ตอนที่แล้วบทที่ 233: พืชกลายพันธุ์สองชนิด! คนแคระมาท้าวิ่งแข่ง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 235: ประสบการณ์แปลกประหลาดของหลี่ไข่! คนจากหมู่บ้านมาที่หน้าประตู!

บทที่ 234: โดนอีกแล้ว! เมล็ดพันธุ์ที่ไม่รู้จัก!


คนแคระมาท้าวิ่งแข่ง

‘ไอ้ขาสั้นนี่จงใจกวนตีนปะวะ?’

ฉินหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

แต่พล็อตมันมาแบบนี้แล้วก็มีแต่ต้องยอมเล่นกับมันเท่านั้น

[เอาล่ะไปที่ภูเขานอเทรอดามกันเถอะ  เราจะแข่งกันว่าใครจะวิ่งไปถึงยอดเขาได้ก่อน!]

บทสนทนาของคนแคระอาร์นี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นหน้าจอเกมก็เปลี่ยนไป

เป็นอีกหนึ่งหน้าจอมินิเกม  หน้าตาคือถนนวิ่งขึ้นเขาที่ทอดยาวจากฟาร์มไปจนถึงยอดเขานอเทรอดาม  เป็นภาพมุมมองที่แตกต่างจากหน้าจอปกติ

ฉินหลินให้ตัวละครไปที่จุดสตาร์ทพร้อมกับคนแคระอาร์นี่

จากนั้นก็เริ่มนับถอยหลัง

ฉินหลินโฟกัสกับการแข่งอย่างมากเพื่อไม่ให้อะไรผิดพลาด  ดังนั้นเมื่อนับถึง 0 เขาก็ให้ตัวละครวิ่งออกไปเลย

แต่ทันทีที่วิ่งออกไปเขาก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เพราะไอ้คนแคระอาร์นี่มันเดินทอดน่องช้า ๆ ดูเขาวิ่งเท่านั้น...

‘มันวิ่งแน่นะ?’

‘มันมาท้าวิ่งแข่งแต่ดันเดินทอดน่อง...’

แล้วฉินหลินก็สั่งให้ตัวละครหยุดวิ่ง...  ไอ้อาร์นี่มันก็หยุดด้วย!

“???” ฉินหลินตกตะลึง

แล้วก็ลองให้ตัวละครถอยหลังดู...  ไอ้อาร์นี่มันก็ถอยด้วย!

“...” ฉินหลินตกตะลึงอึ้งเงิบไปเลย

‘หรือเมื่อกี้อ่านผิด  ไม่ใช่ถึงก่อนชนะแต่เป็นถึงทีหลัง?’

แต่ก็เป็นไปไม่ได้  เพราะเขาจำได้อย่างชัดเจนเลยว่า [ใครจะไปถึงยอดเขานอเทรอดามก่อน...]

งั้นก็แปลว่าไอ้อาร์นี่มันจงใจแพ้...

‘ทำไมรู้สึกเหมือนถูกหลอกเลยวะ?’

ถึงจะรู้แบบนี้แล้วแต่ฉินหลินก็ยังหมดหนทางอยู่ดี  เพราะถ้าไม่แข่งให้จบหน้าจอมันก็จะติดอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพราะงั้นจึงต้องให้ตัวละครวิ่งไปให้ถึงยอดเขานอเทรอดามเพื่อจบการแข่งก่อน

พอตัวละครวิ่งถึงยอดเขาก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา

[ขอแสดงความยินดี  ชนะการแข่งวิ่ง!]

แล้วหน้าจอมินิเกมก็หายไป

ตัวละครกับคนแคระอาร์นี่ก็ปรากฏตัวอีกครั้งในฟาร์ม

บทสนทนาของคนแคระอาร์นี่ก็เด้งขึ้น

[เก่งมาก ๆ ฉันแพ้อีกแล้ว  นี่คือของรางวัลนะ  หวังว่าจะชอบ  ไปละ!]

พูดจบมันก็โยนกล่องใบหนึ่งทิ้งไว้แล้วหนีไปอย่างไว

‘ประหลาด  แม่งประหลาดโคตร ๆ’

ฉินหลินให้ตัวละครไปเปิดกล่องที่อาร์นี่ทิ้งไว้ออกเผยให้เห็นร่างสีขาว

“หมาจิ้งจอก?” ฉินหลินประหลาดใจ

ภายในกล่องมีจิ้งจอกขาวน่ารักมากโดยเฉพาะตรงหางนี่สวยจริง

เจอฉากนี้เข้าไปทำเอาเขานึกถึงตอนเจ้ากระรอกชื่อเหมาก่อนหน้านี้เลย

ไอ้อาร์นี่มันแทบจะรอหาเจ้าของให้เจ้าชื่อเหมาไม่ไหว  แล้วสุดท้ายเจ้ากระรอกหางใหญ่นั่นก็มาตกอยู่ในมือเขา

แล้ว...  อีกแล้วเหรอวะ...

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะใช่...

แค่เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องมาลำบากให้ทำเควสก็ได้  เพราะว่าพื้นที่สัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนจากพื้นที่ทำอาหารด้วยตัวเองที่บ้านไร่ตอนนี้ยังมีแค่กระรอกอย่างเดียวเอง  เพราะงั้นต่อให้อีกฝ่ายเอาสัตว์แบบนี้มาให้เขาอีกกี่ตัวเขาก็รับหมดแหละ  ทำไมต้องมาลำบากท้าแข่งแล้วแกล้งแพ้ด้วยก็ไม่รู้

ที่สำคัญคือจิ้งจอกขาวตัวนี้มันดูดีจริง ๆ

ที่หน้าจอตอนนี้เป็นภาพตัวการ์ตูนน่ารักตาแป๋ว  แต่ตัวมันกลับขดตัวอย่างตื่นตระหนกและดูท่าไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง

เห็นแบบนี้แล้วในใจฉินหลินอยากจะเข้าไปในเกมแล้วอุ้มมันขึ้นมาปลอบโยนซะบัดเดี๋ยวนี้

ทว่าที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ในห้องทำงานบ้านไร่น่ะสิ  เขาอยู่ที่บ้านเก่าและยังมีคนอยู่ด้วยหลายคนอีกต่างหาก  ดังนั้นจึงได้แต่ต้องรอไปก่อน

“ฉินหลินเปิดท้ายรถหน่อย  เด๋วฉันจะเอาของลง” เสียงของจ้าวโม่ชิงดังขึ้น

ฉินหลินพยักหน้าและเปิดท้ายรถ

ครั้งนี้เขายังเตรียมอาหารมาเพียบ  เพราะที่บ้านเกิดมันไม่มีพวกร้านอาหารอะไรพวกนั้นอยู่เลย

“โม่ชิง  มาเดี๋ยวช่วย” ถังซิ่วหว่านไปช่วยด้วย

ระหว่างทางเธอกับจ้าวโม่ชิงได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกันมากขึ้น

จ้าวโม่ชิงพยักหน้าและส่งจานให้ถังซิ่วหว่าน

“ฉินหลิน  เรื่องอาหารเดี๋ยวฉันกับซิ่วหว่านจัดการเอง  เธอกับศาสตราจารย์หลี่รีบไปทำงานเถอะ” จ้าวโม่ชิงรู้อยู่ว่าที่สามีมาบ้านเก่าครั้งนี้ก็เพื่อมาขุดดินพิเศษกลับไป

เธอพูดพลางหยิบของต่าง ๆ ออกจากท้ายรถแล้วพาถังซิ่วหว่านไปที่ห้องครัว

“งั้นเราไปดูทุ่งนาเก่าที่นายเล่าให้ฟังกันเถอะ” หลี่ไข่ชวน

“โอเค!  แต่รอแป๊บนะผมไปเอาของที่ห้องเก็บของก่อน” ฉินหลินพูดแล้วเดินไปที่ห้องเก็บของ

ห้องเก็บของแบบนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบ้านในชนบท  นอกจากจะใช้เก็บเครื่องมือแล้วในอดีตยังใช้เก็บข้าวที่เกี่ยวได้รวมไปถึงของเซ่นไหว้ตรุษจีนที่เตรียมไว้เซ่นไหว้ด้วย

พอฉินหลินเข้าไปในห้องเก็บของแล้วก็ปิดประตูล็อคกลอนจากนั้นก็เข้าสู่โลกในเกม

แปลว่าที่เขามาห้องเก็บของจริง ๆ แล้วจุดประสงค์หลักไม่ใช่เพราะต้องการมาเอาเครื่องไม้เครื่องมืออะไรหรอก  แต่เป็นการหาสถานที่เพื่อเข้าสู่โลกในเกมต่างหาก  เขาจะเข้าไปเอาดินวิเศษออกมาจากเกมพร้อมกับดูเจ้าจิ้งจอกขาวตัวนั้นด้วย

หน้าจอตรงหน้าหายไป  ตัวฉินหลินปรากฏขึ้นที่ฟาร์มในเกม  แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีขนยาว ๆ มาสัมผัสกับขา

เป็นหมาจิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่งนอนขดตัวอยู่แทบเท้าด้วยอาการประหม่า

ฉากนี้กระตุ้นความรู้สึกรักสัตว์ขึ้นมาเลย  เขานั่งลงแล้วลูบขนของมัน  แต่พอโดนเขาสัมผัสมันกลับยิ่งประหม่าและขดตัวแน่นขึ้น

‘เจ้าจิ้งจอกขาวนี่สงสัยจะตกใจกลัวอะไรบางอย่างหรือไม่ก็บาดเจ็บมาล่ะมั้งหนิ’

จิ้งจอกขาวซึ่งไม่ใช่ภาพการ์ตูนแล้วนั้นมีรูปร่างหน้าตาดีกว่าเดิมจริง ๆ มันทำให้คนชอบตั้งแต่แรกเห็น  มันเป็นสัตว์ของใครรับรองว่าคนนั้นจะต้องปรนเปรอมันอย่างหนักชัวร์เลย

แถมเจ้าตัวนี้มันตัวใหญ่กว่าหมาพุดเดิ้ลซะด้วย  โดยปกติแล้วจิ้งจอกเลี้ยงในบ้านจะหาตัวที่มีขนาดเท่านี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?

[(ไม่มีชื่อ) จิ้งจอกขาว: สัตว์เลี้ยงพิเศษ]

[จิ้งจอกขาวที่หน้าตาดีมาก  มีขนสีขาวนุ่มที่สัตว์ทุกตัวต้องอิจฉา  มีสติปัญญาสูงมาก

จิ้งจอกขาวเป็นสัตว์ที่ขี้อายโดยธรรมชาติ  มันได้เห็นจิ้งจอกตัวผู้ที่เป็นเพื่อนของมันติดกับดักตายจึงเกิดความหวาดระแวงและรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา  หากเจ้าของปฏิบัติต่อมันอย่างดีล่ะก็มันจะติดเจ้าของมาก ๆ และทำให้เจ้าของมีความสุข

เนื่องจากขนาดที่ใหญ่เกินไปทำให้อาร์นี่ที่เป็นคนแคระซึ่งเก็บมันได้ไม่สามารถแบกรับค่าเลี้ยงดูไหว  ดังนั้นเจ้าตัวเลยต้องการหาแหล่งอาหารระยะยาวให้กับมัน]

[สามารถผูกมัดและตั้งชื่อได้  ผูกมัดหรือไม่?]

คำอธิบายยาวเหยียด  แต่หลังจากอ่านจบแล้วฉินหลินก็เส้นเลือดปูด

‘กูว่าแล้วไอ้คนแคระเชี่ยนั่นแม่งต้องแกล้งแพ้!’

‘นี่มันทำอย่างกะกูเป็นคนรับไม้ต่อยังไงยังงั้นเลยนี่หว่า!’

กระนั้น  พฤติกรรมแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นเข้าจะด่าให้  แต่ถ้าเป็นอาร์นี่บอกเลยว่ายินดีมาก!

เพราะอะไรที่ไม่ต้องการมันก็เอามาให้เขา  เหมือนตอนเจ้าปลาเสือตอเผือกราคาตัวละ 600,000 กว่านั่นไง  ถ้าให้มาซัก 10 ไม่สิ  เอามาซัก 100 ตัวเลยก็ได้นะ!

ฉินหลินเลือก [ผูกมัด] แล้วก็ตั้งชื่อให้เจ้าจิ้งจอกขาว “ตัวขาวเหมือนหิมะงั้นชื่อเสี่ยวเสว่ละกัน!”

[เริ่มผูกมัดจิ้งจอกขาวเสี่ยวเสว่...]

แจ้งเตือนจากระบบเด้งขึ้น

หลังจากนั้นไม่นานแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นอีกรอบ

[ผูกมัดจิ้งจอกขาวเสี่ยวเสว่สำเร็จ]

แล้วจู่ ๆ ฉินหลินก็รู้สึกว่าเจ้าจิ้งจอกขาวมันเปลี่ยนไปจากเดิม  เพราะจากที่ขดตัวอยู่จู่ ๆ ก็คลายตัวออกแล้วค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วมาคลอเคลียกับขาของเขา

ดูออดอ้อนตีสนิทเหมือนเด็กกำพร้าที่ได้รับความช่วยเหลือ  ดวงตาคู่สวยแป๋วแหววของมันเอาแต้จ้องมองเขาตลอดเวลา

ฉินหลินลองยื่นมือให้มัน  มันก็กระโดดเข้ามือเขาแล้วนอนขดอยู่ในอ้อมแขน  จากนั้นเขาได้ลูบตัวมันเบา ๆ ซึ่งเจ้าตัวน้อยก็ดูจะสงบลงอย่างเห็นได้ชัด

แล้วยังมีเรื่องหน้าประหลาดใจอยู่อีก  คือเขาเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยมันยื่นอุ้งเท้าให้โดยที่อุ้งเท้ามันมีถุงเล็ก ๆ ใบหนึ่งที่น่าจะใส่อะไรบางอย่างอยู่

ฉินหลินหยิบถุงนั้นมาเปิดออกดูก็พบว่ามีเมล็ดพืชอยู่ข้างใน  พอเพ่งมองแล้วข้อความก็เด้งขึ้นมา

[เมล็ดของผลไม้ที่ไม่รู้จัก!]

[เมล็ดของผลไม้ที่คนแคระอาร์นี่เก็บได้ในส่วนลึกของภูเขานอเทรอดาม  เมื่ออาร์นี่ลองกินดูแล้วก็พบว่าไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ อีกทั้งรสชาติยังอร่อยมากด้วย  อาร์นี่ติดใจความอร่อยเลยเก็บเมล็ดของมันไว้โดยกะว่าจะเอากลับไปปลูกที่บ้าน  แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงถูกทิ้งไว้แบบนี้]

‘มาเป็นเรียงความเลยเนอะ’

‘จงใจให้เป็นค่าชดเชยล่ะสิใช่มะ?’

‘เอ๊ะหรือว่าไอ้ผีน้อยอาร์นี่ที่กะโกงเราแต่แรกรีบหนีไปเพราะกลัวความแตกจนเผลอทำตกไว้?’

‘เอาเถอะ  ยังไงก็ได้หมดแหละ’

‘ในข้อมูลบอกว่าอาร์นี่กินได้แถมยังอร่อยจนต้องเก็บเอาเม็ดมันกลับมาปลูกที่บ้านเลยหนิ  แปลว่าต้องเป็นของดีสิ’

ฉินหลินเล่นกับจิ้งจอกขาวเล็กน้อยก่อนจะอุ้มมันเข้าไปไว้ในบ้านในเกม  จากนั้นก็เริ่มจัดการธุระสำคัญ

ก่อนหน้านี้ที่ได้ขุดเหมืองทำให้เขาได้ดินวิเศษมาเพียบ  ทั้งหมดมี 13 กระสอบ  กระสอบละ 50 จิน  รวมทั้งหมดเป็น 650 จิน

ครั้งนี้เพราะเขากลับบ้านมากับหลี่ไข่อีกทั้งยังอยากขนมันกลับไปที่บ้านไร่ด้วย  ปัญหาคือจะทำยังไงให้มันแนบเนียน

ฉินหลินใช้เวลาพอสมควรในการย้ายดินวิเศษ 10 กระสอบออกจากเกมมาไว้ที่ห้องเก็บของ  จากนั้นก็ออกจากห้องเก็บของำร้อมกับจอบ 2 อันและเครื่องมือขนกลับไปที่รถ

หลี่ไข่ได้เอากระสอบออกจากรถแล้ว

เป็นกระสอบที่เอาไว้ใส่ดินโดยเฉพาะ

“ไปกันเถอะพี่หลี่!” ฉินหลินเรียกหลี่ไข่แล้วเดินนำเขาขึ้นเขาหลังบ้าน  แล้วก็อ้อมไปอีกทางเพื่อไปยังทุ่งนาเก่าตรงบริเวณไหล่เขา

“ตรงนี้เหรอ?”

หลี่ไข่มาถึงทุ่งนาเก่าและหลังจากมองดูแล้วเขาเห็นข้อพิรุธ “เหมือนดินทั้งแปลงจะโดนพรวนมาแล้วเลย  มีคนเคยมาขุดงั้นเหรอ?”

ฉินหลินต้องชื่นชมความสามารถของหลี่ไข่ในด้านนี้จริง ๆ

เพราะเขาพึ่งจะมาผสมดินเมื่อตอนตรุษจีนที่ผ่านมานี้เอง

ตอนนั้นเพื่อความแนบเนียนเขาได้เอาดินวิเศษเทลงในทุ่งนาแล้วจัดการเอาจอบสับนาทั้งผืนเพื่อพรวนให้ดินวิเศษกับดินนาเดิมผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน

ทีนี้ก็จะได้ใช้เรื่องที่เตรียมไว้แล้วนี้ให้เกิดประโยชน์ซักที “ก็ที่ผมเคยมาขุดเมื่อตอนตรุษจีนไง  นอกจากส่วนที่เอากลับไปบ้านไร้แล้วก็ยังมีอีกสิบกระสอบในห้องเก็บของ  แต่ละกระสอบหนักห้าสิบจิน  ผมไม่ได้โง่นี่นาของดี ๆ แบบนี้มันต้องแอบมาขุดเก็บไว้ก่อนเป็นธรรมดาซี่”

“งั้นก็แปลว่าขุดออกไปตั้งห้าร้อยจินแล้วน่ะสิ?” หลี่ไข่มองทุ่งนาเก่าด้วยความประหลาดใจ

“ทุ่งนาเก่านี่ขุดได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”

ฉินหลินรู้อยู่เหมือนกันว่าแปลงนาเก่านี้ไม่มีทางขุดได้เยอะขนาดนั้น  แล้วจริง ๆ ก็ไม่ได้ขุดจากแปลงนาเก่านี่ด้วย  แต่เอาของออกมาจากเกมต่างหาก  ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ต้องแถต่อไปว่า “อันที่จริงก็ไม่ได้แค่จากทุ่งนาเก่านี่หรอกครับ  ผนังโคลนตรงไหล่เขานั่นก็ด้วยอะ”

หลี่ไข่พยักหน้าเมื่อได้ยินคำอธิบายนี้  แม้ว่าจะยังที่เรื่องที่น่าคาใจอยู่บ้าง  แต่ก็ไม่ซักไซ้ต่อไม่งั้นความเป็นเพื่อนมันจะเสียเอาได้

จากนั้นเขาก็บอกว่า “มันเลอะซะขนาดนี้คงเอาใส่ท้ายรถนายไปไม่ได้แล้วล่ะ”

“นั่นสิ  แล้วผมก็ลืมเรียกรถมาขนไปด้วยคงต้องให้พี่หลี่ค้างคืนที่นี่ด้วยกันก่อน  เด๋วผมจัดห้องให้พี่นอนกับหมอถังแล้วกันนะ” ฉินหลินยิ้มกรุ้มกริ่ม

แล้วก็ยังไม่วายตอกย้ำอีกว่า “ขอให้พี่มีความทรงจำดี ๆ อะไรลืมก่อนได้ก็ลืมอย่าได้ลังเล”

หลี่ไข่เข้าใจว่าฉินหลินอยากจะสื่ออะไรและยิ้มกรุ้มกริ่มที่ดูก็รู้ว่ายิ้มทำไม

‘น้องฉินช่างเป็นคนดีอะไรอย่างเน้~’

ฉินหลินกำลังจะไปขุดดินในนาแต่กลับถูกหลี่ไข่ห้ามไว้ “ไม่ต้องรีบหรอก  ก็แค่นาแปลงเดียวเอง  เราไปเดินกินลมชมวิวกันก่อนก็ได้”

แล้วก็พูดต่อแบบเขิน ๆ ว่า “รอจนเย็นไปเลยยิ่งดี  แบบนั้นฉันจะได้ใช้การนอนเฝ้าดินพิเศษคืนนี้เป็นข้ออ้างได้แบบเนียน ๆ ไม่ดูจงใจไง...”

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด