ตอนที่แล้วCD บทที่ 382 ต่างฝ่ายต่างเหลี่ยมใส่กัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 384 วิธีการที่ไม่ใช่วิธีการ

CD บทที่ 383 ปล่อยให้จินตนาการได้โลดแล่น


จ้าวหยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที เนื่องจากฝันร้ายของเขา เขาหันไปดูนาฬิกาก็พบว่า ตอนนี้เวลาตีสี่ ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดอยู่ มันเป็นคืนที่มืดมิด ไม่มีลม และในบ้านก็อบอ้าว ทำให้เหงื่อออกทั่วทั้งตัว

‘น่ากลัวชะมัด! อย่างที่เขาว่ากันเลย! 'สิ่งที่คุณนึกถึงในตอนกลางวัน คุณจะฝันถึงในตอนกลางคืน' การสืบสวนคดีสุสานโบราณที่มีเหยื่อที่เสียชีวิต มันทำให้ฉันคิดไม่ตกจนเก็บเอาไปฝัน…’ จ้าวหยู่คิด

เขาเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะและลุกจิบน้ำ เขาต้องการเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อกลับไปนอนอย่างสงบ แต่จู่ ๆ เขาก็นึกถึงแจกันสมัยราชวงศ์หมิงที่เขาทิ้งไว้นอกห้องนอน

‘เชี่ย! แจกันนั่นมาจากสุสานใช่มั้ย? หรือว่าฉันจะฝันร้ายเพราะมัน?’ เขาคิดกับตัวเอง

แม้ว่าจ้าวหยู่จะรู้ตัวว่าเขาคิดมากไป แต่เขาไม่สามารถหลับได้เมื่อเขาลงไปนอนบนเตียง

หากเป็นเมื่อก่อน เขาจะอยู่กับต้าเหิง มันช่วยให้เขารู้สึกสบายใจกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่เจียงเสี่ยวเฉินซึ่งอยู่ชั้นล่างได้สอบกลางภาคเสร็จแล้วและพาต้าเหิงกลับไปที่บ้านเกิดของเธอเพื่อไปเที่ยว!

‘ต่อให้ฉันอยากหลับ ก็คงหลับไม่ลงแล้ว!’ เขาคิด

จ้าวหยู่ลุกขึ้นเพื่อตรวจสอบโทรศัพท์ของเขาเพื่อดูว่ามีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสุสานหรือไม่?

หลังจากกวาดตาดูสักพัก เขาก็พบว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าสถานีโม่หยางจะพบสิ่งของที่ถูกขโมย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหาโจรปล้นสุสานได้ ราวกับว่าคนเหล่านั้นหายไปในอากาศ

ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็นึกถึงสมมติฐานของหลี่ซิวเซิง นั่นก็คือเรื่องของเทวรูปทองคำ หากมีเหตุจูงใจมาจากเรื่องนี้ มันก็ยิ่งทำให้คดีที่เรียบง่ายมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ

‘ถ้าอย่างนั้น… ความจริงคืออะไร? มันจะเกี่ยวข้องกับเทวรูปทองคำหรือไม่?’ จ้าวหยู่คิด ‘ถ้าฉันขุดคุ้ยเรื่องของนักโบราณคดีทั้งสามคนอย่างละเอียด ฉันจะได้เบาะแสมาเพิ่มหรือไม่?’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็มีแรงฮึดขึ้นมาทันที เขาล้างหน้าแต่งตัวและไปที่สถานีตำรวจทันทีพร้อมปืน

ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออก ปล่อยแสงสว่างขับไล่ความมืดให้จางหายไป

เมื่อจ้าวหยู่กำลังเดินทางไปสถานีตำรวจ เขาก็จุดบุหรี่เพื่อรับคำทำนายใหม่ เช่นเดียวกับคำกล่าวที่ว่า ‘สิ่งที่ดีมักจะมาหาผู้ที่รอคอย’

ในที่สุด จ้าวหยู่ก็ได้รับคำว่า ‘Gen’ ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว จ้าวหยู่ไม่ได้ใส่ใจคำว่า ‘Kan’ ที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงเลย ตราบเท่าที่เขาได้รับคำว่า ‘Gen’ เขาก็ดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

‘เยี่ยมไปเลย! ในเมื่อวันนี้ได้คำว่า 'Gen' ฉันไปหาเบาะแสกันดีกว่า บางทีฉันอาจสามารถไขคดีในวันนี้เลยก็ได้!’ เขาคิด

แม้จะเป็นตอนเช้าตรู่ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ทำการอยู่ในคลังเก็บอาวุธในสถานีตำรวจ จ้าวหยู่มาคืนรถและปืน จากนั้นก็ไปที่ห้องทำงาน เขาสังเกตเห็นไฟห้องทำงานยังเปิดอยู่ ดูเหมือนว่าน่าจะมีคนเข้าเวรตลอดทั้งคืน

จ้าวหยู่ผลักประตูเบา ๆ และพบว่าห้องยังเงียบ ไวท์บอร์ดสำหรับเขียนความคืบหน้าของคดีที่อยู่ตรงหน้าเขาเพิ่มขึ้นจากหนึ่งเป็นสาม สองอันแรกถูกใช้เพื่อบันทึกคดีฆาตกรรมสุสาน ในขณะที่อีกอันหนึ่งใช้สำหรับบันทึกคดีหญิงสาวในชุดโบราณเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว

หากต้องการเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับเทวรูปทองคำ เขาคงต้องเพิ่มไวท์บอร์ดอันที่สี่

“จ้าวหยู่… เกิดอะไรขึ้น?” ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยจากมุมห้อง เมื่อมองไปทางต้นเสียง เขาก็พบกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ

ผู้กองเหมี่ยว

แต่เขาเห็นว่าเหมี่ยวอิงนอนอยู่บนโต๊ะที่อยู่ห่างจากแสงไฟ เธอดูง่วงนอนมาก

“คุณ… ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?”

เมื่อมองไปที่เหมี่ยวอิงที่เหนื่อยล้า หัวใจของจ้าวหยู่ก็เริ่มเจ็บปวดเพราะเธอ เขาเดินไปอย่างรวดเร็วและถอดเสื้อนอกเพื่อคลุมเธอเอาไว้

“ทำไมคุณมาที่นี่กลางดึก? คุณมีเบาะแสใหม่หรือเปล่า? อืม?” เหมี่ยวอิงไม่สามารถลืมตาได้ เธอพูดทั้งที่ตาเธอแทบจะปิด

"ไม่ไม่!" จ้าวหยู่ลูบหลังของเหมี่ยวอิงเบา ๆ และพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อวิเคราะห์คดี ผู้กองเหมี่ยว ก่อนหน้านี้ฉันนอนมาพอแล้ว คุณดูเหนื่อยมาก ทำไมคุณไม่นอนพักสักหน่อยล่ะ? คุณไปนอนเถอะ ฉันจะดูคดีต่อเอง…”

จ้าวหยู่แตะเธอเบา ๆ สองสามครั้ง และเหมี่ยวอิงก็ผล็อยหลับไป

จ้าวหยู่รอจนกระทั่งเหมี่ยวอิงนอนสนิท และค่อย ๆ ถอยห่างจากโต๊ะของเธอ เมื่อมองไปที่เหมี่ยวอิงในขณะหลับลึก หัวใจของเขาก็เจ็บปวด คดีนี้ทำให้ผู้หญิงแกร่งอย่างเธอต้องลำบาก หลายสถานีกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เธอคงรู้สึกกดันที่ต้องแบกรับภาระหนักไว้คนเดียว

‘ไม่ต้องกังวล ผู้กองเหมียว!’ จ้าวหยู่พูดในใจของเขา ‘ไม่ว่ายังไง ฉันจะแบ่งเบาภาระของคุณ! คราวนี้คอยดูฉันให้ดี ฉันจะทุ่มสุดตัวและไขคดีให้คุณก่อนใคร!’

จากนั้น เขาหันกลับไปหาไวท์บอร์ดและเริ่มมองข้อมูลของคดีฆาตกรรมสุสานอย่างละเอียด หลังจากที่เขาดูข้อมูลของคดีอีกครั้ง เขาดึงไวท์บอร์ดมาอีกแผ่นหนึ่งมาเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับเทวรูปทองคำ

หลังจากที่เขาเพิ่มข้อมูล ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง แม้จะไม่มีแสงจากหลอดไฟ แต่เขาก็สามารถเห็นข้อมูลบนไวท์บอร์ดได้อย่างชัดเจน

เจ้าเมืองหลู่หย๋า ฉิวเชิง, การอธิษฐานขอฝนในวัดพระทอง, เทวรูปทองคำสิบสององค์, สุสานของเจ้าเมือง, เหยื่อในโลงศพ, นักโบราณคดีชราทั้งสาม…

จ้าวหยู่พยายามจัดระเบียบข้อมูลตามลำดับเวลา และเขาก็ตระหนักได้ว่า ยังคงมีแง่มุมมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ในข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้

‘นักโบราณคดีชราทั้งสาม พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรในคดีฆาตกรรมสุสาน?’ เขาคิด ‘พวกเขาตามหาเทวรูปทองคำจริง ๆ หรือ?

แล้ว… มันมีเทวรูปทองคำอยู่ในสุสานของเจ้าเมืองจริง ๆ หรือไม่? ถ้ามี แล้วทำไมพวกโจรปล้นสุสานจึงฆ่านักโบราณคดีเพียงคนเดียวด้วย?

ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะดูสนิทสนมกัน แต่ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะฆ่ากันเอง ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

แต่ถ้าไม่มีเทวรูปทองคำ ทำไมโจรไม่นำของทุกอย่างออกจากสุสาน?

แล้วทำไมพวกสถานีโม่หยางถึงพบแต่โบราณวัตถุ แต่กลับไม่พบของอย่างอื่นที่เป็นของโจรปล้นสุสานเลย

พวกโจรหนีไปกับพร้อมกับเทวรูปทองคำหรือว่าไปทำอย่างอื่น? แล้วนักโบราณคดีอีกสองคนไปอยู่ที่ไหน?’ จ้าวหยู่ครุ่นคิด

เขารู้สึกว่าคดีนี้เต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผล และมีหลายเรื่องที่อธิบายไม่ได้

ตามการสันนิษฐานของหลี่ซิวเซิง หากเจ้าเมืองฉิวเชิงได้นำเทวรูปทองคำไปจริง ๆ เขาก็น่าจะนำพวกมันไปที่สุสานเพื่อฝังไปด้วยกัน

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสร้างสุสานในสถานที่ที่ไม่เป็นไปตามหลักคำสอนของฮวงจุ้ย ด้วยวิธีนี้โจรปล้นสุสานจึงไม่สามารถทำลายหลุมฝังศพของเขาได้

แต่ตามความเข้าใจของจ้าวหยู่ เขารู้สึกว่าความน่าจะเป็นที่เจ้าเมืองฉิวจะนำเทวรูปทองคำเข้าไปในสุสานของเขานั้นค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเทวรูปทองคำนั้นมีมูลค่ามากเกินไป

ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองฉิวจะทิ้งคำขอของเขาให้ฝังเทวรูปทองคำพร้อมกับเขา แต่ลูก ๆ ของเขาก็อาจจะไม่ได้ทำตาม

ฉิวเชิงเป็นเพียงเจ้าเมืองที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลเท่านั้น เขาไม่ใช่ญาติของจักรพรรดิหรือขุนนางที่ร่ำรวย ลูกหลานของเขาจะไม่ต้องการครอบครองเทวรูปทองคำของเขาได้อย่างไร?

เป็นการยากที่จะบอกว่าลูก ๆ ของฉิวเชิงหลอกเขาเหมือนกับที่เขาหลอกชาวบ้าน ลูก ๆ ของฉิงเชิงอาจนำเทวรูปทองคำที่ทำจากหินไปไว้ในหลุมฝังศพของเขาหลังจากที่เขาเสียชีวิต

‘เทวรูปทองคำปลอมพวกนั้นจะหลอกพวกโจรปล้นสุสานได้รึเปล่านะ?’ จ้าวหยู่คิด

จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็ตบหัวของเขาและคิดกับตัวเองว่า

‘ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย? นี่ฉันมโนไปไกลขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด