ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 แต่งตั้งเป็นสนม

บทที่ 1 คัดเลือกหญิงงาม


“ปิ่นระย้าที่พี่หญิงใส่ช่างงดงามเสียจริง เดินทีก็สั่นไหว สีสันสดใสสวยงาม มองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเชิญช่างฝีมือในหอสมบัติมาทำให้เป็นแน่”

“จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่สวยเท่าต่างหูที่น้องหญิงใส่แน่นอน อัญมณีสีแดงเม็ดนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นสินค้าส่งออกชั้นดีจากทางตะวันตกเฉียงใต้ พอแสงสีแดงมาอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ช่างงดงามเหลือเกิน ถึงตอนนั้นต้องดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้เป็นแน่”

ท่ามกลางวังขนาดใหญ่มีหญิงงามไม่น้อยกำลังสนทนากันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หญิงงามเหล่านี้ล้วนมาเข้าร่วมการคัดเลือกหญิงงามครั้งแรกของแคว้นต้าเหลียง พูดถึงแคว้นต้าเหลียงแห่งนี้ ปีนี้ก็เดือนสาม ปีที่สี่ รัชศกหย่งซิ่ง ฮ่องเต้องค์ใหม่เหลียงอี้เพิ่งผ่านช่วงไว้ทุกข์มาหมาดๆ การคัดเลือกหญิงงามครั้งแรกก็ถูกจัดขึ้น เหล่าคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ทุกตระกูลต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย หวังว่าตนจะได้บินเกาะที่กิ่งไม้และกลายเป็นหงส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮ่องเต้องค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์เพียงสามปี พระสนมวังหลังตอนนี้ล้วนแต่เป็นคนเก่าของฮ่องเต้องค์ก่อน

ท่ามกลางเสียงสนทนาที่วุ่นวายนี้กลับมีหนึ่งคนที่แตกต่าง นางไม่มีสหายคนสนิทและไม่พูดคุยกับคุณหนูชนชั้นสูงคนอื่นๆ เพียงแต่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้เงียบๆ ลำพัง

มองดูหญิงงามเหล่านั้นที่ไม่ว่าประเภทไหนก็ล้วนมีหมด ทั้งแบบสูงศักดิ์สง่างาม แบบอ่อนโยน แบบทะนงตนเย็นชา หรือแบบเทพธิดา แต่ละแบบล้วนแตกต่าง เกรงว่าการคัดเลือกหญิงงามครั้งแรกของฮ่องเต้คงรวบรวมหญิงงามทุกรูปแบบมาไว้ในวังหลังเป็นแน่

มองดูคนเหล่านั้นถูกเรียกเข้าไปทีละคน บ้างก็ออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บ้างก็ก้มหน้าเช็ดน้ำตา ช่องว่างนั้นห่างกันเพียงครู่เดียวเท่านั้น

ส่วนฉินชิง นางไม่กังวลเลยสักนิด ถึงอย่างไรนางก็ต้องถูกเลือก ภูมิหลังของตระกูลนางนั้นสูงส่ง คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์มักจะถูกเลือกไปหลายคน ครั้งนี้มีสตรีจากตระกูลขุนนางมาคัดเลือกน้อยมาก หากไม่ถูกรับเลือกอย่างน้อยก็มีทางออก อย่างไรเสียก็ได้แต่งงานเป็นชายาเอกของคุณชายตระกูลใหญ่ ดีกว่าเป็นสนมของฮ่องเต้เสียอีก

“ฉินชิง บุตรสาวของขุนนางฝ่ายตรวจการฉินเหยียนเชิญเข้าเฝ้าได้” กงกงที่อยู่เบื้องหน้าแผดเสียงตะโกน

ฉินชิงเดินออกมาจากใต้ต้นไม้และตามนางกำนัลที่เดินมุ่งหน้าพาไปยังตำหนักใหญ่

เดินอยู่บนทางเดินที่ทำจากหิน ฉินชิงเอาแต่จ้องทางเดินหินอย่างเหม่อลอยตลอดทาง

นางมายังโลกนี้เมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ว จนตอนนี้ก็ผ่านไปแล้วสิบกว่าปี แม้ว่าโลกนี้จะไม่มีสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉินชิงก็มีความสุข นางได้รับความรักจากญาติพี่น้องซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะทำวิธีใดก็ตาม นั่นยังเป็นสิ่งที่นางไม่อาจตัดใจปล่อยวางได้ในตอนนี้ เมื่อนึกถึงการเลี้ยงดูด้วยความรัก ความห่วงใย และคอยปกป้องของตระกูลฉินที่มีต่อนางมาตลอดเวลาสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่นางต้องตอบแทน

ในตอนนี้ ฉินชิงมาถึงขั้นบันไดตำหนักใหญ่แล้ว มาต่อแถวกับเหล่าหญิงงาม เมื่อใบหน้าไร้สีสันของนางอยู่ท่ามกลางกลุ่มสตรีที่แต่งหน้ากันอย่างจัดจ้านเหล่านี้ แม้ว่าจะยังงดงามอยู่ แต่กลับซีดขาวและจืดชืดไปเล็กน้อย

หลังจากอ่านชื่อไปทีละคน ในที่สุดก็มาถึงชื่อฉินชิง

“ฉินชิง บุตรสาวขุนนางฝ่ายตรวจการฉินเหยียน”

“หม่อมฉัน ฉินชิง ถวายบังคมฮ่องเต้ ไทเฮา ฮองเฮา ขอให้ฝ่าบาททรงเกษมสำราญ ขอให้ไทเฮาและฮองเฮาทรงเกษมสำราญเช่นกันเพคะ” ฉินชิงก้มศีรษะทำความเคารพ

“บิดาของเจ้าคือฉินเหยียน?” ชายหนุ่มสวมชุดคลุมมังกรที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดเอ่ยขึ้น

“บิดาหม่อมฉันคือฉินเหยียนเพคะ” ฉินชิงก้มหน้าเอ่ยตอบ

“ชื่อเจ้ามีอักษรเดียว แต่กลับมีเอกลักษณ์ คำว่าชิงอย่างเดียวมีความหมายว่าอย่างไร?”

“ร่ายรำเพื่อสร้างเพียงรูปเงาเสมือน ไหนเลยจะเหมือนโลกมนุษย์ ชื่อของหม่อมฉันมาจากบทกวี ‘เมื่อใดจันทร์จักสว่าง’ ของซูซือเพคะ” ใช่ คำพูดที่ขโมยมาจากสตรีข้ามมิติมานับหมื่นพัน ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีบทกวีนี้เช่นกัน เพียงแต่ผู้ประพันธ์ไม่ใช่ซูชื่อ แต่เป็นซูซือ

“เหตุใดต้องใช้คำนี้?” ฮ่องเต้เอ่ยถาม

“ตอนที่หม่อมฉันเกิด บิดาของหม่อมฉันอยู่เจียงหนาน เป็นเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงพอดี ทำให้นึกถึงครอบครัวที่จวนเพคะ”

“ช่างกตัญญูจริงๆ ตระกูลฉินและตระกูลเฟิงไม่เลวอย่างที่คิดไว้ เจ้าอยากแสดงฝีมืออะไรหรือไม่?” ฮ่องเต้เอ่ยถาม

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันอยากบรรเลงเพลง ‘ภูเขาและแม่น้ำอันงดงาม’ ด้วยการดีดเจิง[1]ให้ฝ่าบาทและไทเฮาเพคะ” ฮ่องเต้ที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ไม่นาน ได้ฟังบทเพลงเช่นนี้คงไม่เลว

“ได้ เอาเจิงมาให้นาง” ฮ่องเต้ส่งสายตาให้ขันทีที่อยู่ข้างๆ ขันทีจึงรีบไปยกเจิงมาวางไว้ที่ตำหนักใหญ่

“เจ้าเริ่มบรรเลงเถอะ” ฮ่องเต้มองฉินชิงด้วยความสนใจก่อนจะเอ่ย

ฉินชิงก้าวเข้าไปบรรเลงบทเพลงทันที สิ่งที่ตามเสียงบรรเลงของฉินชิงมานั้น ราวกับสายน้ำและภูเขาหมื่นลี้ของแคว้นต้าเหลียงมาปรากฏตรงหน้าก็ไม่ปาน มีทั้งภูเขาสูงตั้งตระหง่านและสายน้ำที่ไหลริน ฝีมือของฉินชิงนั้นไร้ที่ติจริงๆ

ฮ่องเต้คล้ายจะพอพระทัยมาก เขาพยักหน้าเบาๆ

ส่วนไทเฮาที่เฝ้าดูเหล่าหญิงงามเมื่อครู่นี้ พวกนางล้วนพากันแต่งหน้าจัด พอคิดถึงใบหน้าเหล่านั้น นางค่อนข้างไม่พอใจ แต่ในที่สุดก็มีคนแต่งหน้าบางเป็นธรรมชาติ อารมณ์ของนางจึงดีขึ้นและรู้สึกพอใจในตัวฉินชิงไม่น้อย

“เสด็จแม่ ข้าว่าดูการดีดเจิงก็ไม่เลว เสด็จแม่ ท่านทรงคิดเห็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” ฮ่องเต้หันมาเอ่ยถามไทเฮาที่อยู่ข้างๆ

“ข้าเองก็รู้สึกไม่เลว มอบหยกเป็นรางวัลให้นาง” ไทเฮากล่าว

จากนั้นขันทีที่อยู่ด้านข้างก็ตะโกนขึ้น “ฉินชิงบุตรสาวขุนนางฝ่ายตรวจการฉินเหยียน มอบหยกให้เป็นรางวัล”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยไทเฮา” ฉินชิงโน้มตัวทำความเคารพ

จากนั้นฉินชิงก็ก้มศีรษะเดินตามนางกำนัลออกไปอย่างเงียบๆ

เดิมทีฉินชิงแค่อยากจะเห็นว่าหน้าตาของฮ่องเต้แห่งต้าเหลียงมีใบหน้าอย่างไร แต่กลับถูกเลือกเสียอย่างนั้น นางรู้สึกว่ากฎเกณฑ์นั้นเชื่อถือได้ที่สุด

นางก้มหน้าตลอดเวลา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง กลัวว่าจะทำตัวหยาบคายจนทำร้ายบิดามารดาและน้องสาว ไม่ได้ออกเรือนก็ไม่เป็นไร แต่หากสร้างความลำบากให้ครอบครัวไปจนแต่งไม่ออก เกรงว่าจะยิ่งทำให้คนรู้สึกอึดอัด

หลังจากนั้นก็มีทั้งหญิงงามที่ตกรอบและมีหญิงงามที่ได้รับรางวัล และแล้วการคัดเลือกหญิงงามครั้งที่หนึ่งปีหย่งซิ่งก็สิ้นสุดลง ฉินชิงเองก็นั่งรถม้ามาถึงจวน

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว” ต้าเหลียงยังมีการคุกเข่าเวลาลูกสาวเจอพ่อแม่ ความกตัญญูเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับต้าเหลียง

“กลับมาก็ดีแล้ว แม่เจ้าเตรียมอาหารที่เจ้าชอบไว้เสร็จแล้ว ร้อนๆ อยู่บนเตา ไปคารวะท่านปู่ท่านย่าเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเถอะ อยู่ในวังมาทั้งวัน เจ้าคงยังไม่ได้กินอะไร”

คนอื่นๆ ล้วนคิดว่าฉินเหยียนเป็นคนเข้มงวด เวลาทำงานเขาจะสำรวมกิริยา แต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่อยากทำเช่นนั้น มันจำเป็นต่องานของเขาเท่านั้น

“ลูกแม่ รีบเล่าให้แม่ฟังหน่อย ทุกอย่างในวังวันนี้เรียบร้อยดีหรือไม่?” แม่ของฉินชิงอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่นางยังดูเหมือนคนอายุสามสิบกว่าปี กาลเวลาที่ปฏิบัติต่อหญิงงามมักจะใจกว้างเช่นนี้เสมอ

“ท่านแม่ ตรงนี้ลมแรง พวกเรากลับเข้าไปคุยกันในเรือนดีหรือไม่เจ้าคะ?”

“ได้ เร็วเข้าๆๆ ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร” ขณะที่กล่าวก็จูงฉินชิงเดินเข้าไปด้านใน

เมื่อเดินผ่านทางเดินห้องโถงใหญ่ ปู่และย่าของฉินชิง รวมถึงบ้านรองและบ้านสามก็มารออยู่ในห้องโถงใหญ่แล้ว

“มาให้ย่าดูหน่อยสิ เข้าวังรอบนี้ ต่อไปอาจไม่ได้เห็นหน้าเจ้าแล้ว” ย่าของฉินชิงเป็นหญิงชราใจดี วันปกติจะคอยเป็นห่วงลูกหลานเสมอ

เมื่อน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของฉินชิงนามฉินหลานได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถาม “พี่ใหญ่ ต่อไปข้าจะไม่ได้เห็นพี่แล้วหรือ? อ๊ะ ไม่ได้นะ พี่ใหญ่ พี่ห้ามไป ถ้าพี่ไปแล้วข้าจะเล่นกับใคร?” พูดจบก็ราวกับจะร้องไห้ออกมา

ฉินหลานเป็นลูกสาวคนสุดท้องของบ้านรอง ตอนนี้อายุเพิ่งจะหกขวบ ปกติชอบมาเล่นกับฉินชิงที่สุด

พอพูดถึงตรงนี้ทุกคนก็รู้สึกเศร้าใจ คนอื่นๆ ก็ปลอบใจฉินหลานไม่หยุด

ฉินจิ่นปู่ของฉินชิงก็เอ่ยว่า “ชิงเอ๋อร์ ตระกูลฉินของเราเป็นตระกูลขุนนาง ถ้าเจ้าได้เข้าวังก็อย่าสร้างปัญหาแต่ก็อย่ากลัวปัญหา ปู่ไม่ขอให้เจ้านำพาเกียรติยศมาให้ตระกูล แค่หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่สงบสุข การเข้าวังของเจ้าคือวิธีการสร้างสมดุลอำนาจให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ ข้ารู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับเจ้าเลย ดังนั้นหากมีเรื่องอะไรขออย่าได้กลัว พวกเราจะคอยสนับสนุนเจ้าอยู่เบื้องหลัง ตราบใดที่ตระกูลฉินไม่ล้ม ชีวิตในวังของเจ้าก็จะสุขสบาย”

“ท่านปู่ ในฐานะที่ชิงเอ๋อร์เป็นบุตรสาวคนโตของบ้านใหญ่ ข้ายินดีเจ้าค่ะ” ฉินชิงเอ่ยตอบ

เมื่อคารวะท่านปู่ท่านย่ารวมถึงผู้อาวุโสคนอื่นๆ แล้ว ฉินชิงก็กลับห้อง นางหวังแค่ให้ตนมีฐานะสูงขึ้นกว่านี้ แม้จะไม่ได้รับความโปรดปราน แต่อย่างน้อยก็สามารถมีชีวิตที่สงบสุขได้

---------------------------------------------------------------

(1) เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมของจีน นับเป็นเครื่องสาย ใช้มือดีด บ้างรู้จักในชื่อกู่เจิง (กู่ แปลว่าโบราณ)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด