ตอนที่แล้วบทที่ 2 แต่งตั้งเป็นสนม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ฮองเฮา

บทที่ 3 เข้าวังครั้งแรก


ขณะนั่งอยู่บนเกี้ยวที่แกว่งไกวไปมามุ่งหน้าไปทางวังหลวง ในใจของฉินชิงยังคงกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าเส้นทางนี้ควรเดินไปทางไหนดี ด้านนอกเกี้ยวมีเสียงของมามาดังลอยมา

“เสียวจู่ [1] ถึงแล้วเพคะ ลงมาเพคะ ต้องเปลี่ยนเป็นเดินเข้าวังได้แล้ว”

ฉินชิงถูกพาไปที่หน้าประตูตำหนักจงชุ่ยของตน

บรรยากาศในพระราชวังให้ความรู้สึกที่อึดอัดใจและเคร่งขรึม ฉินชิงคิดว่าตำหนักของตนจะต้องเปลี่ยนการตกแต่งทันที วังแห่งนี้ให้ความกดดันผู้คนเหมือนจะหายใจไม่ออก แต่ถึงกระนั้นมันก็จะเป็นที่ซุกหัวนอนของตน อยู่แล้วสบายใจแค่นั้นก็พอ

“แถวนี้มีนายหญิงคนอื่นอยู่ด้วยหรือไม่?” ฉินชิงมองหนึ่งในนางกำนัลที่อายุราวๆ ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดปีสวมชุดสีเขียวเข้ม

“เรียนเสียวจู่ ที่นี่ค่อนข้างไกลจากสวนดอกไม้หลวง พระสนมก็มีค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงมีท่านอยู่ผู้เดียวเพคะ ท่านคือเสียวจู่ขั้นสี่ อาศัยในตำหนัก และต้องดูแลงานต่างๆ หนึ่งตำหนักเพคะ” กูกู [2] ผู้นั้นเอ่ยตอบ

กูกูคนนี้ดูแล้วค่อนข้างนิ่งสงบ ทำตามกฎระเบียบ

“ตำหนักจงชุ่ยของข้าอยู่ในความดูแลของเจ้าหรือไม่?”

“ใช่แล้วเพคะ บ่าวชื่อหลิวหลี เป็นนางกำนัลที่ดูแลงานต่างๆ ในตำหนักจงชุ่ยเพคะ ตำหนักจงชุ่ยมีบ่าวรับใช้ทั้งหมดยี่สิบสี่คน เหนียงเหนียงมีนางกำนัลคอยปรนนิบัติข้างกายสองคน มีนางกำนัลขั้นหนึ่งสองคน นางกำนัลขั้นสองสี่คน นางกำนัลขั้นสามหกคน ที่เหลืออีกแปดคนล้วนเป็นขันทีเพคะ”

ส่วนที่เหลืออีกหกคนก็แบ่งเป็นหัวหน้านางกำนัลหนึ่งคน และหัวหน้าขันทีหนึ่งคน ส่วนที่เหลืออีกสี่คนจะแบ่งไปรับผิดชอบดูแลตำหนักจงชุ่ยทางฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก

“แล้วหัวหน้าขันทีคือใคร?” ฉินชิงมองขันทีในกลุ่มคน

“บ่าวฉางชิง เป็นหัวหน้าขันทีของตำหนักจงชุ่ยพ่ะย่ะค่ะ” กงกงคนหนึ่งที่อายุประมาณสามสิบปี ดูซื่อสัตย์จงรักภักดีเอ่ยขึ้นมา

“พวกเจ้ามาจากตำหนักไหน?” ฉินชิงวางท่าเป็นเจ้านาย เอ่ยถามนางกำนัลเหล่านี้

คำตอบของแต่ละคนแตกต่างกัน มีเพียงสองคนที่ดึงดูดความสนใจของฉินชิง

“เมื่อก่อนบ่าวปรนนิบัติอยู่ที่ตำหนักอวี้เฉียนเพคะ” นางกำนัลสองคนชื่อจิ่นซิ่วและจิ่นซูตอบ

“เมื่อก่อนบ่าวเคยปรนนิบัติฮองเฮาเพคะ” นางกำนัลชื่อสือชิงคนหนึ่งตอบ

ฉินชิงกำลังคิดว่าคนจากตำหนักอวี้เฉียนมาที่ตำหนักของนางสนมได้อย่างไร คงจะเป็นฮ่องเต้ส่งมาเผื่อจะได้ใช้งาน ส่วนสือชิงในตำหนักของฮองเฮา อาจจะเป็นคนที่ฮองเฮาสอดแทรกเข้ามาในตำหนักก็ได้ ต้องดูกันต่อไป

“ข้าพาหยินผิงกับหยินซั่นมาด้วย ต่อไปนางจะเป็นนางกำนัลข้างกายของข้า จิ่นซิ่วและจิ่นซูก็รับผิดชอบงานของนางกำนัลขั้นหนึ่งไปก่อน ส่วนเรื่องอื่นเดี๋ยวให้หลิวหลีจัดการแล้วกัน”

“เพคะ เหนียงเหนียง บ่าวจะจัดการอย่างเต็มที่” หลิวหลีราวกับไม่คิดว่าตนจะได้รับอำนาจเช่นนี้ จึงตกใจเล็กน้อย

“ต่อไปข้าก็คือเจ้านายของตำหนักจงชุ่ย พวกเจ้าเองก็ต้องรับใช้ข้าอย่างเต็มที่ ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าต้องเสียเปรียบ หากพวกเจ้ากล้าทำตัวเป็นหนอนก็อย่าโทษข้าที่โหดเหี้ยม ข้าจะส่งตัวพวกเจ้าให้ผู้คุมจัดการ ได้ยินหรือไม่?” ฉินชิงทำหน้าตาเคร่งขรึม แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าห้ามล่วงเกิน

“บ่าวทราบแล้วเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะรับใช้เหนียงเหนียงอย่างสุดความสามารถ” ทุกคนคำนับแล้วถอยออกไป

ฉินชิงถูกพยุงเดินเข้ามาในตำหนักหลัก การวางมาดเมื่อครู่นี้ได้หายไปแล้ว ก่อนจะหาที่เอนกาย

“หยินผิง ข้าขอนอนพักสักครู่ อาหารเที่ยงค่อยเรียกข้า การตื่นนอนในยามอิ๋น [3] กำลังจะเอาชีวิตข้า ในเกี้ยวก็นอนไม่ได้ ข้าง่วงจะตายแล้ว”

“เสียวจู่ ท่านพูดคำไม่มงคลอีกแล้วนะเจ้าคะ” หยินผิงแสดงท่าทางขุ่นเคืองออกมา

“ฮ่าๆๆ ยิ่งเจ้าเป็นแบบนี้ข้าก็ยิ่งอยากจะพูด” ฉินชิงหัวเราะเสียงดังราวกับห้ามไว้ไม่อยู่

“เสียวจู่ ท่านล้อข้าอีกแล้ว” หยินผิงแสดงสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจออกมา

“ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าไปจัดของเถอะ ข้าขอพักสักครู่ ถ้ายังไม่ถึงอาหารค่ำก็อย่าเพิ่งเข้ามาปลุกข้า” ในที่สุดฉินชิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เตรียมเอนกายพักผ่อน

และเมื่อกล่าวจบนางก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

เวลานอนมักจะสั้นเสมอ ฉินชิงรู้สึกว่าตนเพิ่งจะหลับตาลง ยังนอนได้ไม่เท่าไรก็ถูกหยินผิงปลุก

“เสียวจู่ มากินข้าวเที่ยงได้แล้ว ท่านอยากจะกินอะไรหรือไม่?”

“เพิ่งจะนอนไปเท่าไรเอง เหตุใดถึงมาปลุกข้าแล้ว ข้าง่วงมาก” ฉินชิงตอบหยินผิงพลางหาว

“เสียวจู่ นี่มันยามโหย่ว [4] แล้วเจ้าค่ะ”

“มืดขนาดนี้แล้วหรือ?”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนู วันนี้ท่านอยากจะกินมื้อเบาๆ หรืออยากจะกินมื้อหนักๆ ?”

“เข้าวังมาวันแรก จะไม่กินอาหารอร่อยๆ ได้อย่างไร ไปเอาอาหารที่ข้าชอบแบบพวกหมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริก ปลากะพงขาวนึ่ง ไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ หมูสามชั้นกับผักกาดดอง ข้าวโพดเมล็ดสนมาให้หมด แล้วก็น้ำแกงลูกชิ้นใส่หัวหอมมาด้วย รีบให้คนไปสั่งเร็วเข้า เอาเงินไปให้คนในห้องเครื่องด้วย เพื่อให้ทำอาหารอร่อยๆ ในวันต่อไป เงินที่ให้ห้ามน้อยเด็ดขาด” ฉินชิงพูดไปก็น้ำลายไหลไป

อาหารของต้าเหลียงและอาหารจากโลกก่อนไม่ได้ต่างอะไรกันมาก อาหารที่มีชื่อเสียงก็มีบางอย่างที่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ที่ฉินชิงรู้เรื่องนี้นางยิ้มจนตาปิด ของอร่อยๆ มีอยู่ทุกที่

เมื่อฉินชิงลุกขึ้นมาก็เดินไปรอบๆ ห้อง หาเครื่องดับที่ตนชอบ วางแผนจะปรับปรุงที่อยู่ของตัวเอง ถึงอย่างไรต่อไปมันก็จะเป็นที่ซุกหัวนอนของนางในอนาคต ต้องทำให้ตัวเองสบายใจ

“ใครก็ได้มานี่หน่อย ยกแจกันดอกไม้ทองคำเหล่านี้ออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นหยกเขียว ดอกไม้ทางด้านในก็เปลี่ยน ไม่เอาดอกโบตั๋น เปลี่ยนเป็นดอกกล้วยไม้และดอกลิลลี่ ม่านด้ายสีทองนี่ก็ไม่เอา เปลี่ยนเป็นม่านไข่มุกที่ข้าเอามา ส่วนฟูกก็ไม่เอาปักด้ายสีทอง เปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนที่ข้าใช้ในจวน”

และให้คนนำของที่ตนเอามาจากบ้านมาเปลี่ยนใส่ของที่ตัวเองไม่ชอบ

แจกันดอกไม้สีทองนี้ดูสะดุดตาขนาดนั้น เดี๋ยวคนก็หาว่าตนใช้ชีวิตหรูหราในวัง ดอกโบตั๋นเป็นดอกที่ฮองเฮาชอบ ควรมอบมันให้ฮองเฮาทั้งหมดดีกว่า ม่านด้ายสีทองนั้นก็ดูบางเกินไป มองเห็นด้านในหมด จะนอนหลับได้อย่างไร อีกอย่างใครใช้ด้ายสีทองปักเป็นเครื่องนอนกัน

ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบๆ ทั้งตำหนักจึงแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก จากเหลืองอร่ามแวววาวที่แทบทำให้คนหายใจไม่ออกกลายเป็นความงดงามที่สดชื่น

ฉินชิงคิดในใจ นี่ถึงจะเหมือนกับที่บ้านหน่อย ก่อนหน้านี้นางเกือบจะสงสัยว่ามีใครอยากจะทำร้ายนางหรือไม่ ความหรูหราที่เปล่งประกายนี้ ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เพิ่งผ่านช่วงไว้ทุกข์มาไม่ชอบความฟุ่มเฟือย ทั่วทั้งราชวังตกแต่งอย่างเรียบง่าย พ่อของนางก็เป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์ แม้จะบอกว่ามีภูมิหลังครอบครัวจากชนชั้นสูง ค่ากินค่าอยู่ไม่ใช่น้อยๆ แต่ก็ไม่มีทางฟุ่มเฟือยขนาดนั้น

จากนั้นหยินผิงก็ยกอาหารเย็นกลับมา แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นของที่ตนชอบ

หลังจากกินอาหารมื้อใหญ่ไป ท้องของฉินชิงก็ป่อง นางอิ่มมาก

เมื่อนอนลงบนเตียง ฉินชิงก็ถอนหายใจกล่าว “ชีวิตคนก็เป็นแบบนี้สินะ กินอิ่มก็นอน นอนอิ่มก็กิน ช่างสะดวกสบายอะไรขนาดนี้”

“เสียวจู่ ท่านจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ พรุ่งนี้ก็ต้องไปคารวะฮองเฮาไทเฮาแล้ว ยามเหม่า [5] ท่านก็ต้องตื่นแล้ว” หยินผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ลำบากอะไรขนาดนี้ ให้ข้าอาบแดด กินข้าว นอนหลับอยู่ในวังอย่างสงบไม่ได้หรือ ถ้าเป็นแบบนี้ได้คงจะดีไม่น้อย” ฉินชิงหรี่ตาลงนอนพิงหมอน

“เสียวจู่ ท่านจะขี้เกียจแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ” หยินผิงเอ่ย

“คนเราน่ะ ควรจะกินๆ ดื่มๆ นอนๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งสบายใจและสมบูรณ์แบบ หยินผิง ช่วยข้าจัดที่นอนที ข้าจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ตื่นเช้าขนาดนั้น วันนี้ก็ควรนอนให้มากหน่อย”

---------------------------------------------------------------

(1) เสียวจู่ เป็นคำให้ความเคารพ มักใช้เรียกองค์หญิงหรือสนมที่อายุยังน้อย

(2) กูกู เป็นคำเรียกนางใน

(3) ยามอิ๋น หมายถึง คือเวลา 03.00 น. – 05.00 น.

(4) ยาวโหย่ว หมายถึง ช่วงเวลา 17.00 น. - 19.00 น.

(5) ยามเหม่า ช่วงเวลา 05.00 น. – 07.00 น.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด