MDB ตอนที่ 328 เกาะจิ๋วในเมืองรี้ด
การมอบหมายความรับผิดชอบของหลินจินมาถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
เจียเฉียนตกตะลึงก่อนที่จะพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
เธอสามารถบอกได้ว่าหลินจินไม่ได้ล้อเล่น เขาตั้งใจจะส่งต่อความรับผิดชอบด้านการจัดการของแผนกพลาธิการให้กับเธอจริง ๆ
นี่เป็นงานที่มีเงินเดือนสูงที่คนนับไม่นับต่างหมายตาในตำแหน่งนี้
แน่นอนว่าหลินจินรู้ว่ามันเป็นตำแหน่งที่สำคัญเช่นกัน แล้วทำไมเขาถึงมอบให้เธอ?
เธอต้องถามมั้ยว่าทำไม?
อย่างไรก็ดี เจียเฉียนไม่คิดจะเอ่ยปากถามหาคำตอบจากหลินจินเลย
ในตอนแรก เมื่อดงเฮอรับผิดชอบแผนกพลาธิการ มันก็จบลงด้วยความยุ่งเหยิงและความโกลาหล ถัดมาเป็นจางโหย่วตู้ แม้ว่าจะมีความสงบเรียบร้อยในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็ยักยอกของในคลัง ทำให้ส่งผลกระทบไปทั้งสมาคม
ผู้จัดการทั้งสองของแผนกที่สำคัญเช่นนี้ได้กระทำการที่น่าละอายพอ ๆ กัน ดังนั้นในฐานะหัวหน้าสมาคม หลินจินจะต้องรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ อย่างที่เขาพูดก่อนหน้านี้ ยังไม่มีผู้ที่เหมาะสมในตอนนี้
นั่นอาจไม่เป็นความจริง บางทีหลินจินอาจไม่ไว้ใจใครอีก
อาจเป็นเพราะความเชื่อใจในตัวเจียเฉียน เขาจึงปล่อยให้เธอเป็นผู้รับความรับผิดชอบหน้าที่ที่สำคัญเช่นนี้ เขาหวังว่าเจียเฉียนจะสามารถสร้างระเบียบขึ้นใหม่ในแผนกที่สำคัญของสมาคมได้
นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อใจเธอมากแค่ไหน
จู่ ๆ เจียเฉียนก็รู้สึกว่าน้ำหนักบนไหล่ของเธอเพิ่มขึ้น
แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอเนื่องจากอาจารย์หลินได้พูดออกไปแล้ว
ตั้งแต่เข้ามาเป็นลูกศิษย์ของหลินจิน เจียเฉียนได้เห็นว่าความสามารถอันเกินความคาดหมายของหลินจินมาโดยตลอด และเขาไม่เคยหยุดทำให้เธอประหลาดใจเลยสักครั้งเดียว
เธอยังเคยได้ยินข่าวลือว่าหลินจินเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ซึ่งทำให้เขาเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติเช่นกัน
เจียเฉียนพอใจมากที่สามารถเรียนรู้ภายใต้ปีกของหลินจิน และเธอคงไม่อาจปล่อยให้โอกาสอันมีค่าเช่นนี้หยุดลอยไป หลินจินได้ช่วยเธอขึ้นมาจากจุดที่ตกต่ำถึงขีดสุด ดังนั้นไม่ว่าเขาจะขออะไรจากเธอ เธอก็พร้อมมอบให้เขาทั้งหมด
หากสิ่งที่หลินจินจะร้องขอ ปลายทางของมันคือหลุมฝังศพของเธอ เธอก็จะยอมรับและทำอย่างเต็มใจ
น่าเสียดายที่ความคิดเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในหัวของหลินจินเลย
หลินจินลงมือจัดการแผนกพลาธิการเพียงเพราะเขารู้เรื่องการฉ้อฉลของจางโหย่วตู้ เขาเลยไม่ได้คิดเผื่อหลังจากนั้นเลย ครั้นจะรับไม้ต่อด้วยตัวเองก็กระอยู่ เนื่องจากเขาไม่เชี่ยวชาญงานด้านธุรการ
เป้าหมายหลักของเขาคือการประเมินสัตว์วิเศษเท่านั้น
...
ในเวลาเดียวกัน ทางตอนใต้ของอาณาจักรมังกรหยกซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองรี้ด
เมืองรี้ดรายล้อมไปด้วยนาข้าวที่อุดมด้วยสารอาหาร โดยมีทะเลสาบและแม่น้ำหลายสายตัดผ่านภูมิประเทศ ตลอดทั้งปี ต้นกกขึ้นปกคลุมทุกตารางนิ้วของเมือง และนั่นคือที่มาของชื่อเมืองนี้
เมืองนี้มีทะเลสาบที่มีชื่อเสียงสามแห่ง และทะเลสาบเก้าเสี้ยวเป็นหนึ่งในนั้น
ทะเลสาบเก้าเสี้ยวเป็นเหมือนแม่น้ำสายยาวที่คดเคี้ยวมากมาย ต้นกกขนาดใหญ่งอกเงยขึ้นบนผิวทะเลสาบกระจายออกเป็นเขาวงกต แม้แต่ชาวประมงที่ตกปลาในทะเลสาบเป็นประจำก็ยังหลงทางในบางครั้ง จึงไม่ค่อยมีใครแวะเวียนไปที่ทะเลสาบเก้าเสี้ยว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ผู้คนมักจะหายตัวไป และจะไม่มีใครพบศพของพวกเขา แม้แต่คนที่หาเลี้ยงชีพก็ยังหลีกเลี่ยงการมาที่นี่
สิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่เหมือนใครคือความจริงที่ว่าไม่มีใครยืนยันได้ว่าทะเลสาบเก้าเสี้ยวนั้นใหญ่แค่ไหน สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะกระแสน้ำที่อันตราย และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเมืองรี้ดถูกปกคลุมไปด้วยหมอกตลอดเวลา แล้วทะเลสาบเก้าเสี้ยวมีหมอกตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงไม่มีใครมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ในขณะนั้น มีเรือไม้ลำหนึ่งแล่นผ่านผืนน้ำที่เหมือนเขาวงกต คนพายเรือยืนเท้าเปล่าที่ท้ายเรือโดยใช้ไม้ไผ่ยาว 9 เมตร ดันเรือไปข้างหน้า เรือไม้ลำเล็กเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและมั่นคงเหนือผิวน้ำ
เนื่องจากทะเลสาบค่อนข้างตื้น ไม้ไผ่เพียงลำเดียวจึงช่วยเคลื่อนที่เรือได้อย่างดี ถ้าลึกกว่านี้คงต้องใช้ไม้พายแทน โชคดีที่เขาพกเครื่องมือทั้งสองมา
คนพายเรือผิวสีแทนเล็กน้อย แขนและขาทั้งสองข้างหนาและแข็งแรง เนื่องจากถูกแดดและฝนอยู่ตลอดเวลา ชายผู้นี้จึงดูมีอายุมากแล้ว ถึงกระนั้นดวงตาของเขาจากใต้หมวกก็มีประกายแวววาว
มีอีกคนหนึ่งนอนอยู่บนเรือ
ชายคนนี้แต่งตัวเหมือนเภสัชกรในชุดคลุมผ้าฝ้ายและรองเท้าหนัง เขามีหนวดเคราที่ยาวสลวย แต่ชายผู้สง่างามตอนนี้ ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวราวกับแผ่นกระดาษ ริมฝีปากเม้มแน่นจนมีเลือดไหลซึมที่มุมปาก เขามีสภาพอิดโรย แม้แต่นั่งลุกนั่งเขายังทำไม่ได้เลย
คนเดินเรือกล่าวว่า “เหลียงเหล่าซาน เจ้าเป็นอะไรไป? ข้าถามเจ้ามาตลอดทาง แต่เจ้าไม่ตอบอะไรข้าเลย ตอนนี้เราใกล้จะถึงสำนักงานใหญ่แล้ว เจ้าน่าจะเริ่มพูดได้แล้วใช่ไหม?”
เสียงแหบแห้งของคนขับเรือกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
เภสัชกรคนนั้นยังคงหลับตาขณะที่เขาตอบอย่างอ่อนแรง “ถึงข้าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป แต่เจ้าอะไรจะเปลี่ยนได้ล่ะ? ข้าโชคร้ายดันไปเจอกับยอดฝีมือ เรารีบกลับไปที่สำนักงานใหญ่บนเกาะเร็วเข้า มีเพียงผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้ ถ้าเป็นไปได้เจ้าช่วยเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ใจ และหยุดถามคำถามมากมายเสียที!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนพายเรือก็หยุดถาม
แม้ว่าข้างหน้าจะมีหมอกหนา แต่เรือก็ยังคงรักษาความเร็วไว้ได้ มันมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ไม่รู้จัก
ทะเลสาบที่เต็มไปด้วยหมอกนั้นอันตรายอย่างยิ่งเพราะไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า หากพวกเขาบังเอิญไปชนเข้ากับหินหรือถูกต้นกกเข้า นั่นจะเป็นการสิ้นสุดการเดินทางของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคนพายเรือจะรู้เส้นทางนี้เป็นอย่างดีในขณะที่เขาแล่นผ่านทะเลสาบได้อย่างปลอดภัย หลังจากผ่านโค้งมากมาย ในที่สุด เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบก็ปรากฏให้เห็น
บางทีแม้แต่ชาวเมืองรี้ดก็ไม่รู้ว่ามีเกาะเล็ก ๆ อยู่ในทะเลสาบด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเกตใกล้ ๆ ก็จะพบว่าเกาะนี้มีความแปลกประหลาด แม้ว่าพื้นเกาะจะดูเหมือนหินขรุขระ แต่หากสังเกตดูดี ๆ ก็จะพบว่า มันไม่ใช่หินแต่เป็นกระดองเต่า ดังนั้นเหตุใดคนพายเรือและกลุ่มของเขาจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า 'เกาะเต่า'
เกาะไม่ใหญ่นัก ค่อนข้างจะเล็กจนน่าใจหาย มันกว้างมากสุดแค่ 90 เมตร แต่มีบ้านมากมายสร้างอยู่ด้านบน
เมื่อเห็นเรือลำหนึ่งกำลังแล่นเข้ามา เงาดำก็เริ่มรวมตัวกันใต้พื้นผิวทะเลสาบ บางตัวดูเหมือนปลา ในขณะที่บางตัวมีรูปร่างที่แปลกประหลาดกว่านั้น พวกมันว่ายวนไปมา กวนน้ำในทะเลสาบราวกับว่าน้ำกำลังเดือด
“หยุดเล่นได้แล้ว เหลียงเหล่าซานกำลังจะตาย รีบแจ้งผู้อาวุโสโจวเร็วเข้า!”
คนพายเรือตะโกน คนไม่กี่คนที่อยู่บนบกสบตากันก่อนที่จะร่ายคาถาเพื่อขับไล่สิ่งมีชีวิตด้านล่างออกไป
ไม่ช้า เรือไม้ก็เข้าเทียบท่า
คนพายเรือช่วยพยุงเหลียงเหล่าซานขึ้นฝั่ง และเมื่อผู้คนที่นั่นรับรู้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์ มีคนอุทานว่า
“เขาคือเหลียงเหล่าซานจริงด้วย ๆ เขาไปทำอะไรมา? ทำไมเขาถึงมีสภาพเยี่ยงนี้?”
“เลิกถามบ้า ๆ ได้แล้ว! รีบอุ้มเขาเข้าไป ข้าไม่คิดว่าเขาจะทนได้นานกว่านี้!”
พวกเขารีบกรูเข้ามาอุ้มเหลียงเหล่าซานเข้าไปข้างในอย่างลนลาน
เกาะนี้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด มีกระดูกและขนของสัตว์วิเศษอยู่ทุกหนทุกแห่ง ถังน้ำบางถังมีเลือดสด ๆ และบ้านที่สร้างขึ้นก็ดูแปลก ๆ สิ่งที่สถานที่นี้มีมากที่สุดคือกรงที่ทำจากกระดูก มีสัตว์ร้ายอย่างน้อยสิบตัวติดอยู่ในกรงแต่ละกรง
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ดูไม่เหมือนสัตว์ป่าทั่วไป เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นสัตว์หายากจากทั่วทุกมุมโลก
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ เหลียงเหล่าซานถูกวางลงบนพื้นโดยมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน ชายสูงอายุสวมมงกุฎสีม่วงทองเดินออกมาจากห้องด้านหลัง เขาแสดงออกอย่างเข้มงวดและมีถุงใต้ตาที่ดำคล้ำ นอกจากนั้นยังมีออร่าสีม่วงเข้มล้อมรอบตัวเขา
ผู้คนในห้องโถงทักทายทันที “ขอคารวะ ผู้อาวุโสโจว!”
“ฮึ่ม!” ผู้อาวุโสโจวตอบรับคำทักทายของพวกเขาด้วยการพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ราวกับว่าเขามีความแค้นต่อทุกคนที่นี่ เขาลดศีรษะลงเพื่อมองไปที่เหลียงเหล่าซาน คิ้วของเขาขมวดหนักขึ้น
“คนอื่นออกไปก่อน!”
ด้วยคำสั่งเดียวก็ทำให้ทุกคนวิ่งไปที่ประตู ในไม่ช้า มีเพียงเหลียงเหล่าซานและผู้อาวุโสโจวเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้องโถง