ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 136 - ความรัก? ความใคร่? ความปรารถนา?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 138 - รับสมัคร

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 137 - กล่องอุปกรณ์สีทอง


ผ่านเวลาไปสักครู่ เมื่อเธอเหลียวกลับมาอีกครั้ง และเห็นว่าเดวิดยังจ้องมองเหมือนกับกำลังรอคอยคำตอบอย่างจริงจัง ลิสเธอร์ก็ถอนหายใจออกมา “ฉันมาที่นี่ก็เพื่อฝึกฝนเท่านั้น ถ้าหมุนเวียนเลือดในร่างกายเพื่อต่อสู้กับพวกอ่อนแออย่างนี้ มันจะไปเรียกว่าการฝึกฝนได้ยังไง?”

และเหมือนกับว่าเธอจะคิดอะไรขึ้นมาได้ สายตาของเธอจ้องเขม็งอยู่ที่เดวิดอีกสักพัก ก่อนจะหมุนตัวกลับ พร้อมกับพุ่งเข้าป่าลึกไปอย่างรวดเร็ว

เดวิดยังยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตามองตามลิสเธอร์ที่พุ่งหายไปอย่างสับสน ลมหายใจของเขายังถี่รัวอยู่ เดวิดพยายามสงบสติอารมณ์ และความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างลง เขารู้สถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ดี เด็กสาวคนนี้ยังส่งผลกับเขามาเหลือเกิน มากยิ่งไปกว่าตอนที่อยู่ในชั้นเรียนทักษะการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าเดวิดจะยังไม่รู้สาเหตุ หรือผลที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนนัก แต่ถึงตอนนี้ เขาเริ่มวางใจขึ้นได้บ้างแล้ว เพราะดูเหมือนว่าอาการอย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขาคนเดียวเท่านั้น มันส่งผลกับเด็กสาวคนนั้นด้วย ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะมีผลกับพวกเขาทั้งคู่อย่างเท่าเทียมกัน

และเดวิดมีเบาะแสคร่าว ๆ แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่ได้มีความมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองคาดเดาเอาไว้เลยแม้แต่น้อย มันดูไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ก็จะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากเกินไป

หลังจากทำใจให้สงบลงได้แล้ว เดวิดก็กลับมาคิดถึงคำตอบของลิสเธอร์อย่างจริงจัง และเริ่มพึมพำออกมา “ไม่หมุนเวียนเลือดในร่างกายอย่างนั้นรึ? แล้วจะไปมีแรงโจมตี จะมีแรงไปต่อสู้ได้อย่างไร?” ในความคิดของเขา ‘นี่มันหาที่ตายชัด ๆ’ มีแค่ประโยคนี้ผุดขึ้นมาเท่านั้น

แววตาของเขานั้นมีความกังวลฉายออกมาอย่างชัดเจน เมื่อคิดออกมาได้อย่างนั้น เดวิดเงยหน้ามองตามไปในทิศทางที่ลิสเธอร์พุ่งตัวไปอีกครั้ง ก่อนที่จะก้มหน้าลงคิดอย่างถ้วนถี่

ด้วยการเทคนิคการฝึกฝนที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายอย่างถาวร สไปรเยอร์ทุกคนจะมีแข็งแรงกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไปมาก ร่างกายของเดวิดในตอนนี้ สามารถต่อสู้กับสัตว์ร้าย หรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับสีดำขั้นต่ำได้โดยไม่เสียเปรียบมากนัก แต่ถ้าเขาไม่กระตุ้นให้เลือดในร่างกายสูบฉีดเป็นพิเศษ ปฏิกิริยาในการตอบสนองจะลดลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ความแข็งแกร่ง และความเร็วจะลดลงมากไปกว่านั้นอีก และที่สำคัญที่สุด เขาจะไม่สามารถใช้ทักษะการต่อสู้อะไรได้เลย ไม่ว่าจะเป็นลูกเตะพายุหมุน หรือหมัดเพลิงพิโรธ นั่นจะทำให้เขาจัดการกับศัตรูได้อย่างยากลำบากแน่นอน เพราะเขาจะไม่มีการโจมตีที่รุนแรงเพียงพอเลย จะกลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่แข็งแรงเป็นอย่างมากเท่านั้น

ถ้าเป็นในโลกใบเดิมของเขา เดวิดน่าจะเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในโลกแล้ว ด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบันของเขา มันน่าจะแข็งแรงมากกว่าคนที่ฝึกฝนมาอย่างดี 2-3 เท่าเลยทีเดียว แต่นั้นมันไม่ใช่กับโลกใบนี้ ถ้าเขาไม่หมุนเวียนเลือดเพื่อเพิ่มพลัง บางทีเขาอาจจะทำอะไรในโลกนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่ทำให้เดวิดสับสนและไม่เข้าใจมากที่สุด คือเขาไม่เห็นประโยชน์ของการเสี่ยงต่อสู้โดยใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ยกเว้นเสียแต่ว่า! มันจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่!! ‘ใช่! มันต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่แน่’ ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา เมื่อนึกย้อนกลับไปนึกถึงท่าทางของลิสเธอร์ตอนที่ตอบคำถามนี้ ดูเหมือนเธอจะลังเล และไม่อยากจะเอ่ยออกมาเท่าไรนักเลย

เดวิดนั้นเข้าใจถูกแล้ว! แต่เขานั้นไม่รู้ถึงความสำคัญ และมูลค่าของข้อมูลที่ตัวเองเพิ่งคาดเดาออกมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว เหตุผลที่ลิสเธอร์นั้นใช้เวลานานมาก ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกเขาออกมาอ้อม ๆ อย่างนั้น มันเป็นเพราะว่า ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นมีค่าอย่างมหาศาล และตัวเธอเองก็ไม่ได้มันมาอย่างฟรี ๆ เหมือนกัน นั่นทำให้ตอนแรก ลิสเธอร์มีความลังเลที่กล่าวออกมาพอสมควรทีเดียว

แต่เมื่อเธอคิดอย่างรอบคอบแล้วว่า ข้อมูลนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ บุคคลที่ได้รับรู้มัน มีเทคนิค หรืออุปกรณ์ที่สามารถควบคุมอัตราการไหลเวียนเลือดไม่ให้เพิ่มขึ้นเองได้ด้วย ลิสเธอร์จึงตัดสินใจกล่าวออกมาบางส่วน เพราะไม่คิดว่าเดวิดจะสามารถใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้ เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นคิดผิด!

“อึ้ย!!”

เสียงของเดวิดร้องออกมาอย่างกะทันหัน อาการปวดหัวจากการใช้ความคิดมากเกินไปตามมาหลอกหลอนอีกครั้ง “ให้ตายสิ! นี่สมองของฉันยังปรับตัวไม่ได้อย่างสมบูรณ์อีกหรือยังไงนะ?”

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ ออกไปจากสมองให้หมด แต่นั่นกลับทำให้เดวิดนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แทน

เขารีบล้วงลงไปในกระเป๋าเป้ และหยิบเอาอุปกรณ์ไฮเทคที่ยึดมาได้จากนักเรียนตัวอ้วนก่อนหน้านี้ออกมา มันเป็นเข็มทิศ หรืออุปกรณ์นำทางอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเปิดการทำงานของมันขึ้น ก็พบว่ามีภาพโฮโลแกรมเป็นหัวลูกศรปรากฏขึ้น 3 อัน ชี้ไปในทิศทางที่ต่างกัน

ลูกศรอันหนึ่งชี้ไปตามเส้นทางที่ลิสเธอร์เพิ่งเดินทางจากไป ส่วนอีก 2 อันชี้ออกไปในทิศทางที่ตรงข้ามกัน

เดวิดกระพริบตาของตัวเองถี่ ๆ ก่อนจะพึมพำออกมา “ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก และตกทางตะวันตก” แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว

“ไม่! ไม่ใช่! ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก และตกทางทิศตะวันออกต่างหาก” เขาหยุดเสียงพึมพำของตัวเองลง กวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่ใกล้ ๆ จริง ๆ ก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ช่างมันเถอะ!” เขาพึมพำออกมาเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนที่จะตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางทิศที่ลูกศรชี้ไปทางหนึ่ง แน่นอนว่าไม่ใช่ทิศที่ลิสเธอร์เพิ่งเดินจากไปเลย

ถึงแม้ว่าในใจลึก ๆ แล้วเดวิดอยากจะอยู่ใกล้ ๆ กับเธอ อยากจะเห็นหน้าเธออีกครั้ง แต่เขาก็รู้ตัวดี ว่านี่ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเลย เขายังไม่อยากพาตัวเองเข้าไปสู่กองไฟเร็วขนาดนั้น

ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีโอกาสที่เขาจะตามตื้อเธอได้สำเร็จ แต่เมื่อคิดจากบุคลิกของลิสเธอร์ การจู่โจมที่รวดเร็ว และรุนแรงเกินไป อาจจะส่งผลเป็นทางตรงข้ามเสียมากกว่า เดวิดไม่อยากที่จะเสี่ยงในตอนนี้

เขาเลือกทิศทางขึ้นมาอย่างสุ่ม ๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

.....................

การเคลื่อนไหวของฟิลลิดาคล่องแคล่วและรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เธอก็สามารถเคลื่อนตัวเข้าไปถึงกล่องอุปกรณ์ที่กำลังส่องประกายเป็นสีทองออกมาได้แล้ว

ท่วงท่าลีลาของเธอนั้นราวกับเป็นนักกีฬาปาร์กัวร์ หรือฟรีรันนิ่งไม่มีผิด แถมยังเป็นนักกีฬาระดับเหรียญทองเสียด้วย การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และพุ่งทะยานข้ามอาคารแต่ละหลังไปนั้น เหมือนมีการวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี มันราบรื่นว่องไว ราวกับเป็นการวิ่งอยู่บนพื้นราบเท่านั้น

ดูเหมือนว่าทักษะที่ฟิลลิดาฝึกฝน จะมุ่งเน้นไปที่ความเร็ว กระบวนท่า และสมาธิอย่างครบถ้วน

ตามปกติแล้ว ทักษะการต่อสู้ระดับสีน้ำตาลเกือบทั้งหมด จะมีเทคนิคการเคลื่อนไหวรวมอยู่ในนั้นด้วย และทักษะผีเสื้อสะบัดปีกนี้ ฟิลลิดาสามารถฝึกฝนจนบรรลุได้ถึงระดับขัดเกลาแล้ว ไม่แปลกเลยที่เธอจะสามารถมีการเคลื่อนไหวได้อย่างไร้ที่ติแบบนี้ มันเหมือนกับว่าเธอคือผีเสื้อที่ร่ายรำอยู่กลางอากาศก็ไม่ปาน

ถึงแม้ว่าเอเวียนจะมีระดับความแข็งแกร่งของร่างกายที่เทียบเท่ากับฟิลลิดา แต่ดูเหมือนว่าเทคนิคการเคลื่อนไหวของเธอนั้นจะเสียเปรียบในสถานการณ์แบบนี้

ในขณะที่ทักษะของฟิลลิดาเน้นที่ท่าร่าง ความคล่องตัว และความยืดหยุ่นของร่างกายเป็นหลัก ทักษะของเอเวียนกลับเน้นที่การระเบิดความเร็วอย่างฉับพลัน ซึ่งมันค่อนข้างไร้ประโยชน์ เมื่อต้องมาแข่งขันกันในซากปรักหักพัง มีสิ่งกีดขวางมากมายแบบนี้

และนั่นทำให้เอเวียนได้แต่มองดูฟิลลิดาวางมือให้กล่องอุปกรณ์สีทองนั่นอ่านข้อมูลจากป้ายประจำตัว ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นเลย

สีหน้าของเธอนั้นเรียบเฉย จ้องมองการเคลื่อนไหวของฟิลลิดาอยู่เงียบ ๆ แต่ในใจของเธอนั่นเริ่มครุกรุ่นด้วยอารมณ์โกรธแล้ว ตั้งแต่ต้น เอเวียนสังหรณ์มาตลอดว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเพิ่งแน่ใจในตอนนี้เองว่า ทั้งหมดนี้เป็นแผนการที่วางเอาไว้แล้วของฟิลลิดา

แต่แล้วแววตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างฉับพลัน.. เรื่องมันไม่ได้จบง่าย ๆ อย่างนี้แน่..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด