ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 121 - ถังพลังงานระดับสีน้ำตาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 123 - โทสะมังกร! ปะทะ โล่พลังงาน!

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 122 - หายสนิท


ร่างกายของเขาในตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่เหลือล้น จนเดวิดคิดมั่นใจไปเองเลยว่า เพียงแค่เขากระทืบเท้าลงไปเท่านั้น โลกใบนี้จะต้องแตกเป็น 2 เสี่ยงอย่างแน่นอน พลังนั้นซึมซาบลงไปถึงกระดูกของเขาเลยด้วยซ้ำ กล้ามเนื้อและผิวหนังที่พองโป่งก่อนหน้านี้ ยุบตัวกลับมาอยู่ในสภาพปกติเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความรู้สึกอึดอัดอะไรเหลืออยู่อีกเลย

เมื่อตรวจสอบให้ละเอียดลงไปอีก จะพบว่าความเสียหายของเส้นเลือดภายในร่างกายได้รับการเยียวยา แม้แต่รอยปริแตกเล็กน้อยก็กลับคืนตัวมาทั้งหมด เส้นเลือดได้รับการขยายขนาดขึ้นอีกเล็กน้อย พร้อมกับความรู้สึกว่าผนังของเส้นเลือดเหล่านี้เหนียวและยืดหยุ่นขึ้นเป็นอย่างมาก การหมุนเวียนของเลือดนั้นราบลื่นและเป็นธรรมชาติ ปริมาณเลือดที่ส่งผ่านไปมาในแต่ละครั้งก็เพิ่มขึ้นอย่างรู้สึกได้ นั่นทำให้การส่งถ่ายพลังงานเป็นไปได้รวดเร็วมากขึ้นด้วย

ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งและเหนียวแน่นมากขึ้น เดวิดคิดว่าในครั้งต่อไปที่ใช้ทักษะเสริมพลัง 3 ชั้นออกมา เขาน่าจะทนทานได้โดยที่ร่างกายไม่ได้รับความเสียหายนานกว่าเดิมมาก

กล้ามเนื้อหัวใจก็แข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ มันทำงานได้อย่างราบรื่นราวเหมือนกับรถที่เพิ่งได้รับการยกเครื่องมาใหม่ไม่มีผิด ความแข็งแกร่งโดยรวมของเดวิดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากการประมาณอย่างคร่าว ๆ ของเขา ถ้าต้องต่อสู้กับชายชราคนเดิมอีกครั้ง เขาไม่ต้องคิดวางแผนหาวิธีอะไรให้วุ่นวาย หรือใช้วิธีที่น่าอายอย่างการใช้พิษแล้ว เดวิดจะสามารถรับมือกับผีดูดเลือดตนนั้นได้อย่างตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่เดวิดทำการปลดล็อคต่อมไร้ท่อได้โดยบังเอิญแล้ว ต่อไปในอนาคต เขาสามารถกระตุ้นสภาวะตื่นตัว บังคับให้ร่างกายสร้างอะดรีนาลีนออกมาได้ตามใจนึก แม้ว่ามันอาจจะใช้ได้เพียงระยะเวลาที่ไม่นานมากเท่านั้น

แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับการจัดการกับชายชราได้แล้ว

หลังจากสำรวจร่างกายของตัวเองจนพอใจแล้ว เดวิดก็เริ่มแต่งตัว ชุดของเขาในตอนนี้เรียบง่ายเป็นอย่างมาก ท่อนบนมีเพียงเสื้อกั๊กบาง ๆ เท่านั้น ในขณะที่ท่อนร่าง เป็นกางเกงที่ขาดวิ่นตัวเก่งตัวเดิมของเขานั่นเอง ทั้งเนื้อทั้งตัวของเดวิด มีเสื้อผ้าอยู่เพียงเท่านี้แล้ว อ้อ! ยังมีกระเป๋าเป้อยู่อีก 1 ใบด้วย

เดวิดกวาดตามองสำรวจไปทั่วห้องอีกครั้ง พบว่ายังมีโต๊ะขนาดเล็กวางหลบอยู่ที่มุมด้านหนึ่งด้วย บนโต๊ะมีเครื่องแกว่งหลอดทดลองวางอยู่ พร้อมกับหลอดเล็กที่มีของเหลวใส ๆ 15 หลอดเสียบอยู่ นี่น่าจะเป็นเซรั่มที่เฮเซลตรวจพบจากฐานข้อมูลของระบบนั่นเอง

เมื่อเขาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าของเหลวในหลอดเล็ก ๆ นั่นใสไม่มีสีเลยแม้แต่นิดเดียว การที่เครื่องแกว่งหลอดทดลองไม่ทำงาน และผ่านเวลามาอย่างเนิ่นนาน สิ่งที่อยู่ในหลอดตอนนี้คงกลายเป็นน้ำเปล่าไปหมดแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

เดวิดหันกลับมาดูที่โต๊ะตรงกลางห้องอีกครั้ง กล่องขนาดเล็กยังวางสงบนิ่งอยู่บนนั้น เขาเดาว่าน่าจะเป็นกล่องที่ใช้เก็บรักษาชิ้นส่วนจีโนมที่เฮเซลเอ่ยถึงก่อนหน้านี้เช่นกัน มันมีอยู่ทั้งหมดถึง 12 ชิ้น เขายังไม่มีไอเดียเลยว่ามันควรจะมีมูลค่าเท่าไรกันแน่ แต่ถ้าได้เห็นขนาดชัด ๆ ของมัน ก็คงพอจะประเมินราคาของแต่ละชิ้นได้บ้าง

เขาเดินกลับเข้ามาเปิดกล่องขนาดเล็กนั่นออกดู ภายในมีลูกแก้วสีแดงกล่ำขนาดเล็ก 12 ลูกวางเอาไว้อย่างที่คิดจริง ๆ พวกมันเปล่งประกายจนคล้ายกับเป็นลูกแก้วจริง ๆ ไม่มีผิด ไม่สิ! เหมือนอัญมณีมากกว่า ถ้าวางพวกมันเอาไว้คู่กับทับทิมสีแดงเข้ม การจะแยกพวกมันออกมาด้วยสายตาน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากไม่น้อยเลยทีเดียว

ชิ้นส่วนจีโนมพวกนั้นมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันไป แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เตะตา และดึงดูดความสนใจของเดวิดได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นมัน ด้วยสีที่แดงเข้มกว่าชิ้นอื่น ๆ และประกายที่แวววาวกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ทำให้แม้ว่าจะมีขนาดเหมือนกับทับทิมก้อนเล็ก ๆ มันก็โดดเด่นออกมาอย่างกับพระจันทร์ที่อยู่ท่ามกลางหมู่ดาวไม่มีผิด

เดวิดหยิบมันขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ถึงแม้ว่าเปลือกนอกของพวกมันจะแข็งขึ้นมากกว่าตอนที่รวมตัวกันจากซากของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ใหม่ ๆ แต่พวกมันก็ยังเปราะและแตกง่ายเหมือนแก้วบาง ๆ อยู่ดี

เมื่อถือมันเอาไว้ในมือ เดวิดก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างแปลก ๆ และหลังจากที่ครุ่นคิดอย่างตั้งใจอยู่สักครู่ เขาก็นึกถึงกลิ่นอายของชายชราคนนั้นขึ้นมาได้ มันให้ความรู้สึกที่เหมือนกันไม่มีผิด

ชายชราคนนี้ดูจะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชนเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางที่จะตัดสินใจทำการวิจัย และลงมือทดลองกับตัวเองอย่างเต็ม เพียงเพราะเนื้อหา หรือรหัสทางพันธุกรรมที่บันทึกเอาไว้ในหนังสือยุคโบราณเพียงอย่างเดียวแน่นอน มันต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังในการตัดสินใจของเขาอย่างแน่นอน การเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน กับการทดลองตัดแต่งพันธุกรรมด้วยรหัสที่ยังไม่สมบูรณ์อย่างนี้ ต้องมีแรงจูงใจที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

บางทีแรงจูงใจที่ยิ่งใหญ่นั้น อาจจะอยู่ภายในชิ้นส่วนจีโนมเล็ก ๆ ในมือของเดวิดนี่ก็ได้ บางทีชายชราคนนั้นอาจจะรู้ว่ามันถูกนำมาจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่งก็ได้ เขาถึงได้กล้าเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันขนาดนี้

แต่เดวิดไม่สามารถหาแรงจูงใจอะไรจากมันได้เลย การถือมันอยู่ในมือและจ้องจนมันแทบจะแตกสลายไป ก็ไม่ช่วยให้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับมันเพิ่มขึ้นมาได้เลย วิธีที่ดีที่สุด คือการส่งมันให้กับทางสถาบัน และทำการทดลองทดสอบอย่างละเอียดเท่านั้น ถึงจะพอมีโอกาสรู้เหตุผล และรายละเอียดของจีโนมชิ้นนี้ขึ้นมาได้บ้าง

แต่นี่เป็นวิธีที่เดวิดไม่คิดจะทำอย่างเด็ดขาด เขาไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องราวของที่นี่ให้คนอื่นรับรู้เลยแม้แต่นิดเดียว การเก็บมันเอาไว้เป็นความลับ เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว

“ช่างมัน! เอาไว้มีโอกาสค่อยหาทางดูอีกทีก็แล้วกัน” เดวิดสรุปกับตัวเองง่าย ๆ อย่างนั้น เขาไม่คิดอะไรให้ซับซ้อนปวดหัวอยู่แล้ว เอื้อมมือออกไปหยิบชิ้นส่วนจีโนมทั้งหมดลงไปเก็บเอาไว้ในเป้อย่างระมัดระวัง ชิ้นส่วนจีโนมอื่น ๆ ไม่มีอะไรที่ต้องให้ความสนใจเลย มันเป็นแค่ของมีค่าธรรมดา ๆ เท่านั้น

เมื่อเดวิดนำเป้ขึ้นสะพายหลัง เขาก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเ เพราะมันยังลดขนาดให้แนบกับร่างกายของเขาเป็นอย่างดีเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีลูกแก้วเพิ่มเข้าไปอีก 12 ลูกก็ตาม

หลังจากมองดูรอบห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง และไม่พบว่ามีอะไรน่าสนใจเหลืออยู่อีกแล้ว เขาก็เดินกลับไปที่แท่นลิฟต์ และพาตัวเองกลับขึ้นมาที่ห้องทำงานด้านบนอีกครั้ง

เดวิดเตรียมตัวที่จะออกจากห้องทดลองนี้แล้ว เขาเพียงมองไปที่ร่างอันไร้ลมหายใจของชายชราไม่กี่วินาทีเท่านั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องทำงานนี้ไป โดยไม่ได้มองหันหลังกลับมาอีกเลย

..................

ลมหายใจของลู่ฟงนั้นหนักหน่วงเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ต้องขยับตัวถอยหลังออกมาเรื่อย ๆ พยายามป้องกัน ‘กำปั้นเหล็ก’ ของดรอกฟอร์ดที่โจมตีเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง

จนถึงตอนนี้ ลู่ฟงยังไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เขาไม่เชื่อว่าคน ๆ หนึ่งจะสามารถใช้ทักษะการต่อสู้ได้นานขนาดนี้ และยังใช้ออกมาได้อย่างคล่องแคล่วราวกับเป็นการโจมตีธรรมดาเท่านั้นเลยด้วย

คนที่จะทำอย่างนี้ได้ ต้องมีหลอดเลือดและหัวใจที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากเท่านั้น!

และสิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นไปอีก คือการที่ดรอกฟอร์ดเพียงมีอัตราการหมุนเวียนเลือดสูงกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลับสามารถกดดันจนลู่ฟงไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของลู่ฟงในตอนนี้ เขาสามารถกระตุ้น และใช้งานกงเล็บมังกรดำได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มหมดแรง กล้ามเนื้อและเส้นเลือดในร่างกายจะเริ่มเสียหาย แต่ตอนนี้ดรอกฟอร์ดใช้ทักษะการต่อสู้กำปั้นเหล็กของเขาออกมามากกว่า 10 ครั้งอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยไม่มีอาการเหนื่อยอ่อนออกมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

แม้ว่าลู่ฟงจะรู้ตัวตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าความแข็งแกร่งของตนเองนั้นเป็นรอง แต่เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมากถึงขนาดนี้ ลู่ฟงต้องการใช้การบุกโจมตีโดยไม่ให้ดรอกฟอร์ดตั้งตัว สร้างสถานะที่ได้เปรียบขึ้นมา และพยายามใช้โมเมนตัมนั้นเอาชนะดรอกฟอร์ดไปให้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะพลิกกลับอย่างสิ้นเชิง โมเมนตัมทั้งหมดตกอยู่ในมือของดรอกฟอร์ดอย่างสมบูรณ์ เขาไล่โจมตีลู่ฟงอยู่อย่างเมามัน

การต่อสู้ของนักเรียนที่เหลือกับหญิงรับใช้ของดรอกฟอร์ดนั้นจบลงแล้ว ฝ่ายของลู่ฟงสามารถกำหราบเด็กสาวทั้ง 2 คนเอาไว้ได้ แต่พวกเขาไม่กล้าผลีผลามเข้ามาช่วยลู่ฟงในตอนนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าเอเวียนที่นั่งดูการต่อสู้อยู่ด้านข้าง จะตัดสินใจเข้าร่วมกับการต่อสู้หรือไม่? จึงได้แต่ยืนคุมเชิงอยู่อย่างเดียวเท่านั้น

ลู่ฟงตวาดออกมาอย่างเดือดดาล เข้าพุ่งตัวถอยออกมาให้พ้นระยะการโจมตีของดรอกฟอร์ด ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดออกมา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด