บทที่ 91: ปั้นแต่งเทพเจ้า!
ชายหนุ่มในสระเลือดย่อมตัวเปื้อนไปด้วยเลือดสกปรก ร่างกายเปลือยเปล่าเปิดเผยอล่างฉ่างทว่าเจ้าตัวก็หาได้สนใจไม่ ตอนนี้แค่เพียงสัมผัสได้ถึงพลังอันเยาว์วัยและดูบริเวณท้องที่ตอนนี้ไอ้พุงกะทิใหญ่ ๆ ได้หายไปแล้ว จากนั้นก็ลองปล่อยหมัดออกไปอย่างแรง
ร่างกายนี้แข็งแกร่งมาก แต่ก็แปลกเหมือนกัน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เล็กน้อย “ฉัน... ยังมีชีวิตอยู่... ฉันเกิดใหม่อีกครั้งจริง ๆ หรือนี่... พระเจ้าช่วย... นาย... ยิงแสกหน้าฉันไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
มีเสียงสั่นเครือ ตื่นเต้น และไม่เชื่อมากขึ้นไปอีก
ถังเจิ้นไม่ตอบ เพียงแต่โยนกระจกลงไปในบ่อเลือด
ชายหนุ่มหยิบกระจกขึ้นมาเช็ดเลือดออกแล้วก็เห็นใบหน้าที่ไม่ใช่ของตนที่มีรูกระสุนบนหน้าผาก
อีวานอฟคุ้นเคยกับใบหน้านี่มาก เพราะไอ้หมอนี่มันคือคนที่ยินกระสุนทะลุท้องของตัวเอง
ชายหนุ่มหรืออีวานอฟที่เกิดใหม่ค่อย ๆ ลดกระจกลงและยืนขึ้นจากบ่อเลือด ขณะเดียวกันก็เห็นศพอีกศพหนึ่งในซึ่งเป็นศพเดิมของตนอยู่ด้วย
ทั้งซีด ทั้งอ้วน เอาง่าย ๆ เลยคือน่าเกลียดแท้
เมื่อมองไปที่ศพที่แข็งทื่อของเขาจากมุมมองของอีกร่างหนึ่งอีวานอฟก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายฉากแปลก ๆ นี่ยังไงดี เพราะมันไม่ใช่ความเศร้าโศก แต่กลับเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจากที่เกือบจะอยู่เหนือความเป็นความตาย
เขาเดินช้า ๆ มาหยุดตรงหน้าถังเจิ้น อีวานอฟหยิบผ้าห่มที่ถังเจิ้นยื่นให้มาห่อหุ้มร่างกาย และในไม่ช้าเขาก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ อีวานอฟรู้สึกสบายมาก อยากจะกู่ร้องเพื่อระบายความรู้สึกอันน่าอัศจรรย์ใจนี่ซะเหลือเกิน!
เมื่อมองถังเจิ้นที่สวมเสื้อคลุมสีดำ จากนั้นก็มองห้องใต้ดินที่ไม่เหมือนกับที่ตนรู้จัก อีวานอฟมีข้อสงสัยมากมายในใจที่อยากจะถาม
แต่เมื่อคำพูดมาถึงปากก็หมดความกล้าที่จะถามออกไป เพราะชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำตรงหน้านี้ปล่อยแรงกดดันที่หนักหน่วงมากเกินไป
ถังเจิ้นมองอีวานอฟด้วยรอยยิ้มกึ่ง ๆ ไม่ยิ้ม หลังจากที่จิบไวน์แดงแล้วเขาก็พูดเบา ๆ ว่า “จะถามอะไรก็ว่ามา ถ้าตอบได้ก็จะตอบให้!”
“ขอบคุณครับ!”
อีวานอฟขอบคุณ จากนั้นก็ชี้ไปที่ร่างของตนและถามด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังและให้เกียรติ “ร่างกายผมเป็นอะไรไป มีเรื่องมหัศจรรย์อย่างการฟื้นคืนชีพจากความตายจริง ๆ หรือ”
ถังเจิ้นเย้ยหยันและชี้นิ้วใส่อีวานอฟ “ฉันพึ่งเปลี่ยนเอาร่างกายที่แข็งแรงให้นาย ส่วนไอ้การฟื้นคืนชีพจากความตายตัวนายเองก็เป็นหลักฐานแล้วหนิ!”
อีวานอฟพยักหน้า จากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อไปว่า “แล้วท่านเป็นใคร”
ในที่สุดคำถามที่ถังเจิ้นรอคอยก็มา เขาหัวเราะอยู่ในใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสูงส่ง “ฉันเป็นคนโชคดี โชคดีพอที่จะได้พบกับเทพเจ้าที่แท้จริง!”
ถึงตรงนี้ถังเจิ้นก็หยุดไปชั่วขณะและมองดูการแสดงออกของอีวานอฟ แน่นอนว่าเขาเห็นร่องรอยความตกใจหรือความอิจฉาบนใบหน้าอีกฝ่ายเลย
“เทพเจ้าได้สั่งให้ฉันเป็นผู้ส่งสารของพวกท่านในโลกใบนี้ เป้าหมายคือหาผู้ศรัทธาและช่วยพัฒนาคนเหล่านั้นให้ ท่านได้สอนเวทมนตร์ฟื้นคืนชีพให้ และ... ยังสอนความสามารถพวกนี้ให้ด้วย...”
ทันทีที่ถังเจิ้นพูดจบเขาก็โบกมือ และอีวานอฟก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าศพเดิมของตนได้หายไปแล้ว จากนั้นเมื่อโบกมืออีกครั้งศพก็ไปโผล่อยู่ตรงทางเข้าห้องใต้ดิน
ถังเจิ้นประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อย ๆ แยกออกจากกัน ปืนไรเฟิลอัตโนมัติค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาจากช่องว่างระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้าง เขาโยนปืนลงพื้นแล้วแบมือทั้งสองข้างใหม่ มีลูกระเบิดสองลูกอยู่ในฝ่ามือข้างละลูก
เมื่อเห็นอาการอึ้งของอีวานอฟถังเจิ้นก็หัวเราะเบา ๆ และบอกว่า “อันที่จริงนี่เป็นเพียงหนึ่งในความสามารถที่เทพเจ้ามอบให้เท่านั้น เอาจริง ๆ ทำแบบนี้ก็ได้นะ!”
หลังจากถังเจิ้นพูดจบอีวานอฟก็ตกใจเพราะว่าร่างของถังเจิ้นหายไปเฉยเลย
“นายท่านไปไหนแล้ว!” อีวานอฟตื่นตระหนกเล็กน้อย ตนเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอกับท่านทูตและยังได้ท่านช่วยให้ตนได้เกิดใหม่ และเมื่อท่านทูตจากไปซะเฉย ๆ แบบนี้ก็เลยเกิดอาการลนลานขึ้นมาทันที เนื่องจากตนเองยังมีคำถามอีกหลายคำถามและหวังว่าตนเองจะได้รับความโปรดปรานจากทวยเทพเช่นกัน
“ไม่ต้องโหวกเหวกไป ฉันยังอยู่นี่” เสียงของถังเจิ้นดังขึ้นในหูของอีวานอฟ จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวในพื้นที่โล่งตรงหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง
“เชื่อยัง?” ถังเจิ้นถามเบา ๆ ด้วยความรู้สึกที่ว่าการแสดงของตนใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
“เชื่อขอรับ เชื่อแล้วจริง ๆ ไม่มีสงสัยในคำพูดของท่านเลยขอรับท่านทูต!” อีวานอฟก้มลงทันที วาจาที่เปล่งออกมาน้ำเสียงเหมือนพวกคลั่งลัทธิ แต่ที่พูดมานั้นล้วนเป็นความจริง
เมื่อตระหนักว่าตนได้เกิดใหม่แล้วจริง ๆ ความรู้สึกเกรงขามที่มีต่อถังเจิ้นก็ยิ่งพัฒนาขึ้น และตอนนี้เมื่อเห็นถังเจิ้นแสดง ‘ปาฏิหาริย์’ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยิ่งมั่นใจ
เห็นท่าทีของอีกฝ่ายถังเจิ้นก็พยักหน้าพออกพอใจ ดูเหมือนว่าอีวานอฟจะเชื่อในคำพูดของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้วดังนั้นจึงถึงเวลาที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจ
ถังเจิ้นถามคำถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจริงจัง “อีวานอฟ ในฐานะบุคคลที่ได้เกิดใหม่โดยอาศัยศาสตร์ลับแห่งสวรรค์ เจ้ายินดีที่จะหาผู้ศรัทธาในโลกนี้และพัฒนาความสามารถของมนุษย์ของเจ้าเพื่อเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้อีวานอฟก็รู้สึกตื่นเต้นมากจนไม่อาจจะตื่นเต้นไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแรงและตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ข้าอีวานอฟยินดีที่จะอุทิศตนให้กับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และช่วยพระองค์หาผู้ศรัทธาและพัฒนาความสารมารถของคนเหล่านั้นพะยะค่ะ! ต่อให้ถูกมีดถูกขวานฟาดฟัน หรือแม้แต่ความตายมาถึงข้าก็มิหวาดกลัวแต่อย่างใด!”
แล้วถังเจิ้นก็ยิ้ม “ไม่ต้องห่วงไป หากนายยังคงเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าอยู่ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวตาย เพราะว่านายจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป!”
ถังเจิ้นไม่ได้พูดความจริง แต่ก็ไม่ได้หลอกลวงอีวานอฟโดยสิ้นเชิง เพราะตราบใดที่จิตวิญญาณของอีกฝ่ายไม่ดับสูญเจ้าตัวก็มีโอกาสเกิดใหม่ได้ไม่รู้จบ
นี่คือความน่ากลัวของวิชาลับถ่ายโอนวิญญาณนี้ ซึ่งหากว่ามีพลังวิญญาณแข็งแกร่งมากพอก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่ตลอดไปจริง ๆ!
ซึ่งตอนนี้ถังเจิ้นก็แอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ โชคดีที่ตัวอักษรที่บันทึกอยู่ในวิชาลับถ่ายโอนวิญญาณนั้นมันประหลาดเกินไป จนเบื้อบนของเมืองเฮยเหยี่ยนอ่านไม่ออกจึงไม่ตระหนักถึงคุณค่าของมัน ส่วนเขาที่มีแอปถอดรหัสแปลภาษาข้อความลึกลับนั้นทำได้ง่าย ๆ และมันได้ทำให้แผนการอันยิ่งใหญ่ของเขาเป็นจริงได้ เมื่อใดที่โลกเดิมนี้ตกอยู่ในมือเขาแล้วการหาเงินย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วย แล้วการสร้างกำลังพลสำรองสำหรับโลกโหลวเฉิงมันจะยากซักแค่ไหนกันเชียว
อีวานอฟเป็นหนูทดลองตัวแรก ซึ่งในอนาคตก็จะมีตัวอื่น ๆ ตามมาอีกโดยถังเจิ้นจะใช้คนจากพันธมิตรหมีน้ำแข็งนี่แหละ เมื่อการทดลองเสร็จสมบูรณ์แล้วถังเจิ้นจะดำเนินการขั้นต่อไปคือถ่ายโอนวิญญาณเข้าสู่ร่างกายที่ทำการปลูกฝังขึ้นมาจากในโลกโหลวเฉิง ซึ่งนั่นต่างหากคือการเกิดใหม่อันสมบูรณ์แบบ!
ส่วนแผนการหลังจากนี้จะไปได้สวยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอีวานอฟ
หลังจากที่อีวานอฟได้ยินว่าตนจะไม่ต้องกลัวตายอีกต่อไปแล้วก็ตื่นเต้นมาก ๆ แต่สิ่งที่ถังเจิ้นบอกต่อไปกลับทำให้กังวลถึงเรื่องเป็นตายอีกรอบซะอย่างนั้น “ร่างกายของนายในตอนนี้ไม่ได้เป็นของนายความเข้ากันได้มันเลยต่ำ อย่างเร็วสามปีอย่างช้าห้าปีร่างกายนี้จะพังและนายต้องเปลี่ยนไปอยู่ร่างใหม่!”
อีวานอฟผงะเมื่อได้ยินคำพูดนั้นและคิดกับตัวเองว่าที่มาของร่างใหม่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือการต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ มันลำบากเกินไป
เมื่อแอบดูถังเจิ้นก็พบว่าถังเจิ้นกำลังกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มราวกับอ่านใจตนได้
“ไม่ต้องห่วง ปัญหานี้แก้ได้ไม่ยาก นายแค่ต้องรอฉันปลูกฝังร่างกายที่สมบูรณ์ให้ ถ้าเป็นร่างกายแบบนั้นเปลี่ยนแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว นายจะไม่ต้องกังวลเรื่องร่างกายจะเสื่อมสภาพอีก หรือต่อให้ร่างนั่นจะเสียหายก็ยังมีร่างสำรองให้เปลี่ยนอีกได้
เพียงแต่เรื่องนั้นยังอีกยาวไกลนัก มีแต่ต้องอดทนรอเท่านั้น
หรือต่อให้นายเอาร่างตัวเองไปโคลนนิ่ง แต่ด้วยเทคโนโลยีของโลกในตอนนี้หลังจากที่เปลี่ยนร่างสำเร็จก็อยู่ได้อย่างมากอีกแค่สิบปี สุดท้ายก็เสื่อมสลายไปเหมือนเดิม”
เมื่อถังเจิ้นพูดเสร็จก็รอคำตอบของอีวานอฟ
อีวานอฟก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับถังเจิ้นว่า “เช่นนั้นท่านปลูกฝังร่างกายอันสมบูรณ์แบบ ส่วนผมจะหาทางรวบรวมนักวิชาการชั้นนำมาศึกษาปรับปรุงเทคโนโลยีการโคลนนิ่งร่างกาย แบบนี้ดีมั้ยครับ”
อีกฝ่ายเข้าใจประเด็นที่เขาอยากสื่อแบบนี้ถังเจิ้นจะไปพูดอะไรได้อีก ก็ต้องพอใจมากอยู่แล้วสิ!