ตอนที่ 12 จิ้งจอกพูด
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 12 จิ้งจอกพูด
ที่หน้ากรงจิ้งจอก มีเด็กหญิงสวมหมวกกันแดดปีกกว้าง สวมชุดกระโปรงสีขาว กําลังจับมือกับแม่และกระโดดไปมาอย่างมีความสุข ส่วนอีกมือหนึ่งก็ชี้ไปในกรงและตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงประสาเด็กน้อยว่า
“เจ้าขนฟู! เจ้าขนฟู!”
คุณแม่ของเด็กน้อยยิ้ม แล้วตอบกลับเด็กหญิงที่ร่าเริงว่า “ใช่จ๊ะ จิ้งจอกน้อยกําลังงีบอยู่!”
ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าการดูจิ้งจอกนอนหลับไม่มีอะไรน่าสนใจ จึงจับราวกั้นและเขย่ามันเพื่อให้เกิดเสียง จากนั้นตะ โกนว่า “เฮ้! ตื่น! ออกมาเดินหน่อยซิ!!”
ไท่ซือนอนหลับอย่างไม่สนอะไร ตรงปากมีน้ําลายที่ไหลย้อยออกมาราวกับว่ากําลังฝันหวาน
แต่โหยวโหยวที่หูกำลังส่ายไปมากลับหยุดนิ่ง และพยายามหดตัวเข้าหาหลังของเสี่ยวเฉียวด้วยความกลัว จากนั้นก็รู้สึกปลอดภัยขึ้น
เสียวเฉียวลืมตาขึ้นมองมนุษย์ที่กําลังส่งเสียงเอะอะ แล้วกระแทกราวกั้นและกรอกตาราวกับกําลังเบื่อหน่าย
จากนั้นก็หลับตาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่สายตาของมันกลับไม่ได้ดูสง่างามเท่าเดิม แต่กลับเต็มไปด้วยความรําคาญใจ
น่ารําคาญ! นี่คือความคิดที่อยู่ในใจของเสี่ยวเฉียวตอนนี้
ชายคนนั้น: ???
ทําไมเหมือนเขารู้สึกเหมือนถูกจิ้งจอกหยามหน้า??
เซี่ยวเหอเดินเข้ามาหาชายคนนั้นและชี้ไปยังป้ายที่อยู่ข้างๆ “คุณนักท่องเที่ยว กรุณาอย่าส่งเสียงรบกวนสัตว์ในสวนสัตว์ด้วยครับ!”
ชายคนนั้นหันวับกลับมาทําหน้าตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ทําอะไรต่อ ก่อนจะบ่นพึมพำว่า “สวนสัตว์โง่ๆ แบบนี้ใครจะอยากมาว่ะ” แล้วเดินจากไปอย่างไว
เซี่ยวเหอยิ้มแหยๆ “ขอโทษน่ะครับ....”
“คนแบบนี้แย่จริงๆ !” หลานลี่ขมวดคิ้ว แล้วบ่นกับนิสัยของนักท่องเที่ยวเมื่อกี้
ฟางเย่ได้แต่หัวเราะ “ไม่เป็นไร โชคดีแล้วที่เราไม่ต้องเรียกรปภ.”
เขาก็ไม่ชอบคนแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่สถานการณ์ของสวนสัตว์ตอนนี้ไม่ได้ทําให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอยากสัมผัสกับบรรยากาศที่สงบสุขของสัตว์แต่อย่างใด
เพื่อสร้างสวนสัตว์ พวกเขามีอะไรที่ต้องคํานึงถึงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว สัตว์ ผู้ดูแล และพนักงานของสวนสัตว์
ถ้าเรียงตามลําดับความสําคัญแล้ว สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือนักท่องเที่ยว
ทําไมสัตว์ถึงไม่ได้ถูกจัดลําดับความสําคัญเป็นอันดับ 1 นะเหรอ?
สวนสัตว์ไม่ใช่สถานที่รับเลี้ยงและดูแลสัตว์ สวนสัตว์เป็นสถานที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักและดูแลสัตว์ พวกเขาต้องทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกเหล่านี้ให้มากที่สุด
ถูกต้อง!
แต่การที่พวกเขาคํานึงถึงนักท่องเที่ยวเป็นอันดับแรกก็ไม่ได้หมายความว่าการกระทําอย่างนักท่องเที่ยวคนเมื่อกี้เป็นสิ่งที่ควรปล่อยประละเลย เพราะการกระทําแบบนี้อาจทําให้สัตว์ในสวนสัตว์ได้รับอันตราย สวนสัตว์จึงต้องพยายามปรับทั้งสองฝ่ายให้สมดุลกัน
เมื่อนักท่องเที่ยวมาที่สวนสัตว์ พวกเขาก็หวังว่าจะได้เห็นภาพที่สวยงาม สัตว์ที่น่ารักและสง่างาม ตัวอย่างเช่น ผู้ชายคนเมื่อกี้ที่ต้องการเห็นจิ้งจอกทําอย่างอื่นนอกจากงีบหลับ จึงส่งเสียงรบกวนพวกมันให้มันตื่นนั่นเอง
แม้สวนสัตว์ตอนนี้จะยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ แต่การกระทําเมื่อกี้นี้ก็ไม่สมควรกระทําอยู่ดี ส่วนวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็ไม่ใช่การแปะป้ายว่า “อย่ารบกวนสัตว์”
แต่ควรออกแบบสวนสัตว์ให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกราวกับอยู่ในธรรมชาติและให้สัตว์ในสวนสัตว์ได้แสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของพวกมันออกมาได้อย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่น ถ้าเขาวางพุ่มไม้ไว้ พวกจิ้งจอกก็อาจมามุดหรือมาเล่นซ่อนแอบกันที่ตรงนี้ หรือถ้าสร้างสระน้ําไว้ เมื่อร้อน พวกมันก็จะมาว่ายน้ําเพื่อคลายร้อน แทนที่จะไปนอนอยู่ตรงมุมกรงอย่างตอนนี้
หรือแม้กระทั่งตอนงีบหลับ ถ้าเปลี่ยนพื้นคอนกรีตแข็งๆ เป็นพื้นหญ้าก็จะทําให้บรรยากาศไม่ดูแย่แบบนี้ เพราะสัตว์ที่เล่นกันจนเหนื่อย เมื่องีบหลับบนพื้นหญ้า จะมีนักท่องเที่ยวหน้าไหนใจดําปลุกพวกมันกัน?
นี่เป็นความแตกต่างระหว่างโรงจัดแสดงธรรมดากับโรงจัดแสดงแบบเสมือนจริง เพราะการสร้างโรงจัดแสดงของสัตว์ไม่เพียงแต่เพื่อแสดงพฤติกรรมสัตว์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้นักท่องเที่ยวได้ทําความรู้จักและรักในสัตว์ป่า
หลังจากที่นักท่องเที่ยวชายตัวปัญหาเดินจากไป
ถังเป่าที่นอนอยู่ในท่าสะพานโค้งก็เหมือนจะตื่นขึ้น เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ อย่างมึนงง หลังจากนั้นก็เกาคอขาวๆ ของตัวเอง
เมื่อเกาไปเรื่อยๆ มันก็ถลาลงกับพื้น บิดขี้เกียจ จากนั้นจึงลุกขึ้นสะบัดตัว สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความร่าเริงราวกับไม่มีความรู้สึกไม่พอใจกับการถูกรบกวนเมื่อกี้แต่อย่างใด
นอนหลับเต็มอิ่มมาก!
เด็กหญิงตัวน้อยเต็มไปด้วยความสุข “หม่าม้า เจ้าขนฟูตื่นแล้ว!”
“จ๊ะ จิ้งจอกน้อยตื่นแล้ว! โบกมือทักทายมันหน่อยสิค่ะ”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ถังเป่าก็เดินมาที่หน้ากรงและมองที่นักท่องเที่ยวอย่างสนอกสนใจ ดวงตาของมันโค้งมนราวกับกําลังยิ้มอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทําให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขเวลาได้เห็น
“สวัสดี เจ้าขนฟู!” เด็กหญิงแนะนําตัวอย่างจริงจัง “ฉันชื่อซวนซวน นายชื่ออะไรเหรอ?”
ถังเป่า: ???
เมื่อเห็นว่าเจ้าขนฟูตรงหน้าไม่ตอบ เด็กหญิงก็หันไปถามแม่ “หม่าม้า ทําไมเจ้าขนฟูถึงไม่พูดเหรอค่ะ”
เพราะว่าจิ้งจอกพูดไม่ได้นะสิ!
แม้จะคิดอย่างนั้น แต่คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วมองไปยังเด็กหญิงตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม นี่แหละคือความน่ารักของเด็ก
เด็กน้อยที่แสนน่ารักและบริสุทธิ์กับสัตว์น้อยแสนน่ารัก ทําให้จิตใจของทุกคนผ่อนคลาย
คุณแม่รู้สึกถึงกับพูดไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคําถามของลูกสาวยังไงดี
ถังเป่าที่กําลังตกใจอ้าปากค้าง: ????
หลังจากนั้น มันก็ส่งเสียงร้อง “อิ๋งอิ๋งอิ๋ง”
นี่แหละคือเสียงของจิ้งจอก
หญิงชราหยิบซาลาเปาออกมา และยื่นไปที่หน้ากรง “กินนี่ไหม?”
ฟางเย่: นี่มันอะไรกันว่ะเนี่ย
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ห้าม เธอก็แบ่งซาลาเปาแล้วโยนเข้าไปในกรงแล้ว แต่ถังเป่าทําแค่ดมมันครั้งสองครั้ง และเหยียบซาลาเปาจนเละแบนก่อนจะเงยหน้าขึ้นราวกับไม่สนใจ
เซี่ยวเหอรีบเข้าไปห้ามทันที “คุณยายครับ สวนสัตว์ของเราห้ามให้ให้อาหารสัตว์ครับ”
หญิงชราทําสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นก็แบ่งซาลาเปาต่ออย่างไม่สนใจ “โอ้ เจ้าตัวน้อย เอาไปสิ!”
หลานลี่รีบเดินเข้าไปห้าม “คุณยายค่ะ หนูรู้ว่าคุณยายหวังดีและอยากให้อาหารมัน แต่ว่าสัตว์พวกนี้ไม่ได้ขาดแคลนอาหาร พวกมันมีอาหารประจําของตัวเองที่ได้รับการจัดการอย่างดีอยู่แล้วคะ”
เมื่อเห็นว่าหญิงชราฟัง เธอก็รีบพูดต่อ “ลองคิดดูสิค่ะว่าถ้ามีคนมาให้ขนมกับหลานคุณยาย แล้วเขาไม่อยากกินอาหารที่กินประจำและกลายเป็นคนเลือกกินขึ้นมา แบบนี้มันจะทําให้เสียสุขภาพนะค่ะ....”
หลานลี่อธิบายอย่างใจเย็นและมีเหตุผล ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันได้ผลมากเท่าไหร่ แต่หญิงชราก็เก็บซาลาเปาของตัวเองกลับไป
ฟางเย่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ในใจของเขา ความคิดที่จะปรับเปลี่ยนสวนสัตว์แห่งนี้ยิ่งแน่วแน่มากขึ้น!