ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 86 - ศาสตราจารย์อาวุโสไวท์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 88 - ก่อนการบินขึ้น

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 87 - เรือเหาะรูปเหยี่ยว


หลังจากที่ทยอยกันเดินออกมาจากห้องประชุม นักเรียนทุกคนก็ได้พบกับเรือเหาะขนาดใหญ่จำนวนมากจอดรออยู่เรียบร้อยแล้ว รูปลักษณ์ของพวกมันนั้นดูน่าเกรงขาม และควรที่จะเรียกว่ายานรบเสียมากกกว่า

ผนังของยานรบเหล่านี้เป็นสีดำของโลหะชนิดหนึ่งที่สะท้อนแสงมันวาวออกมา รูปทรงนั้นคล้ายกับนกนักล่าขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง ส่วนฐานที่แตะอยู่กับพื้นดินนั้น คล้ายกับกงเล็บขนาดใหญ่ ที่พยุงตัวยานที่มีลวดลายคล้ายกับเกล็ดของสัตว์ร้าย ปีก 2 ข้างที่ยืดออกไปจากตัวยาน มีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนติดตั้งอยู่รอบทิศทางไปหมด

ส่วนหน้าของยานนั้นถูกสร้างขึ้นมาตามรูปแบบของหัวนก มีส่วนที่ยื่นออกมาเหมือนกับจะงอยปากที่แหลม คม ส่วนห้องกระจกที่อยู่ด้านบน คล้ายกับเป็นดวงตาอันดุร้าย ที่คอยจับจ้องการเคลื่อนไหวของศัตรู ในยามที่ต้องทำการสู้รบอย่างดุเดือด

ในตอนที่เดวิดเห็นยานรบพวกนี้ครั้งแรก เขานั้นตกใจในความอลังการ และรูปลักษณ์ที่ดูดุร้ายน่าเกรงขามของมันเป็นอย่างมาก ด้วยส่วนประกอบของหนังจากสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับสีน้ำตาล ตัวยานนั้นส่งแรงกดดันออกมาราวกับว่ามันเป็นสัตว์ร้ายที่มีชีวิตอยู่จริง ๆ ในสายตาของเดวิด เขาคิดว่าตัวยานนั้นสร้างขึ้นมาเป็นรูปทรงของเหยี่ยว นกนักล่าที่ทรงพลัง และแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจถึง 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม แต่เขาก็คิดว่า ต้นแบบของมันน่าจะมาจากเหยี่ยวไจร์ฟอลคอน เหยี่ยวที่มีขนาดใหญ่และดุร้ายที่สุดในโลกเดิมของเขา แม้ว่าที่นั่น จะไม่ได้มีเหยี่ยวที่ตัวโหญ่โตมากถึงขนาดนี้เลยก็ตาม

“เอาล่ะ! ทุกคนฟังทางนี้! ที่นั่งและเรือเหาะที่แต่ละคนจะได้ใช้เดินทาง ถูกส่งเข้าไปที่กล่องข้อความของทุกคนเรียบร้อยแล้ว ตัวอักษรที่อยู่ด้านหน้าสุด จะหมายถึงเรือเหาะ ส่วนตัวเลขที่ต่อจากนั้น คือตำแหน่งที่นั่งที่ถูกล็อคเอาไว้สำหรับแต่ละคนแล้ว พวกเธอมีเวลา 2 นาที รีบขึ้นไปนั่งประจำที่ของตัวเองให้เรียบร้อยได้แล้ว” เสียงของศาสตราจารย์ชราคนเดิมดังขึ้นมาอีกครั้ง

เดวิดแตะที่ป้ายประจำตัว ก่อนจะสื่อสารกับ AI ทันที ‘เฮเซล ที่นั่งของผมคือหมายเลขอะไร?’ เขาเลือกที่จะสื่อสารด้วยคลื่นสมองโดยตรงในคราวนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้วิธีนี้มานานมากแล้ว หลังจากที่พบว่ามันมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างจะร้ายแรงไม่น้อย การใช้คลื่นสมองบ่อยและหนักจนเกินไป จะทำให้สมองของเขานั้นมีอาการล้าและเสียหายในภายหลังได้ แต่ในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จะต้องมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดแน่นอน เขาจึงเริ่มเตรียมตัวทำความคุ้นเคยกับมันอีกครั้ง เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ของ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อเดินทางไปถึง ‘สนามการแข่งขัน’ แล้ว

เสียงพูดนั้นสื่อสารกลับเข้ามาที่สมองของเขาโดยตรงอย่างรวดเร็ว ‘A-12’

เดวิดหันไปกล่าวกันไนฮุนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ที่นั่งฉันคือ A-12 แล้วของนายล่ะ?”

ไนฮุนเหมือนกับจะตรวจสอบมาเรียบร้อยก่อนเดวิดเสียอีก เขาตอบกลับมาได้ทันที “G-14” และด้วยสายตาและน้ำเสียงที่เรียบเฉย เขากล่าวต่อออกมาอีก

“ดูเหมือนว่าเราคงต้องไปเจอกันที่โน่นแล้วล่ะ ถ้ามันมีโอกาสนะ” คำพูดของเขานั้นตีความได้หลากหลายไม่น้อย มันอาจจะเป็นคำนัดหมาย หรือคำท้าทายก็ได้

เดวิดเม้มปากของตัวเอง “ได้เลย” และทั้งคู่ก็เดินแยกจากกันไปขึ้นยานของแต่ละคนทันที

.................

“นี่มันก็ผ่านมาเกือบเดือนหนึ่งแล้วนะ แต่เจ้าก็ยังไม่ได้อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันกลับมาเลย!” เสียงของชายผู้หนึ่งตวาดออกมา ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาจะโกรธอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ฟิลลิดาก้มหน้าลงต่ำ ไม่ได้กล่าวโต้แย้งอะไรออกมา แต่สีหน้านั้นยังราบเรียบ ไม่มีอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย น้ำเสียงที่ตอบกลับมาก็ยังคงชัดเจน และเต็มไปด้วยความเคารพ “ดูเหมือนว่าเขาจะสงสัย และระวังตัวกับหนูมากตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราเจอกัน ช่วงนี้ หนูเลยตั้งใจที่จะทิ้งระยะห่างออกมา เพื่อให้เขาเลิกคิดระแวง และลดการป้องกันตัวลงมาก่อน” เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างมั่นใจมาก

“ถ้ารุกเข้าไปหาเร็วมากจนเกินไป ผลที่ได้อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่พวกเราต้องการได้ ผู้อาวุโสได้โปรดวางใจ หนูรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ดี และตั้งใจว่า ในการแข่งขันครั้งนี้ จะสามารถสืบความลับออกมาจากเขาทั้งหมดได้อย่างแน่นอน” คำพูดของเธอนั้นหนักแน่น และดวงตาสีทองของเธอนั้นเต็มไปด้วยประกายอันเย็นชา

ได้ยินคำอธิบายของเธอ ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสจะสงบอารมณ์ของตัวเองลงได้ไม่น้อยเลยทีเดียว “ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่อง ๆ หนึ่งเท่านั้น ยังไม่ได้สำคัญที่สุด สิ่งที่เจ้าต้องทำในการแข่งขันครั้งนี้ คือการคว้าอันดับที่ 1 มาครองให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกไปด้วยอะไรก็ตาม เข้าใจหรือไม่? นี่เป็นเรื่องที่สำคัญต่ออนาคตของตระกูลเป็นอย่างมาก และเป็นคำสั่งโดยตรงของผู้นำตระกูลด้วย” เสียงของผู้อาวุโสนั้นเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

ฟิลลิดาสะดุ้งเล็กน้อย “ท่านผู้นำตระกูลกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ?”

“อืม? ท่านกลับมาไปได้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว ฉันได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องในสถาบันแห่งนี้ให้ท่านรับรู้หมดแล้ว ท่านเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องนี้เอง และดูเหมือนว่าจะจริงจังเป็นอย่างมากด้วย” ผู้อาวุโสพยักหน้ายืนยัน และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

นั่นทำให้ฟิลลิดารับรู้ถึงความจริงจังของเรื่องนี้ และพยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่นและมุ่งมั่น

ก่อนที่ผู้อาวุโสจะเดินจากไป เขาหันหลังกลับมากล่าวด้วยอาการที่ลังเลเล็กน้อย “ข้าคิดว่า ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ เจ้าสามารถใช้สิ่งนั้นได้!”

ฟิลลิดาอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง เธอยืนตะลึงอยู่กับที่ ไม่ได้รับรู้เสียด้วยซ้ำว่าผู้อาวุโสของตระกูลได้เดินออกไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เขากล่าวถึง เป็นเหมือนสิ่งที่เอาไว้ใช้รับประกันชีวิตของเธอ ในยามที่ประสบอันตรายร้ายแรง เมื่อเขาอนุญาตให้สามารถใช้มันได้ แสดงว่าการแข่งขันในครั้งนี้ มันอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน!

………………

ที่มุมลับตาคนแห่งหนึ่ง ไม่ได้ห่างจากบริเวณที่เรือเหาะจอดรออยู่มากนัก กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นจำนวนหนึ่งกำลังยืนรวมพลกันอยู่ เป็นกลุ่มของจานีน สาวสาวผมแดงคนนั้นนั่นเอง

เสียงของนักเรียนคนหนึ่งได้ทำลายความเงียบขึ้นมา “ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมพี่ถึงไม่ยอมเปิดเผยตัวตนออกไปเสียทีล่ะ?” มันเป็นคำถามที่ยิงตรงไปที่ชายหนุ่มผมสีฟ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา

ตามอันดับรายชื่อแล้ว ตอนนี้หนุ่มผมสีฟ้า เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักเรียนใหม่ แต่นอกจากการประลองเพื่อชิงอันดับที่ 1 มาจากผู้ครอบครองอันดับคนก่อนแล้ว เขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรอีกเลย แน่นอน! เด็กหนุ่มผมสีฟ้าคนนี้ก็คือลู่ฟง! คนที่เคยต่อสู้กับเดวิดนั่นเอง

มันเป็นเวลาหลายวินาทีเหมือนกัน ก่อนที่ลู่ฟงจะเอ่ยปากออกมา “นายรู้มั้ย? มีนักเรียนใหม่เท่าไรเข้าเรียนในสถาบันพร้อมกันกับพวกเรา?” มันเป็นคำถามที่ค่อนข้างแปลกไม่น้อยทีเดียว

จานีนและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ก่อนจะตอบออกมา “ถ้าหนูจำไม่ผิด ทั้งหมดน่าจะเป็น 892 คนนะ”

ลู่ฟงหัวเราะออกมาเบา ๆ “นั่นมันเป็นตัวเลขที่คนทั่วไปรู้เท่านั้นแหละ”

ทุกคนเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อนัก ก่อนที่จะมีคนตัดสินใจถามออกมา “พี่หมายความว่า มีนักเรียนใหม่มากกว่าจำนวนที่ประกาศอย่างเป็นทางการอย่างนั้นหรือ?”

คราวนี้ลู่ฟงพยักหน้าให้กับพวกเขา สูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะกล่าวอธิบายออกมา “และคนพวกนั้น แข็งแกร่งจนกระทั่งไม่สนใจในอันดับพวกนี้เลยด้วยซ้ำ สิ่งที่พวกเขาทำ คือการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองเท่านั้น ทรัพยากรต่าง ๆ ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้อย่างพร้อมเพียง คะแนนแค่ 10,000 จีโน ที่เป็นรางวัลของอันดับที่ 1 ไม่พอที่จะจูงใจให้พวกเขาลงมือเลยแม้แต่นิดเดียว”

ทุกคนที่เหลือในกลุ่มต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย

นี่เป็นแบบเดียวกันกับที่ลู่ฟงเคยรู้สึกมาก่อน ตอนที่เขาได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากโลกใต้ดิน มันแทบจะทำให้เขาสิ้นหวัง และล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ไปเหมือนกัน แต่สัญชาตญาณส่วนตัวของเขา ทำให้ตัดสินใจที่จะสู้ต่อ มันเป็นความหยิ่งทะนง และภาคภูมิใจในตัวเอง ที่ฝังลึกอยู่ในบุคลิกของเขา มันไม่อนุญาตให้เขายอมแพ้ง่าย ๆ ไปอย่างนี้

เสียงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก “แต่นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย ใครจะเป็นคนจัดหาทรัพยากรจำนวนมากขนาดนั้นให้กับพวกเขาได้?”

ลู่ฟงเพียงเหลือบไปมองเขาด้วยหางตาเท่านั้น “เรื่องนี้ นายควรจะไปสอบถามจากทางสถาบันเอาเอง ถ้านายมีความกล้ามากพอนะ” แล้วก็กล่าวออกมาต่อ

“ในตอนที่พวกเรากำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อให้มีอันดับอยู่ในรายชื่อของผู้แข็งแกร่ง เจ้าพวกนั้นคงกำลังหัวเราะเยาะพวกเราอยู่อย่างสนุกสนาน ที่ยอมเสี่ยงชีวิตอยู่โดยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยอย่างนี้” มือของเขากำแน่น เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง

คนอื่น ๆ ก็แสดงอาการไม่พอใจออกมาเช่นกัน จานีนถึงกับกล่าวออกมา “หนูไม่เชื่อหรอกว่าพวกนั้นจะแข็งแกร่งกว่าพวกเรา ไม่มีทางที่พวกมันจะรับมือกับหมัดสั่นฟ้าของหนูได้แน่”

ลู่ฟงเหลือบตามองไปที่เธอ “ตอนที่ลงมือต่อสู้กับคนอื่น ก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยแล้วกัน โดยเฉพาะคนที่ยังไม่รู้ที่มาอย่างชัดเจน”

ทุกคนพยักหน้ารับคำ

“ไปกันเถอะ!!”

..................

เดวิดก้าวขึ้นเรือเหาะไปด้วยสภาพที่ไม่มีอะไรติดตัวไปด้วยเลย นอกจากเพียงเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่เท่านั้น ในขณะที่มีนักเรียนหลายคน ได้รับมอบสิ่งของที่จำเป็นอย่างลับ ๆ จากผู้อาวุโสในตระกูลของตัวเองก่อนที่จะขึ้นมาในเรือเหาะแล้ว

“12 12 12..” เขาพึมพำกับตัวเองไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบกับที่นั่งของตัวเอง และทิ้งตัวลงนั่งอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ให้ความสนใจกับนักเรียนคนอื่นที่กำลังทยอยเดินขึ้นมา และกำลังหาที่นั่งของตัวเองอยู่เช่นกัน

ขนาดของเรือเหาะลำนี้นั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ถ้าจำเป็นจริง ๆ มันน่าจะสามารถบรรจุผู้โดยสารได้หลายร้อยคนเลยทีเดียว มันมีที่นั่งถูกจัดวางเรียงรายเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ได้ต่างจากเรือเหาะที่ใช้สำหรับโดยสารในเวลาปกติมากนัก เบาะที่นั่งนั้นนุ่มสบายพอสมควรทีเดียว

ตอนที่เดวิดหลับตาลง เพื่อหลบหนีจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในห้องโดยสารนี้ หูของเขาก็ได้ยินเสียงคนนั่งลงที่ด้านข้าง มันมาพร้อมกับกลิ่นหอมแปลก ๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้งกลิ่นสตรอเบอรี่ป่า องุ่น มะลิ และดอกไม้อีกหลายชนิดที่เขาไม่รู้จัก เป็นกลิ่นหอมที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่แล้วเดวิดก็ต้องรีบลืมตาขึ้นมามองไปทางด้านข้างนั้นทันที เพราะกลิ่นนี้เขาคุ้นเคยกับมันอยู่บ้าง และเขาก็ต้องสะดุ้งไปเล็กน้อย เมื่อได้เห็นคนที่นั่งอยู่ด้านข้างได้อย่างชัดเจน

“ไงเดวิด พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ..” เสียงหวาน ๆ ของฟิลลิดาดังทักทายออกมา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด