ตอนที่แล้วบทที่ 90: อีวานอฟเกิดใหม่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 92: สิ่งที่เรียกว่า ‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’!

บทที่ 91: ปั้นแต่งเทพเจ้า!


ชายหนุ่มในสระเลือดย่อมตัวเปื้อนไปด้วยเลือดสกปรก  ร่างกายเปลือยเปล่าเปิดเผยอล่างฉ่างทว่าเจ้าตัวก็หาได้สนใจไม่  ตอนนี้แค่เพียงสัมผัสได้ถึงพลังอันเยาว์วัยและดูบริเวณท้องที่ตอนนี้ไอ้พุงกะทิใหญ่ ๆ ได้หายไปแล้ว  จากนั้นก็ลองปล่อยหมัดออกไปอย่างแรง

ร่างกายนี้แข็งแกร่งมาก  แต่ก็แปลกเหมือนกัน

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เล็กน้อย “ฉัน...  ยังมีชีวิตอยู่...  ฉันเกิดใหม่อีกครั้งจริง ๆ หรือนี่...  พระเจ้าช่วย...  นาย...  ยิงแสกหน้าฉันไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

มีเสียงสั่นเครือ ตื่นเต้น และไม่เชื่อมากขึ้นไปอีก

ถังเจิ้นไม่ตอบ  เพียงแต่โยนกระจกลงไปในบ่อเลือด

ชายหนุ่มหยิบกระจกขึ้นมาเช็ดเลือดออกแล้วก็เห็นใบหน้าที่ไม่ใช่ของตนที่มีรูกระสุนบนหน้าผาก

อีวานอฟคุ้นเคยกับใบหน้านี่มาก  เพราะไอ้หมอนี่มันคือคนที่ยินกระสุนทะลุท้องของตัวเอง

ชายหนุ่มหรืออีวานอฟที่เกิดใหม่ค่อย ๆ ลดกระจกลงและยืนขึ้นจากบ่อเลือด  ขณะเดียวกันก็เห็นศพอีกศพหนึ่งในซึ่งเป็นศพเดิมของตนอยู่ด้วย

ทั้งซีด  ทั้งอ้วน  เอาง่าย ๆ เลยคือน่าเกลียดแท้

เมื่อมองไปที่ศพที่แข็งทื่อของเขาจากมุมมองของอีกร่างหนึ่งอีวานอฟก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายฉากแปลก ๆ นี่ยังไงดี  เพราะมันไม่ใช่ความเศร้าโศก  แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจากที่เกือบจะอยู่เหนือความเป็นความตาย

เขาเดินช้า ๆ มาหยุดตรงหน้าถังเจิ้น  อีวานอฟหยิบผ้าห่มที่ถังเจิ้นยื่นให้มาห่อหุ้มร่างกาย  และในไม่ช้าเขาก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ  อีวานอฟรู้สึกสบายมาก  อยากจะกู่ร้องเพื่อระบายความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์ใจนี่ซะเหลือเกิน!

เมื่อมองถังเจิ้นที่สวมเสื้อคลุมสีดำ  จากนั้นก็มองห้องใต้ดินที่ไม่เหมือนกับที่ตนรู้จัก  อีวานอฟมีข้อสงสัยมากมายในใจที่อยากจะถาม

แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากก็หมดความกล้าที่จะถามออกไป  เพราะชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำตรงหน้านี้ปล่อยแรงกดดันที่หนักหน่วงมากเกินไป

ถังเจิ้นมองอีวานอฟด้วยรอยยิ้มกึ่ง ๆ ไม่ยิ้ม  หลังจากที่จิบไวน์แดงแล้วเขาก็พูดเบา ๆ ว่า “จะถามอะไรก็ว่ามา  ถ้าตอบได้ก็จะตอบให้!”

“ขอบคุณครับ!”

อีวานอฟขอบคุณ  จากนั้นก็ชี้ไปที่ร่างของตนและถามด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังและให้เกียรติ “ร่างกายผมเป็นอะไรไป  มีเรื่องมหัศจรรย์อย่างการฟื้นคืนชีพจากความตายจริง ๆ หรือ”

ถังเจิ้นเย้ยหยันและชี้นิ้วใส่อีวานอฟ “ฉันพึ่งเปลี่ยนเอาร่างกายที่แข็งแรงให้นาย  ส่วนไอ้การฟื้นคืนชีพจากความตายตัวนายเองก็เป็นหลักฐานแล้วหนิ!”

อีวานอฟพยักหน้า  จากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อไปว่า “แล้วท่านเป็นใคร”

ในที่สุดคำถามที่ถังเจิ้นรอคอยก็มา  เขาหัวเราะอยู่ในใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสูงส่ง “ฉันเป็นคนโชคดี  โชคดีพอที่จะได้พบกับเทพเจ้าที่แท้จริง!”

ถึงตรงนี้ถังเจิ้นก็หยุดไปชั่วขณะและมองดูการแสดงออกของอีวานอฟ  แน่นอนว่าเขาเห็นร่องรอยความตกใจหรือความอิจฉาบนใบหน้าอีกฝ่ายเลย

“เทพเจ้าได้สั่งให้ฉันเป็นผู้ส่งสารของพวกท่านในโลกใบนี้  เป้าหมายคือหาผู้ศรัทธาและช่วยพัฒนาคนเหล่านั้นให้  ท่านได้สอนเวทมนตร์ฟื้นคืนชีพให้  และ...  ยังสอนความสามารถพวกนี้ให้ด้วย...”

ทันทีที่ถังเจิ้นพูดจบเขาก็โบกมือ  และอีวานอฟก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าศพเดิมของตนได้หายไปแล้ว  จากนั้นเมื่อโบกมืออีกครั้งศพก็ไปโผล่อยู่ตรงทางเข้าห้องใต้ดิน

ถังเจิ้นประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน  จากนั้นค่อย ๆ แยกออกจากกัน  ปืนไรเฟิลอัตโนมัติค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาจากช่องว่างระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้าง  เขาโยนปืนลงพื้นแล้วแบมือทั้งสองข้างใหม่  มีลูกระเบิดสองลูกอยู่ในฝ่ามือข้างละลูก

เมื่อเห็นอาการอึ้งของอีวานอฟถังเจิ้นก็หัวเราะเบา ๆ และบอกว่า “อันที่จริงนี่เป็นเพียงหนึ่งในความสามารถที่เทพเจ้ามอบให้เท่านั้น  เอาจริง ๆ ทำแบบนี้ก็ได้นะ!”

หลังจากถังเจิ้นพูดจบอีวานอฟก็ตกใจเพราะว่าร่างของถังเจิ้นหายไปเฉยเลย

“นายท่านไปไหนแล้ว!” อีวานอฟตื่นตระหนกเล็กน้อย  ตนเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอกับท่านทูตและยังได้ท่านช่วยให้ตนได้เกิดใหม่  และเมื่อท่านทูตจากไปซะเฉย ๆ แบบนี้ก็เลยเกิดอาการลนลานขึ้นมาทันที  เนื่องจากตนเองยังมีคำถามอีกหลายคำถามและหวังว่าตนเองจะได้รับความโปรดปรานจากทวยเทพเช่นกัน

“ไม่ต้องโหวกเหวกไป  ฉันยังอยู่นี่” เสียงของถังเจิ้นดังขึ้นในหูของอีวานอฟ  จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวในพื้นที่โล่งตรงหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง

“เชื่อยัง?” ถังเจิ้นถามเบา ๆ ด้วยความรู้สึกที่ว่าการแสดงของตนใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว

“เชื่อขอรับ  เชื่อแล้วจริง ๆ ไม่มีสงสัยในคำพูดของท่านเลยขอรับท่านทูต!” อีวานอฟก้มลงทันที  วาจาที่เปล่งออกมาน้ำเสียงเหมือนพวกคลั่งลัทธิ  แต่ที่พูดมานั้นล้วนเป็นความจริง

เมื่อตระหนักว่าตนได้เกิดใหม่แล้วจริง ๆ ความรู้สึกเกรงขามที่มีต่อถังเจิ้นก็ยิ่งพัฒนาขึ้น  และตอนนี้เมื่อเห็นถังเจิ้นแสดง ‘ปาฏิหาริย์’ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยิ่งมั่นใจ

เห็นท่าทีของอีกฝ่ายถังเจิ้นก็พยักหน้าพออกพอใจ  ดูเหมือนว่าอีวานอฟจะเชื่อในคำพูดของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้วดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจ

ถังเจิ้นถามคำถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจัง “อีวานอฟ  ในฐานะบุคคลที่ได้เกิดใหม่โดยอาศัยศาสตร์ลับแห่งสวรรค์  เจ้ายินดีที่จะหาผู้ศรัทธาในโลกนี้และพัฒนาความสามารถของมนุษย์ของเจ้าเพื่อเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้อีวานอฟก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่อาจจะตื่นเต้นไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว  เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงและตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ข้าอีวานอฟยินดีที่จะอุทิศตนให้กับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และช่วยพระองค์หาผู้ศรัทธาและพัฒนาความสารมารถของคนเหล่านั้นพะยะค่ะ!  ต่อให้ถูกมีดถูกขวานฟาดฟัน  หรือแม้แต่ความตายมาถึงข้าก็มิหวาดกลัวแต่อย่างใด!”

แล้วถังเจิ้นก็ยิ้ม “ไม่ต้องห่วงไป  หากนายยังคงเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวตาย  เพราะว่านายจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป!”

ถังเจิ้นไม่ได้พูดความจริง  แต่ก็ไม่ได้หลอกลวงอีวานอฟโดยสิ้นเชิง  เพราะตราบใดที่จิตวิญญาณของอีกฝ่ายไม่ดับสูญเจ้าตัวก็มีโอกาสเกิดใหม่ได้ไม่รู้จบ

นี่คือความน่ากลัวของวิชาลับถ่ายโอนวิญญาณนี้  ซึ่งหากว่ามีพลังวิญญาณแข็งแกร่งมากพอก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไปจริง ๆ!

ซึ่งตอนนี้ถังเจิ้นก็แอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้  โชคดีที่ตัวอักษรที่บันทึกอยู่ในวิชาลับถ่ายโอนวิญญาณนั้นมันประหลาดเกินไป  จนเบื้อบนของเมืองเฮยเหยี่ยนอ่านไม่ออกจึงไม่ตระหนักถึงคุณค่าของมัน  ส่วนเขาที่มีแอปถอดรหัสแปลภาษาข้อความลึกลับนั้นทำได้ง่าย ๆ และมันได้ทำให้แผนการอันยิ่งใหญ่ของเขาเป็นจริงได้  เมื่อใดที่โลกเดิมนี้ตกอยู่ในมือเขาแล้วการหาเงินย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วย  แล้วการสร้างกำลังพลสำรองสำหรับโลกโหลวเฉิงมันจะยากซักแค่ไหนกันเชียว

อีวานอฟเป็นหนูทดลองตัวแรก  ซึ่งในอนาคตก็จะมีตัวอื่น ๆ ตามมาอีกโดยถังเจิ้นจะใช้คนจากพันธมิตรหมีน้ำแข็งนี่แหละ  เมื่อการทดลองเสร็จสมบูรณ์แล้วถังเจิ้นจะดำเนินการขั้นต่อไปคือถ่ายโอนวิญญาณเข้าสู่ร่างกายที่ทำการปลูกฝังขึ้นมาจากในโลกโหลวเฉิง  ซึ่งนั่นต่างหากคือการเกิดใหม่อันสมบูรณ์แบบ!

ส่วนแผนการหลังจากนี้จะไปได้สวยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอีวานอฟ

หลังจากที่อีวานอฟได้ยินว่าตนจะไม่ต้องกลัวตายอีกต่อไปแล้วก็ตื่นเต้นมาก ๆ แต่สิ่งที่ถังเจิ้นบอกต่อไปกลับทำให้กังวลถึงเรื่องเป็นตายอีกรอบซะอย่างนั้น “ร่างกายของนายในตอนนี้ไม่ได้เป็นของนายความเข้ากันได้มันเลยต่ำ  อย่างเร็วสามปีอย่างช้าห้าปีร่างกายนี้จะพังและนายต้องเปลี่ยนไปอยู่ร่างใหม่!”

อีวานอฟผงะเมื่อได้ยินคำพูดนั้นและคิดกับตัวเองว่าที่มาของร่างใหม่ไม่ใช่ปัญหา  ปัญหาคือการต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ มันลำบากเกินไป

เมื่อแอบดูถังเจิ้นก็พบว่าถังเจิ้นกำลังกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มราวกับอ่านใจตนได้

“ไม่ต้องห่วง  ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก  นายแค่ต้องรอฉันปลูกฝังร่างกายที่สมบูรณ์ให้  ถ้าเป็นร่างกายแบบนั้นเปลี่ยนแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว  นายจะไม่ต้องกังวลเรื่องร่างกายจะเสื่อมสภาพอีก  หรือต่อให้ร่างนั่นจะเสียหายก็ยังมีร่างสำรองให้เปลี่ยนอีกได้

เพียงแต่เรื่องนั้นยังอีกยาวไกลนัก  มีแต่ต้องอดทนรอเท่านั้น

หรือต่อให้นายเอาร่างตัวเองไปโคลนนิ่ง  แต่ด้วยเทคโนโลยีของโลกในตอนนี้หลังจากที่เปลี่ยนร่างสำเร็จก็อยู่ได้อย่างมากอีกแค่สิบปี  สุดท้ายก็เสื่อมสลายไปเหมือนเดิม”

เมื่อถังเจิ้นพูดเสร็จก็รอคำตอบของอีวานอฟ

อีวานอฟก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับถังเจิ้นว่า “เช่นนั้นท่านปลูกฝังร่างกายอันสมบูรณ์แบบ  ส่วนผมจะหาทางรวบรวมนักวิชาการชั้นนำมาศึกษาปรับปรุงเทคโนโลยีการโคลนนิ่งร่างกาย  แบบนี้ดีมั้ยครับ”

อีกฝ่ายเข้าใจประเด็นที่เขาอยากสื่อแบบนี้ถังเจิ้นจะไปพูดอะไรได้อีก  ก็ต้องพอใจมากอยู่แล้วสิ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด