” ซืออวี๋กล่าวคำถามที่เขากังวลมากที่สุด

“ตามที่มีการบอกเล่ามา สัตว์อสูรธาตุเหล่านั้นสนใจแค่การเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกมันเท่านั้น ไม่สนใจการสังหารพวกเขา แต่หากผู้ท้าทายนั้นอ่อนแอเกินไปก็อาจมีอันตราย”

“เดี๋ยวก่อน ข้าจะมอบหมายเลขคำเชิญให้แก่เจ้า เงินทุนเริ่มต้นสิบล้านหยวนของเจ้าสามารถซื้อทรัพยากรบ่มเพาะผ่านที่นี่ได้ เจ้ายังได้รับส่วนลดด้วยเช่นกัน”

“ใช้ซากปรักหักพังนี้และเงินสิบล้านหยวนนี้อย่างสมเหตุสมผล และไปที่ศูนย์ฝึกศิลาไผ่เพื่อเรียนรู้สักพักหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถกลายเป็นนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพได้ในไม่ช้า”

“ไม่ว่ายังไง อย่าสนใจซากปรักหักพังมังกรน้ำแข็งเลย สนใจแค่ซากปรักหักพังใหม่ก็พอแล้ว”

ซืออวี๋กล่าวว่า “มันยังฟังดูอันตรายเล็กน้อย… อสูรกินเหล็กของข้าอยู่เพียงระดับปลุกตื่นขั้นห้าเท่านั้น และนักฝึกสัตว์อสูรในกลุ่มชนชั้นสูงเหล่านั้นที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้สามารถเอาชนะมันได้ แม้ว่าข้าจะไป มันก็ไร้ประโยชน์”

“หากเจ้าต้องการตรวจสอบประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเมืองทุ่งน้ำแข็ง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จในทันที ควรมีเงื่อนงำบางอย่างในทุกสภาพแวดล้อมอิสระ พรสวรรค์การฟังของเจ้าควรมีประโยชน์มากเมื่อถึงเวลานั้น” หลู่ชิงอี้กล่าวเสริมว่า “ท้ายที่สุด ซากปรักหักพังนี้ปรากฎขึ้นมาเพราะเจ้า แน่นอนว่า… เจ้าควรมีความสามารถขั้นพื้นฐานในการป้องกันตัวเอง”

“การเรียนรู้สองทักษะใหม่ของอสูรกินเหล็กของเจ้าที่ศูนย์ฝึกศิลาไผ่น่าจะเพียงพอแล้ว การพึ่งพาทักษะการเคลือบแข็งเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องยากมากเกินไป”

“ตกลง” ซืออวี๋พยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นก็ฝึกต่อไปอีกสักพักหนึ่ง”

เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปโดยตรงด้วยตัวตนสมาชิกของสำนักที่สิบเอ็ด ท้ายที่สุด การทำเช่นนั้นไร้ประโยชน์มาก และเขายังจะได้รับความสนใจที่ไร้ความหมายมากขึ้น

ตามที่คาดไว้… เขาควรเข้าร่วมในการทดสอบของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรก่อน การเข้าไปในซากปรักหักพังผ่านช่องทางนี้นั้นทำให้เขาสบายใจมากขึ้น

เกณฑ์การผ่านการทดสอบนี้ควรหมายความว่าเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างปลอดภัยในซากปรักหักพัง

หากเขาไม่แม้แต่จะสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ในการทดสอบนี้ เขาก็ไม่ควรจะไปซากปรักหักพังเช่นกัน ชีวิตของเขานั้นสำคัญกว่า

ซืออวี๋ค่อยๆ วางแผนสำหรับตัวเขาเอง จากนั้น เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

บัดซ* เขากล่าวว่าเขาจะไม่แตะต้องซากปรักหักพังในชีวิตนี้ไม่ใช่เหรอ? ความควาดหวังและความตื่นเต้นนี้มันคืออะไรกัน…?

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน

Link : https://www.facebook.com/translatemoth

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด