ตอนที่ 3 คำถาม รีไรท์
ถ้าคุณอยากรวย คุณต้องเริ่มทำป็นคนแรก!
ในปีที่ 1990 เป็นยุคที่ดีมาก ตราบใดที่คุณกล้าคิดและลงมือทำ คุณก็สามารถทำเงินได้อย่างง่ายดาย
ความทะเยอทะยานของเฉินเจียงไฮ่นั้น เขาต้องการเงินมากกว่า 100,000 หยวน
เศรษฐี มหาเศรษฐี หรือแม้แต่อภิมหาเศรษฐี ไม่ใช่เป้าหมายที่เขาทำไม่ได้
เมื่อมองไปที่ปลาในมือของเขา เฉินเจียงไฮ่ก็รู้สึกมึนงง
ในยุคนี้ สี่หยวนสามารถซื้ออาหารได้เกือบสามวัน!
เขากลับมาที่บ้านพร้อมกับวิทยุและอาหารในมือของเขา เฉินเจียงไฮ่มองไปยังบ้านที่อยู่ตรงหน้าเขา จู่ๆก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัว
หากเขาต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พังมารื้อและประกอบเข้าไปใหม่ หลักการคือเขาต้องมีเงินทุนเริ่มต้นก่อน
ตอนนี้เฉินเจียงไฮ่สามารถกล่าวได้ว่าเขาจนสุดๆ และเป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้เขาจะมีทางออก
เพราะคงไม่มีใครยอมให้เขายืมเงินอีก ถ้าพวกเขาให้ยืมก็เหมือนกับพวกเขาโยนเงินลงไปในน้ำ
สิ่งเดียวที่จะหาเงินได้ตอนนี้คือบ้านของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นการดีที่สุดที่จะบอกหลินว่านชิวก่อน
หลังจากเก็บของออกไป เฉินเจียงไฮ่ได้ไปที่ร้านขายข้าวสารและน้ำมันที่ท้ายถนน เพื่อซื้อข้าวกลับมาสิบกิโล
หลังจากคำนวณเวลาที่หลินว่านชิวเลิกงาน เขาก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นทันที
เขาจุดเตาถ่าน เทน้ำมันลงไปในหม้อ แล้วทันใดนั้นเองควันหนาๆก็โพยพุ่งออกมา
คนที่ไม่รู้เรื่อง คงคิดว่ามีไฟไหม้
เฉินเจียงไฮ่ส่ายหัวอย่างเบาๆ
ปัจจุบันน้ำมันที่ใช้กันทั่วไปนั้นไม่มีประสิทธิภาพ
เนื่องจากวิธีการกลั่นเป็นวิธีโบราณ ทำให้มีสิ่งเจือปนมากมายในน้ำมัน เมื่อน้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้นจะทำให้มีควันโพยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก
ถ้าเขาอยากกินดีขึ้น เขาต้องไปซื้อน้ำมันที่โรงงานในเมืองใหญ่!
เมื่อหลินว่านชิวกลับมา อาหารจานสุดท้ายก็ถูกวางลงบนโต๊ะพอดี
เมื่อเธอผลักประตูเข้ามาในบ้าน หลินว่านชิวก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเธอได้เห็นอาหารบนโต๊ะมากมาย อาหารแต่ละจานยังโชยกลิ่นที่หอมหวนออกมา
หมูผัดผัก ผักโขมผัดกระเทียม ปลาตุ๋น ไข่ข้นมะเขือเทศ แตงกวาดองและซุปสาหร่าย
สำหรับคนอื่นแล้วมันคงเป็นแค่อาหารเย็นธรรมดาๆ
แต่สำหรับหลินว่านชิวแล้วนั้น ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นมันเกินจริงไปมาก!
เธอไม่อาจแม้แต่จะคิดฝัน
“ว่านชิว คุณกลับมาแล้ว ไปล้างมือแล้วมากินข้าวเถอะ!”
เฉินเจียงไฮ่กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่เช็ดมือด้วยผ้ากันเปื้อน
หลินว่านชิวลังเลแล้วขมวดคิ้วถาม "จะมีแขกมาบ้านรึเปล่า"
"ไม่มี! มีแค่เราสองคน"
เฉินเจียงไฮ่หยิบชามขึ้นมาและเริ่มตักข้าว
ในอดีต ตอนเฉินเจียงไฮ่ยังคงร่ำรวยอยู่ เขามักจะพาเพื่อนๆของเขามาทานอาหารที่บ้าน ซึ่งทั้งหมดเป็นอาหารและไวน์ราคาแพง
อย่างไรก็ตาม หลินว่านชิวไม่เคยได้ร่วมโต๊ะอาหารเลยสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงได้กินแต่ของเหลือเท่านั้น
เมื่อมองไปที่อาหารบนโต๊ะ หลินว่านชิวก็ขมวดคิ้ว "คุณไปเอาเงินมาจากไหน"
“วันนี้ผมช่วยคนซ่อมวิทยุและทีวีที่เสียไป ทำให้ผมได้เงินค่าซ่อมกลับมา ผมจึงไปซื้อข้าวสารและของอื่นๆกลับมาที่บ้าน” เฉินเจียงไฮ่กล่าวอย่างสงบโดยไม่ปิดบังหลินว่านชิว
"คุณสามารถซ่อมวิทยุกับทีวีได้?" ใบหน้าของหลินว่านชิวเต็มไปด้วยความสงสัย
ไม่มีใครรู้มากไปกว่าหลินว่านชิว ซึ่งเป็นภรรยาของเขาว่าเฉินเจียงไฮ่สามารถทำอะไรได้บ้าง
ถ้าเขาบอกว่าเขาออกไปดื่มเหล้าและคุยโวไปทั่ว หลินว่านชิวจะไม่สงสัยเลย
แต่ถ้าจะบอกว่าเขาออกไปข้างนอกเพื่อหาเงินด้วยฝีมือช่างของเขา เธอก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ผมจะออกไปดูว่าจะหางานทำเพิ่มได้ไหม”
เฉินเจียงไฮ่กล่าวแผนของเขาออกมา
เขาวางชามที่เต็มไปด้วยข้าวไว้บนโต๊ะแล้วส่งไปให้หลินว่านชิว
"เอาล่ะ มากินกันเถอะ!"
หลินว่านชิวเบิกตากว้างและมองไปที่เฉินเจียงไฮ่ เธอรู้สึกว่าคนตรงหน้าเธอดูแปลกออกไป
หรือเป็นเพราะพระเจ้าเห็นว่าเธอทำงานหนักและเหนื่อยเกินไปรึเปล่า ถึงทำให้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้เปลี่ยนไป?
ไม่ ไม่แน่นอน!
เธอจะไว้วางใจเขาได้อย่างไร?
หลินว่านชิวรู้สึกว่าเธอยังไม่สามารถไว้วางใจเฉินเจียงไฮ่ได้ง่ายดายนัก เขาต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่นอน
“เจียงไฮ่ คุณพยายามจะทำอะไร?” หลินว่านชิวขมวดคิ้วและถามเฉินเจียงไฮ่อย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เฉินเจียงไฮ่ก็พูดไม่ออกเช่นกัน
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด?
“ฉันไม่มีเงินแล้วจริงๆ คุณช่วยหยุดล้อเล่นได้ไหม” เมื่อหลินว่านชิวเห็นว่าเฉินเจียงไฮ่ไม่ตอบ เธอจึงอดพูดออกมาไม่ได้
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลินว่านชิวก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา
ในอดีต หากเธอขัดแย้งกับเฉินเจียงไฮ่ เธอคงได้รับความโกรธจากอีกฝ่ายแน่นอน
ดังนั้นเธอจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ฉันรู้ว่าคุณต้องการหาเงิน แต่คุณไม่สามารถเร่งรีบได้ คุณต้องคิดให้รอบคอบเข้าไว้!”
เมื่อเห็นการแสดงออกของหลินว่านชิว เฉินเจียงไฮ่ก็รู้สึกผิดขึ้นมา
ภรรยาที่อ่อนโยนและมีคุณธรรมเช่นนี้ สายเกินไปที่เขาจะจับมือเธอและขอให้เธอยกโทษให้ในอดีต
“หยุดพูดเถอะ เรามากินข้าวกันก่อน!”
เฉินเจียงไฮ่ไม่ได้ให้คำอธิบายอะไร เพราะเขารู้อยู่แก่ใจ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรไปตอนนี้ หลินว่านชิวคงไม่ฟังแน่นอน
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถตำหนิหลินว่านชิวในเรื่องนี้ได้
ทั้งหมดเป็นเพราะเขาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต จึงทำให้เธอรู้สึกผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เธอก็ไม่เหลือความไว้วางใจในตัวเขาแล้ว
ฉันเป็นหนี้ผู้หญิงคนนี้มากเกินไป!
“ลองชิมฝีมือของผมสิ!”
เฉินเจียงไฮ่หยิบตะเกียบและคีบหมูสามชั้นลงในชามของหลินว่านชิว
หลินว่านชิวหยิบชามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เธอกำลังจะหลบแต่เฉินเจียงไฮ่เคลื่อนไหวรวดเร็วและได้คีบหมูสามชั้นลงในชามของเธอแล้ว
"กินสิ กินเยอะๆ"
หลังจากคีบปลาอีกชิ้นให้หลินว่านชิว เฉินเจียงไฮ่ก็หยิบชามของเขาขึ้นมาและเริ่มกินของตัวเอง
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เขาจึงรู้สึกหิวมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อปลาในยุคนี้มีกลิ่นที่หอมมาก แตกต่างกับอนาคต มันมีรสชาติหวานเป็นเอกลักษณ์มาก
หลินว่านชิวเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่งและพบว่าเฉินเจียงไฮ่ไม่ได้มองมาที่เธอ ดังนั้นเธอจึงเริ่มขยับตะเกียบ
ตาของหลินว่านชิวเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อเธอเอาหมูสามชั้นเข้าปาก
มันอร่อยมาก!
เมื่อเธอสบตากับผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเธออีกครั้ง ความคิดของเธอก็ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
หลังจากทานอาหารเสร็จ หลินว่านชิวก็ลุกขึ้นและกำลังจะเก็บจาน
เฉินเจียงไฮ่เอื้อมมือไปหยุดเธอก่อน "ว่านชิว ไปพักผ่อนเถอะ ผมจัดการเอง!"
เกิดสายตาแปลกประหลาดของหลินว่านชิวขึ้นมา เพราะเฉินเจียงไฮ่นั้นไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน นั่นคือการล้างจาน!
ในตอนนี้ที่เฉินเจียงไฮ่กำลังล้างจานอยู่ เขาก็กำลังคิดเกี่ยวกับเงินทุนของเขาเช่นกัน
เดิมทีเขาต้องการพูดคุยกับหลินว่านชิวเกี่ยวกับการขอสินเชื่อบ้าน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่มีวันตกลงแน่นอน
เขาจึงต้องคิดหาวิธีอื่น
ขณะที่เฉินเจียงไฮ่กำลังล้างจาน หลินว่านชิวที่นั่งอยู่บนเตียงก็ได้หยิบเสื้อที่ยังไม่เสร็จออกมาถักต่อ
ทุกวันก่อนนอน เธอจะใช้เวลาอยู่กับการถักเสื้อผ้านี้
เมื่อมองไปที่หลินว่านชิวที่กำลังถักเสื้อผ้า เฉินเจียงไฮ่ก็ยืนรออยู่ในครัวโดยไม่รีบร้อนที่จะไปรบกวนเธอ
ในสายตาของเขา ฉากนี้เป็นเหมือนกับภาพวาด หลินว่านชิวในภาพวาดนั้นช่างดูอ่อนโยนและสวยงามเป็นพิเศษ
…
ตอนกลางคืน ทั้งสองที่นอนอยู่บนเตียงไม้ภายในห้องอันเงียบเชียบ
บรรยากาศแลดูอึดอัดนิดหน่อย
เฉินเจียงไฮ่นอนหันหน้าไปทางหลินว่านชิว เขาจ้องมองไปยังดวงตาของเธอซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
"เจียงไฮ่"
ในความมืด มีเสียงที่นุ่มนวลของหลินว่านชิวดังขึ้นมา
"อืม มีอะไรรึเปล่า"
“คุณ...พรุ่งนี้คุณควรหางานทำ!” หลินว่านชิวกล่าวอย่างลังเล
“ไม่ต้องห่วง ผมรู้แล้ว”
ดูเหมือนว่าหลินว่านชิวยังคงไม่เชื่อคำพูดของเขา ดังนั้นเฉินเจียงไฮ่จึงตอบได้เพียงเท่านี้
หลินว่านชิวกล่าวต่อ "โรงงานของฉันกำลังรับสมัครคนงานอยู่ เงินเดือนอาจจะราวๆ 50 หยวน ถ้าคุณมาทำงาน เราสามารถประหยัดเงินเพื่อซื้อของบางอย่างให้กับครอบครัวเราได้"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเจียงไฮ่ก็รู้สึกผิดกับหลินว่านชิวมาก
ความปรารถนาของหลินว่านชิวนั้นเรียบง่ายมาก เธอเพียงต้องการให้เขามีชีวิตที่สงบสุขและชีวิตที่มั่นคง แล้วทำไมเขาถึงจะไม่พอใจ?