ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 53 : ป่าไท่ฮวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 55 : สายเลือดบรรพกาล วานรเอื้อหมัว

[ตอนฟรี] ตอนที่ 54 : คันฉ่องส่องนภา


ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของป่าไท่ฮวง

กลุ่มของมังกรบินชิงหลินกำลังกระพือปีกอยู่ในอากาศ

บนจ่าฝูงมังกรบิน หลงปี้ชรือกำลังยืนอยู่อย่างสง่า

นางสวมชุดเกราะสีน้ำเงินที่รัดรูปไปกับร่างกายอันเพรียวบางและยืดหยุ่น พร้อมกับใบหน้าที่งดงามกล้าหาญ

มีสองเขามังกรครามยื่นออกมาจากเส้นผมเหมือนการแกะสลักหินควอตซ์ มันเรืองแสงจางๆ

“ในที่สุดคลังสมบัติลับก็จะเปิดออกเสียที แล้วข้าก็อยากเห็นจริงๆ ว่าบุตรพระเจ้าตระกูลจวินจะมีสามเศียรและหกแขนหรือเปล่า” หลงปี้ชรือยกคิ้ว

นางไม่ได้ดูถูกจวินเซียวเหยา

แต่นางก็ไม่ได้คิดว่าจวินเซียวเหยาไร้เทียมทาน

ท้ายที่สุดแล้ว ในยุคแห่งความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่นี้ สถานที่ที่อัจฉริยะพุ่งทะยานเคียงข้างกัน ราชันแข่งขันชิงความเป็นหนึ่ง ใครกันที่จะมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่าไร้เทียมทาน?

ในเมื่อไม่มี เช่นนั้นจวินเซียวเหยาก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน

หลงปี้ชรือถามตัวเอง แม้นางจะไม่สามารถสยบจวินเซียวเหยา แต่อย่างน้อยนางก็สามารถหลบหนีได้

และที่นั่น นอกจากหลงปี้ชรือแห่งรังจู่หลงแล้ว

มันก็มีเผ่าราชาชั้นยอดอยู่ด้วย นั่นคือราชันหนุ่มแห่งเผ่าราชสีห์เก้าเศียร

และยังมีการคงอยู่ของเผ่านกนางแอ่นกลืนฟ้าอันทรงพลัง

เมืองหนานเทียน

จวินเซียวเหยาและคนอื่นพร้อมที่จะออกตัวแล้ว

เมื่อพวกเขาก้าวออกมาในความว่างเปล่า มันได้ดึงดูดความสนใจจากทุกทิศทางทันที

ด้วยชื่อเสียงความโด่งดังของจวินเซียวเหยาในตอนนี้ ทันทีที่เขาเผยตัวและถูกจำได้ เขาจะดึงดูดสายตาจากทุกคนที่เขาผ่านไป

แต่จวินเซียวเหยาไม่ได้สนใจมากนัก

ทว่าตอนนั้นเอง เสียงอันนุ่มนวลราวกับนกกระจิบของสตรีผู้หนึ่งได้ดังออกมาจากหุบเขา

“เซียวเหยา ไม่เจอกันนานนะ”

ได้ยินเสียงนี้เข้า จวินเซียวเหยาจึงหยุดเดินและหันหน้าไปมอง

ปรากฏกลุ่มของผู้คนที่กำลังข้ามผ่านท้องฟ้าด้วยเรือเหาะ ผู้นำคือหญิงสาวคนหนึ่งในชุดคลุมหิมะพร้อมกับผมดำปลิวสยายและเสื้อที่กำลังโบกสะบัด ราวกับนางฟ้าจุติลงมาสู่โลก

หน้าผ่องใสเหมือนคริสตัลที่เปล่งแสง คิ้วดุจบุปผาห่างไกลในภูเขา ดวงตาเต็มไปด้วยจังหวะแห่งบทกวี นางงดงามอย่างยิ่งด้วยรูปลักษณ์อันประณีต

บางทีอาจเป็นเพราะนางถือกำเนิดมาพร้อมกับตัวอ่อนเต๋า (เปลี่ยนจากต้นอ่อนเต๋า) และเข้ากันได้อย่างกลมกลืนกับเต๋า ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติและกลมกลืนกับนางเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าสตรีผู้นี้ไม่ใช่เจียงเซิ่งยี นางจะเป็นใครได้อีก?

“นั่นคือเทพธิดาจากตระกูลเจียงนี่...” สายตาของหลายคนเปลี่ยนไป

ชายหนุ่มหลายคนตะลึงงันด้วยสายตาอันประหลาดใจ

“น้า...” จวินเซียวเหยาที่กำลังจะพูดออกมา

เจียงเซิ่งยีจึงแค่นเสียงเบาๆ ราวกับกำลังเตือนอะไรบางอย่าง

“พี่สาวเซิ่งยี” จวินเซียวเหยาเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้

“ดีมาก” เจียงเซิ่งยียิ้มเห็นฟันขาว

แม้ว่านางจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเจียงลั่วหลี แต่สุดท้ายแล้วนางก็เป็นหญิงสาววัยรุ่นอยู่ดี และบุคลิกของนางก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่เกินไปและหัวโบราณอีกด้วย

จวินเซียวเหยาไม่ได้คาดว่าจะเป็นเจียงเซิ่งยีที่ตระกูลเจียงส่งมา ไม่ใช่เจียงลั่วหลี

เห็นสีหน้าของจวินเซียวเหยา เจียงเซิ่งยีหยอกล้อและกล่าว “ทำไม เจ้าผิดหวังหรือที่ไม่เห็นลั่วหลี?”

“ไม่” จวินเซียวเหยาพูดจริง

เขาไม่สนใจสาวขาสั้นคนนั้นหรอก

“นางถูกบังคับให้ฝึกอยู่ภายในตระกูล ครั้งนี้นางจึงไม่ได้มาพบเจ้า แล้วนางก็โมโหมากๆ เลยล่ะ” เจียงเซิ่งยีพูดด้วยรอยยิ้ม

“งั้นปล่อยให้นางฝึกหนักไปเถอะ ว่าแต่พี่สาวเซิ่งยี ท่านจะไปกับข้าด้วยรึเปล่า?” จวินเซียวเหยาถาม

ท้ายที่สุดแล้ว เจียงเซิ่งยีก็เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆ จากท่านแม่ และถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่ว่าอะไรหากต้องดูแลนาง

“เจ้าเด็กน้อยคนนี้นี่ ใครต้องดูแลใครกันแน่” เจียงเซิ่งยีมองจวินเซียวเหยาด้วยสายตาเอ็นดู

เห็นได้ชัดว่านางควรเป็นฝ่ายดูแลจวินเซียวเหยา ใช่ไหม?

“ก็ได้ งั้นข้าต้องรบกวนพี่สาวเซิ่งยีเมื่อถึงเวลาแล้วล่ะ” จวินเซียวเหยาไม่ได้สนใจ ยังไงเขาก็ไม่ได้ต้องการคนมาดูแลอยู่แล้ว

มองดูจวินเซียวเหยาที่พูดคุยและหัวเราะกับเจียงเซิ่งยีอย่างสบายๆ ชายหนุ่มที่รับชมอยู่ถึงกับตาลุกเป็นไฟด้วยความอิจฉา

และหญิงสาวทั้งหลายเหล่านั้นก็อิจฉาเจียงเซิ่งยีที่ได้พูดคุยกับจวินเซียวเหยา

ทันใดนั้น ทุกคนก็เริ่มมึนงงว่าควรจะอิจฉาใครดี

และในตอนนี้เอง ทั่วทั้งเมืองหนานเทียน

เสียงของนักบวชเฒ่าแห่งนิกายเต๋าสวรรค์สมบูรณ์ก็ดังขึ้น “ทุกท่าน ครั้งนี้ที่คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนเปิดออก เหล่าขุมกำลังอมตะจะผนึกฟ้าและปิดกั้นผืนดิน ไม่อนุญาตให้ผู้บ่มเพาะรุ่นเก่าทุกคนเข้าร่วม!”

“ครั้งนี้ คลังสมบัติลับจะมีความอันตรายอย่างถึงที่สุด ผู้ที่อ่อนแอควรรู้ขีดจำกัดของตัวเองและพยายามรักษาชีวิตให้รอดเป็นสำคัญ”

หลังจากเสียงเงียบลง

แสงสว่างและเงามืดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าโอบล้อมไปทั่วทั้งป่าไท่ฮวง

มันคือกระจกขนาดมหึมา พื้นผิวของมันเป็นเหมือนกับสระน้ำที่ใสบริสุทธิ์

“มันคือยุทธภัณฑ์วิเศษโบราณของตระกูลจวินของเรา คันฉ่องส่องนภา!” จวินจ้างเจี้ยนกล่าว

คันฉ่องส่องนภาสามารถสะท้อนภาพของสวรรค์และโลก

จวินเซียวเหยารู้ว่ามันเป็นเพราะพวกเขาเกรงว่าอัจฉริยะจากเหล่าขุมกำลังอมตะจะตกตายทันทีที่เข้าสู่คลังสมบัติลับ

หากมีอันตรายเกิดขึ้นในเวลานั้น พวกเขาก็จะสามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีด้วยคันฉ่องส่องนภา

“ไปกันเถอะ” จวินเซียวเหยากล่าวพร้อมสะบัดชายเสื้อ

“รับทราบ!”

ด้านหลังของเขา จวินจ้างเจี้ยน จวินเสวี่ยฮวาง จวินว่านจี๋ และจวินหลิงหลง พยักหน้าตอบเหมือนข้ารับใช้ผู้นอบน้อม

อีกด้านหนึ่ง เจียงเซิ่งยีก็นำหัวกะทิของตระกูลเจียงตามไปเช่นกัน

มันมีความประหลาดใจปรากฏในดวงตาของนาง

“ดูเหมือนหลานชายของข้าจะก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วนะ”

...

ในขณะที่จวินเซียวเหยาและคนอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไปยังป่าไท่ฮวง

ทั่วทั้งเมืองหนานเทียนเริ่มมีการเคลื่อนไหว

แม้ว่านักบวชเฒ่าจะเอ่ยเตือนถึงความอันตรายอย่างสุดขีดของคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนก่อนหน้า

แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งหัวใจอันมุ่งมั่นของเหล่าผู้บ่มเพาะได้

นั่นคือคลังสมบัติลับของผู้ทรงพลังขอบเขตจ้าวเทวะเชียวนะ

โอกาสใดๆ ที่พวกเขาได้รับจะช่วยให้พวกเขาเฉิดฉายได้

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในขุมกำลังที่แข็งแกร่ง พวกเขาจะต้องดิ้นรนหาทุกทรัพยากรและโอกาสด้วยตัวพวกเขาเอง

จีเสวียนและคนอื่นจากตระกูลจีก็ออกตัวพร้อมกับกลุ่มรุ่นเยาว์ด้วยเช่นกัน

ที่ประตูเมืองหนานเทียน เซียวเฉินที่สวมใส่ผ้าคลุมหัว เขาเงยหน้ามองแผ่นหลังของจวินเซียวเหยาและคนอื่นๆ ที่จากไปด้วยความเกลียดชังและความมุ่งมั่นในดวงตา

“จวินเซียวเหยา รอก่อนเถอะ...”

แล้วเซียวเฉินก็มุ่งหน้าไปที่ป่าไท่ฮวงด้วยเช่นกัน

และด้านหลังของเขา อู่หมิงเยว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ตามไปเช่นกัน

นางเป็นห่วงว่าเซียวเฉินจะฝึกอยู่ตัวคนเดียวในสถานที่อันตรายอย่างคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน

ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งของเผ่าจักรพรรดิ ประกอบไปด้วยหลงปี้ชรือ ราชสีห์เก้าเศียร และนกนางแอ่นกลืนฟ้าก็ออกตัวด้วยเหมือนกัน

ทั่วทุกหนแห่งของป่าไท่ฮวงกำลังเดือนพล่าน!

เมืองหนานเทียนอยู่ห่างจากป่าไท่ฮวงเพียงไม่กี่พันลี้

เพียงหนึ่งในสี่ของหนึ่งชั่วโมง จวินเซียวเหยาและคนอื่นก็มาถึงเขตนอกของป่าไท่ฮวง

จวินเซียวเหยาสังเกตบริเวณรอบๆ และป่ากว้างสุดลูกหูลูกตาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเทาอันแปลกประหลาด มันมีแฝงไปด้วยลางสังหรณ์อันเลวร้าย

และส่วนลึกที่สุดของป่า มันก็มีกลิ่นอายของจ้าวเทวะแผ่ออกมาและปรากฏสัญญาณให้เห็น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นั่นคือที่ตั้งของคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน

มีเพียงแค่คนที่มีเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนเท่านั้นที่สามารถเจาะเข้าไปส่วนลึกที่สุดของคลังสมบัติลับได้อย่างแท้จริง

คนที่เหลือทำได้เพียงเก็บเกี่ยวน้ำซุปอันน้อยนิดตรงรอบนอกเท่านั้น

ดังนั้น ผู้บ่มเพาะทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปยังป่าไท่ฮวงอย่างพร้อมเพรียงในนาทีนี้

ในเวลาเดียวกันในป่าไท่ฮวง มันก็มีเสียงคำรามของพืชโบราณและสัตว์อสูรเลือดบริสุทธิ์อยู่เป็นระยะ

พวกมันทั้งหมดปนเปื้อนกับหมอกเทาจนกลายเป็นสิ่งที่บ้าคลั่ง และพลังการสู้ของพวกมันก็แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าปกติ

ไม่นาน การสู้รบหลายแห่งจึงปะทุขึ้น

ในตอนนี้ จีเสวียนจากตระกูลจีก็มาถึงแล้วเหมือนกัน เขาจ้องมองจวินเซียวเหยาจากระยะไกล

จวินเซียวเหยาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เขาหันหน้าไปและมองเห็นจีเสวียนเช่นกัน

“เขาควรจะเป็นนักบุญน้อยจากตระกูลจี” จวินเซียวเหยาพูดอย่างไม่เห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม จวินจ้างเจี้ยนที่อยู่ด้านข้างเขากัดฟันแน่น และมีดวงตาที่เศร้าหมองเล็กน้อย

“ฮึ่ม ครั้งหนึ่งเขาเคยเอาชนะข้าด้วยการอาศัยระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า แล้วจากนั้นก็ป่าวประกาศไปทั่วว่าเขาเอาชนะตัวตนลำดับของตระกูลจวินได้”

จวินจ้างเจี้ยนพูดอย่างเย็นชา เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก

“โอ้ มีอะไรแบบนั้นด้วยหรือ” จวินเซียวเหยากล่าว

แต่ความสนใจของเขาอยู่ที่แขนขวาของจีเสวียน

กระดูกมือของราชานักบุญ อืม...

ข้าฉกมันมาดีมั้ยนะ?

*หมายเหตุ ขออนุญาตเปลี่ยนคำเรียกของฝั่งราชวงศ์ราชา,ราชวงศ์จักรพรรดิ เป็น เผ่าราชา,เผ่าจักรพรรดิ ขออภัยด้วยครับ

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด