ตอนที่แล้วบทที่ 27 การฟังเสียงของประวัติศาสตร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 ความอบอุ่นจากชุมชน

บทที่ 28 เมืองทุ่งน้ำแข็งสั่นสะเทือน


ปฎิทินพันธมิตร เดือนกรกฎาคม ปีที่ 177

ความผิดปกติเมื่อไม่นานมานี้ของสัตว์อสูรบนภูเขาหิมะทำให้สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเมืองทุ่งน้ำแข็งตื่นตัวมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักฝึกสัตว์อสูรหลายคนของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิงนั้นได้เข้าสู่สถานะพร้อมต่อสู้แล้ว

สิบปีก่อน คลื่นสัตว์อสูรได้ทำร้ายเขตผิงเฉิงอย่างหนักหน่วง หลายฝ่ายในเมืองทุ่งน้ำแข็งได้ใช้กำลังคนและทรัพยากรมหาศาลเพื่อสร้างเขตผิงเฉิงขึ้นมาใหม่ คราวนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้สัตว์อสูรผ่านกำแพงเมืองและเริ่มการทำลายล้างอีกครั้ง

ในสถานะนี้ นักฝึกสัตว์อสูรไวต่อความวุ่นวายภายนอกอย่างมาก

บูม!

ในระหว่างเวลาฉุกเฉินดังกล่าวก็ได้มีการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่จากท้องฟ้าเหนือเขตผิงเฉิง ทำให้หัวใจของนักฝึกสัตว์อสูรบางคนสั่นไหว

“บัดซ* คลื่นสัตว์อสูรกำลังโจมตีเมืองเหรอ?”

“ทำไมถึงไม่มีข่าวอะไรเลยล่ะ?”

“มองในแง่ดีสิ มันอาจเป็นแค่แผ่นดินไหว”

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เสียงนั้นดังอย่างมาก ไม่ใช่แค่นักฝึกสัตว์อสูร แม้กระทั่งคนธรรมดาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

ทุกคนเดินออกมาจากบ้านโดยไม่รู้ตัวและมองออกไปข้างนอก

อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงแค่การสั่นสะเทือนที่เสียงดัง หลังจากนั้นก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอื่น

ที่ชั้นบนสุดของสำนักงานใหญ่สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิง

ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทายืนอยู่ที่นั่น เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ดูราวกับกระจกและจมอยู่ในห้วงความคิดลึก

“ท่านประธาน เมื่อสักครู่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“สมาคมในเขตอื่น และเขตอื่นก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติเช่นกัน”

ประตูชั้นบนสุดเปิดออก และเลขาตัวสูงใหญ่ก็เดินเข้ามาอย่างกระวนกระวาย ผลกระทบขอความวุ่นวายในเมืองทุ่งน้ำแข็งนั้นมากมายอย่างไม่คาดคิด

แม้แต่พื้นที่อื่นก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอันเล็กน้อย

ประธานในชุดสูทสีเทากล่าวว่า “ข้าเพิ่งเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์นี้มาก่อน ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นเดียวกับที่ข้าคาดเดาไว้หรือไม่…”

“ถึงกระนั้น มันก็อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็ได้”

ทั้งเมืองทุ่งน้ำแข็งสั่นสะเทือนในระดับที่แตกต่างกัน แม้แต่การเปลี่ยนแปลงที่นี่ก็ค่อยๆ แพร่กระจายออกไปยังเขตอื่น

ในขณะนี้ ซืออวี๋ผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้กลับบ้านมาอย่างกระวนกระวายใจ เขาสวมผ้ากันเปื้อนและเริ่มรับกินข้าว

“อีเลฟเว่น กินเยอะๆ”

“รีบโตนะ โลกใบนี้แปลกประหลาดมาก เจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องพวกเรา”

“อู๋…?” อสูรกินเหล็กน้อยรับกองไผ่มาด้วยสีหน้าว่างเปล่า

แม้ว่ามันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้ซืออวี๋ก็ใจกว้างอย่างน่าประหลาดใจ

ยอดเยี่ยม!

ที่บ้าน ซืออวี๋ไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอก แต่ในขณะที่เขาฟังคำกล่าวของผู้คนที่เดินผ่านไปมา เขาก็รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ไม่เรียบง่ายเลย

ความโกลาหลนั้นใหญ่เกินไป

อ่าา ซืออวี๋ เจ้าปากพล่อยมาก!

ทำไมเจ้าถึงคุยกับหินล่ะ?

ตอนนี้มีบางอย่างผิดปกติ

ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซืออวี๋จึงตัดสินใจที่จะอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง

นอกเหนือจากการซื้อยาและของใช้แล้ว เขาก็ไม่ได้ไปที่อื่นเลย

“จิ…”

เมื่อซืออวี๋ตัดสินใจได้ เสียงร้องก็ดังมาจากต้นพลับข้างเขา

เมื่อหนอนไหมเขียวในกรงเห็นว่าวันนี้ซืออวี๋ให้อาหารที่แสนอร่อยมากมายกับอสูรกินเหล็ก มันก็ร้องออกมาด้วยความหิวโหยโดยทันที

“เจ้าควรกินเยอะๆ เช่นกัน”

“เมื่อเจ้าตัวอ้วนขึ้น เจ้าก็สามารถพ่นไหมได้มากขึ้น”

จากนั้นซืออวี๋ก็ได้นำใบไม้มาให้กับหนอนไหมเขียว ในที่สุดมันก็เห็นอาหารบางอย่าง มันกินอย่างเอร็ดอร่อย

อาหารของหนอนไหมเขียวทำง่ายกว่าอีเลฟเว่นมาก

“เฮ้อ ข้าเตรียมข้าวเย็นให้กับพวกเขาแล้ว นอนก่อนละกัน… มันเป็นวันที่เหนื่อยมาก”

หลังจากการสอนสุดยอดการมองเห็นเมื่อวานนี้ เขาก็ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันทำให้เขาท้อแท้

เขาวางแผนที่จะนอนก่อน พรุ่งนี้อาจเป็นวันที่มีความหวัง

หลังจากที่เขาฟื้นตัว เขาก็จะสอนทักษะให้แก่อีเลฟเว่นมากขึ้นและเพิ่มพลังต่อสู้ของมันอย่างรวดเร็ว!

[เผ่าพันธุ์] : อสูรกินเหล็ก

[คุณสมบัติ] : โลหะ

[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติขั้นกลาง

[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นห้า

[ทักษะ] : การเคลือบแข็ง (ชำนาญ) การรักษาความเร็วสูง (เริ่มต้น) สุดยอดการมองเห็น (เริ่มต้น)

ในปัจจุบัน สถานะของอีเลฟเว่นยังคงเป็นที่น่าพึงพอใจมากสำหรับซืออวี๋ ในบรรดาทักษะทั้งหกที่เขารวบรวมมา ยังมีการปราบปรามและการหลับลึกที่เขาไม่เคยสอน

ทั้งสองทักษะนี้เป็นทักษะระดับสูง ดังนั้นการใช้พละกำลังจึงต้องมหาศาลอย่างแน่นอน ซืออวี๋วางแผนที่จะรอสักพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจ…

ต่อไปควรจะเป็นการเพิ่มความเชี่ยวชาญทักษะ

ในวันต่อมา ซืออวี๋ก็ฟื้นตัว

เพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทั้งหมดอย่างคุ้มค่า เขาจึงปล่อยหนอนไหมเขียวออกจากกรงและมอบภารกิจให่แก่มันซึ่งมีสีหน้าสบสัน

“วันนี้เจ้าต้องรับผิดชอบการฝึกฝนอีเลฟเว่น”

“คู่ซ้อมที่ดีจะได้รับอาหารมากขึ้น”

ซืออวี๋ได้แบ่งลานบ้านออกเป็นสองส่วน หนอนไหมเขียวครองด้านหนึ่ง ในขณะที่อีเลฟเว่นครองอีกด้านหนึ่ง

หลังจากไหมหนอนของหนอนไหมเขียวถึงระดับช่ำชองแล้ว ไหมหนอนนี้ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างแล้ว

ตัวอย่างเช่น รังสีไหมหนอน

เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับหนอนไหมเขียวที่ควบแน่นไหมหนอนยาวประมาณหนึ่งนิ้วและยิงมันออกไปราวกับลูกศรซึ่งคล้ายกับอาวุธลับ

แม้ว่าด้วยพลังในปัจจุบันของมัน มันจะไม่สามารถเจาะทะลุชุดที่ซืออวี๋ซื้อมาจากแผงลอยข้างถนนได้ แต่ความเร็วของมันก็น่าพึงพอใจ ไหมหนอนพุ่งออกไปราวกับจรวด

นอกจากนี้ หนอนไหมเขียวที่เชี่ยวชาญไหมหนอนยังสามารถยิงได้อย่างต่อเนื่อง ยิงไหมหนอนราวกับห่าฝนธนู

เห็นได้ชัดว่าซืออวี๋จัดการมันในวิธีนี้เพราะเขาต้องการใช้ประโยชน์จากไหมหนอนเพื่อให้อีเลฟเว่นฝึกฝนสุดยอดการมองเห็น

ไม่ว่าจะเป็นการหลบกระสุนความเร็วสูงที่มีขนาดเล็กและไม่เด่นชัด หรือการตัดสินใจถึงจุดที่หลบได้อย่างแม่นยำ มันก็เป็นวิธีการฝึกฝนที่ดีสำหรับอีเลฟเว่นที่ต้องเคลือบแข็งบางส่วนล่วงหน้า

ที่สำคัญที่สุด… ความเสียหายก็เล็กน้อยมาก!

ซืออวี๋รู้ว่าสติปัญญาของหนอนไหมเขียวไม่สูงมากนัก ดังนั้นเขาจึงพยายามเพื่อสื่อสารกับมันผ่านกระแสจิต เขายังยกตัวอย่างให้แก่มัน

หนอนไหมเขียว : @.@

ในท้ายที่สุด ซืออวี๋ไม่รู้ว่ามันเข้าใจหรือไม่ แต่อีเลฟเว่นเข้าใจแล้ว

“อู๋—”

อีเลฟเว่นรู้สึกชัดเจนว่านี่เป็นวิธีการฝึกฝนที่ดี

มันดึงหนอนไหมเขียวออกมาและให้หนอนไหมเขียวฝึกฝนกับมัน

หนอนไหมเขียวจะนอนในกรงทุกวันได้ยังไงกัน?

ความหมายของชีวิตก็คือการฝึกฝน มาฝึกฝนด้วยกันเถอะ

“จิ…”

หนอนไหมเขียวส่งเสียงร้องออกมาอย่างไร้เดียงสา

หลังจากนั้น ซืออวี๋ก็ออกไปซื้อของใช้ด้วยรอยยิ้ม ในระหว่างนั้น เขาก็สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อวานนี้

แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีการกล่าวว่ากิจการหลายอย่างของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิงได้ถูกระงับและถูกปิดไว้

ตอนนี้เขาไม่สามารถทำภารกิจเช่นการกำจัดหนูดินได้แล้ว

ซืออวี๋ตื่นตระหนกเล็กน้อย หากรูปปั้นหินในสวนแตกร้าว มันคงจะถูกสังเกตเห็นอย่างแน่นอน…

แต่ในท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้ลอยมาหาเขาจริงไหม?

ตอนนั้นมีคนไม่มากนักที่อยู่บริเวณนั้น และกล้องก็ไม่เป็นที่นิยมในโลกใบนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรมีใครรู้…

อย่างไรก็ตาม ซืออวี๋ไม่กล้ารับประกัน ท้ายที่สุด นี่เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ

ก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่กล้ามอบตัว เขาทำได้เพียงแค่แสร้งว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ในวันนี้ ประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรจากทุกเขตในเมืองทุ่งน้ำแข็งได้มายังเขตผิงเฉิง

ในหุบเขาแห่งหนึ่งในเขตผิงเฉิง

นักฝึกสัตว์อสูรปรมจมรย์เก้าคนที่มีอายุแตกต่างกันมองไปที่ประตูมิติที่เกิดจากรอยแตกซึ่งแผ่ลงมาจากท้องฟ้า สีหน้าของพวกเขาแสดงความประหลาดใจ

“มันเป็นพื้นที่อาณาจักรลับ”

“อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นพื้นที่ซากปรักหักพังโบราณ” นอกเหนือจากทั้งเก้าคนนี้แล้ว ยังมีคนที่สิบอยู่เช่นกัน

ผู้ที่อายุน้อยที่สุดของนักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์ทั้งเก้าคนนั้นอายุมากกว่าสามสิบปีแล้วเช่นกัน แต่คนที่สิบนั้นยังอายุน้อยมากซึ่งแตกต่างกับพวกเขา

คนที่สิบคือหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าปีซึ่งมีผมสั้นสีน้ำตาล

นางสวมชุดสีขาว กระโปรงสั้นสีดำ และชุดวิจัยสีขาวยาวถึงเข่า ในขณะนี้ สีหน้าของนางดูเย็นชามาก และสีหน้าของนางภายใต้แว่นตาก็ดูจริงจังและมีสมาธิอย่างมาก

“ท่านหลู่ ท่านคิดอะไรอยู่?” คนที่นี่นั้นกล่าวกับนางด้วยความเคารพอย่างมาก

หลู่ชิงอี้กล่าวว่า “ครั้งหนึ่งข้าเคยพยายามถอดรหัสซากปรักหักพังมังกรน้ำแข็ง แต่ข้าล้มเหลว ข้อมูลที่ข้ามีในตอนนี้ยังน้อยเกินไป ข้าไม่เข้าใจความจริงจากสถานที่แห่งนี้เลย”

“เมื่อซากปรักหักพังนี้ปรากฎขึ้นมาแล้ว บางทีสิ่งที่อยู่ข้างในอาจมอบข้อมูลเพิ่มมากขึ้น”

“แต่ไม่ว่ายังไง มีอะไรเกิดขึ้นในเขตผิงเฉิงเมื่อซากปรักหักพังปรากฎออกมาเมื่อวานนี้?”

ประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรของเขตผิงเฉิงกล่าวว่า “รูปปั้นหินโบราณในสวนของสมาคมได้พังทลาย”

“รูปปั้นยักษ์หินเหรอ?”

“ใช่แล้ว”

สีหน้าของหลู่ชิงอี้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่นางได้ตัดสินในหัวใจของนางแล้ว จากลักษณะแล้ว มิติซากปรักหักพังนี้ไม่ได้ปรากฎขึ้นมาโดยบังเอิญ แต่กลับมีคนสัมผัสเสียงสะท้อนของประวัติศาสตร์

มีผู้มีพรสวรรค์กระแสจิตพิเศษที่สามารถ ‘ฟังเสียงแห่งประวัติศาสตร์’ ได้ปรากฎตัวขึ้นหรือไม่?

เป็นใครกัน…?

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน

Link : https://www.facebook.com/translatemoth

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด