ตอนที่แล้วตอนที่ 14 : ดอกตั๊กแตน (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 : พาเฉียวหรูหยุนออกมาให้ห่างจากตระกูลฉิน (อ่านฟรี)

ตอนที่ 15 : เฉียวหรูหยุนแท้งลูก (อ่านฟรี)


เฉียวหรูฉีเดินเข้ามาหา พร้อมยื่นมือของเธอออกมาเป็นสัญญาณให้เฉียวจินเหนียงส่งปิ่นนั้นมาให้เธอ

หากเป็นปิ่นปักผมทองคำธรรมดา เฉียวจินเหนียงก็คงจะมอบให้หรูฉีอย่างไม่อิดออด เธอมีร้านขายเครื่องประดับในหลินอันดังนั้นเธอจึงไม่เคยขาดแคลนของพวกนี้

แต่นี่เป็นของพระราชทานจากฮองเฮาซึ่งต้องเก็บรักษาอย่างระมัดระวังและไม่สามารถมอบให้ผู้อื่นได้ เฉียวจินเหนียงจะกล้ามอบให้เฉียวหรูฉีได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าเฉียวจินเหนียงไม่สนใจเธอ เฉียวหรูฉีก็นั่งลงตรงหน้าและพูดว่า “ฮองเฮาทรงหมายจะประทานปิ่นปักผมทองคำแก่ข้า แต่เป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นห่วงข้าจึงประทานมันให้ข้าผ่านทางเจ้า!”

เฉียวจินเหนียงตักน้ำซุปงูออกมาหนึ่งช้อนและชิมมันอย่างสบายๆ  มันอร่อยเหตุใดองค์หญิงฟู่ลู่และคุณหนูฉินถึงไม่ชอบซุปนี่กันนะ?

เมื่อเห็นว่าเฉียวจินเหนียงยังคงเพิกเฉยต่อเธอ เฉียวหรูฉีก็โกรธมาก “พวกเจ้า มาค้นตัวนาง!”

หงหลิง หยูหยานและสาวใช้คนอื่นๆรีบก้าวไปขวางหน้าเพื่อหยุดสาวใช้ของเฉียวหรูฉี

เฉียวจินเหนียงวางช้อนลงแล้วพูดว่า “น้องสาว เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่? ทำไมปิ่นปักผมหงส์ทองที่ฮองเฮาประทานให้ข้าถึงกลายเป็นของเจ้าไปได้?”

เฉียวหรูฉีพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ฮองเฮาแค่ทรงกลัวว่าจะประทานรางวัลให้แก่ข้ามากเกินไป ดังนั้นพระองค์จึงพระราชทานปิ่นนี่ให้ข้าผ่านทางเจ้ายังไงล่ะ!

“ไม่เช่นนั้น พระองค์จะทรงประทานรางวัลใหญ่เช่นนี้แก่เจ้าที่เพิ่งมาจากชนบทและเพิ่งพบพระนางเป็นครั้งแรกได้อย่างไร”

ที่ประตู องค์หญิงฟู่ลู่มองดูฉินเมียวเหมี่ยวอย่างทำอะไรไม่ถูก และทันใดนั้นก็พูดว่า “ที่จริงข้ารู้สึกว่าซุปงูนั่นอร่อยมาก”

ฉินเมียวเหมี่ยวไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของเธอได้

องค์หญิงฟู่ลู่กล่าวว่า “ข้า องค์หญิงฟู่ลู่ ข้านั้นทั้งกล้าหาญและแข็งแกร่ง คนอย่างข้าจะไปกลัวซุปงูเหมือนสาวน้อยบอบบางอย่างเจ้าได้อย่างไร”

“ข้าต้องเสียสติแน่ถ้าข้าเลือกที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงของราชวงศ์แทนที่จะเพลิดเพลินกับซุปงูแสนอร่อย!”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารของฮ่องเต้นั้นอร่อยก็จริงเนื่องจากได้รับการปรุงจากพ่อครัวที่เก่งที่สุดในแผ่นดินแต่นั่นมันที่วังหลวง ในงานเลี้ยงของราชวงศ์ที่นี่นับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อาหารในงานเลี้ยงของราชวงศ์ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าเพราะต้องใช้เพื่อรับรองขุนนางรวมถึงครอบครัวของพวกเขา ดังนั้นอาหารส่วนใหญ่จึงเย็นชืดตามกาลเวลา แม้ว่าพวกมันจะดูสวยงามและวัตถุดิบที่นำมาทำจะดีเพียงใดก็ตาม แต่รสชาติของมันกลับธรรมดาและจืดชืด

องค์หญิงฟู่ลู่หันหลังกลับไปที่จวนของหวังอันหยวนเมื่อเห็นดังนั้นฉินเมียวเหมี่ยวก็ลังเลอยู่ครู่นึงและตามนางไป จะปล่อยให้องค์หญิงฟู่ลู่กินน้ำซุปงูแสนอร่อยนั่นคนเดียวไม่ได้เป็นอันขาด

หลังจากที่ทั้งสองกลับไปถึง พวกเขาก็ได้ยินเสียงของเฉียวหรูฉี

เฉียวหรูฉียังคงดูถูกเหยียดหยาม “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นที่โปรดปรานของฮองเฮาจริงหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน เจ้าก็แค่สตรีที่ถูกทาสต่ำต้อยเลี้ยงดูมา! เป็นเพราะท่านแม่ใจดีเกินไปจึงปล่อยให้เจ้ากลับมาที่นี่เพื่อทำลายชื่อเสียงของหวังอันหยวน!

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงได้เป็นพระชายาไปแล้ว

“ข้าเป็นคนที่ฮองเฮาทรงโปรดปราน เจ้ากล้าดีอย่างไรที่เอาปิ่นทองคำไปแล้วไม่คืนมาให้ข้า?”

เมื่อเฉียวจินเหนียงได้ยินเช่นนี้ เธอก็ลุกขึ้นและตบหน้าเฉียวหรูฉีอย่างแรง “ข้าเป็นบุตรสาวคนโตที่แท้จริงของจวนหวังอันหยวน เป็นเจ้านายของจวนหวังแห่งนี้เช่นกัน!

“ถ้าฮองเฮาชอบเจ้าจริง เหตุใดพระนางจึงต้องประทานปิ่นทองคำนี่แก่เจ้าผ่านทางข้า?

“พระองค์ทรงเป็นพระชายาที่ฮ่องเต้รักใคร่ หากพระนางต้องมาทำอะไรแบบที่เจ้าพูด ฐานะฮองเฮาของพระองค์จะมีไว้เพื่ออันใดกัน?

“ข้ามาจากชนบก็จริง แต่เมื่อคนในตระกูลเฉียวมารังควานข้า ข้าจะไล่พวกเขาออกไปด้วยไม้กวาด และเมื่อโรงเตี๊ยมของข้าถูกพวกอันธพาลข่มขู่ ข้าจะลุกขึ้นสู้กับพวกเขา

“เจ้าดูถูกข้าโดยหาว่าข้าไม่มีมารยาทแบบสตรีผู้สูงศักดิ์ ใช่ ข้ามาจากชนบทแล้วอย่างไร

“ถ้าเจ้ายังกล้าที่จะดูถูกข้าอีก ข้าจะไม่ขอทนมันอีกต่อไป”

องค์หญิงฟู่ลู่ปรบมือและเดินไปเข้าไปหา “พูดได้ดี ตอนนี้ข้าไม่เพียงแต่ชอบอาหารที่เจ้าทำ แต่ยังชอบนิสัยของเจ้าด้วย เฉียวหรูฉี จินเหนียงเป็นเพื่อนที่ดีของข้า ถ้าเจ้ากล้าดูถูกนางก็หมายถึงเจ้ากำลังดูถูกข้า องค์หญิงฟู่ลู่คนนี้!”

ฉินเมียวเหมี่ยวเคยเป็นเพื่อนที่ดีกับเฉียวหรูฉี เนื่องจากพี่ชายของเธอและเฉียวหรูหยุนหมั้นหมายกันตั้งแต่ยังเด็ก

ก่อนแต่งงาน เมื่อพี่ชายของเขาเชิญเฉียวหรูหยุนออกมา เขาจะขอให้เธอพาฉินเมียวเหมี่ยวและเฉียวหรูฉีไปด้วย ฉินเมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้ว่าเพื่อนสมัยเด็กของเธอกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เฉียวหรูฉีไม่กล้าที่จะล่วงเกินองค์หญิงฟู่ลู่จริงๆ แต่เธอจะทนการตบหน้าครั้งนี้ได้อย่างไร

เธอปิดหน้าและวิ่งไปฟ้องพ่อแม่ของเธอ เธอต้องทำให้ทุกคนในฉางอันรู้ว่าเฉียวจินเหนียงเป็นคนร้ายกาจอย่างไร

หลังจากที่เฉียวหรูฉีจากไปจินเหนียงก็พูดว่า "ขอโทษสำหรับเหตุการณ์ที่น่าอายนี่นะเพคะ แต่หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบร้อยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หม่อมฉันไม่สามารถทนกับเฉียวหรูฉีได้อีกต่อไปจริงๆ"

หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเธอต้องการให้จวนหวังช่วยตามหาต้วนเอ๋อร์ให้เธอ เธอคงไม่ยอมทนมานานขนาดนี้

ฉินเมียวเหมี่ยวกล่าวว่า "หรูฉี เมื่อก่อนนางไม่ได้เป็นคนเช่นนี้ แต่นางบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆนับตั้งแต่องค์รัชทายาทกลับมา"

“ตำแหน่งของพระชายาทำให้สาวๆ หลายคนในฉางอันลุ่มหลงมัวเมาจริงๆ”

องค์หญิงฟู่ลู่เย้ยหยันอย่างเย็นชา “เจ้ากำลังพูดถึงข้าอยู่หรือ? เสด็จพี่รัชทายาทของข้าทั้งหล่อเหลาและมีตำแหน่งสูงส่งเสียจนผู้หญิงดีๆคนไหนก็อยากจะสมรสกับเขา! อย่าทำเหมือนว่าเจ้าถือไพ่เหนือกว่าเลย!”

ฉินเมียวเหมี่ยวกล่าวว่า "หม่อมฉันไม่ไร้ยางอายเช่นพระองค์อยู่แล้วเพคะ"

เฉียวจินเหนียง: “…”

“คุณหนูสาม ไม่ดีแล้วเจ้าค่ะ” แม่นมของจวนหวังฉินวิ่งเข้ามา "พี่สะใภ้ใหญ่ของคุณหนูแท้งลูกเจ้าค่ะ เจ้านายทุกท่านยังอยู่ในวัง ข้ารับใช้อย่างพวกบ่าวเข้าไปในนั้นไม่ได้เจ้าค่ะ…”

ฉินเมียวเหมี่ยวจ้องมองที่องค์หญิงฟู่ลู่อย่างโกรธเคือง “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของท่าน! แม่นม ข้าจะไปที่วังเพื่อไปหาท่านแม่และฮูหยินอันหยวนเพื่อดูว่าเราจะพอทำอันใดได้บ้าง”

ใบหน้าขององค์หญิงฟู่ลู่ซีดลงเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ตั้งใจ...”

แม้ว่าเฉียวจินเหนียงจะไม่เคยทนทุกข์ทรมานจากการแท้งบุตร แต่เธอก็รู้ว่าการแท้งบุตรนั้นสร้างความเจ็บปวดมากมายขนาดไหนต่อสตรี ไม่ต้องพูดถึงว่า เฉียวหรูหยุนเป็นคนที่รับภาระทางจิตใจหนักขนาดนี้ไม่ไหวเป็นแน่

“คุณหนูฉิน ข้าต้องการไปหาพี่สาวของข้า” เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า“ข้าเกรงว่าแม่ของเจ้ากับท่านแม่ของข้าจะจากไปได้ไม่ง่าย ไม่เพียงแค่นั้น ข้ายังได้ยินมาว่าน้องสะใภ้ทั้งสองคนของเจ้าไม่ง่ายเลยที่จะเข้ากันได้ ข้าเหมาะที่จะดูแลพี่สาวของข้ามากกว่าบ่าวพวกนั้น พวกเขารับมือทั้งสองคนนั้นไม่ไหวแน่เจ้าค่ะ”

ฉินเมียวเหมี่ยวรู้ว่าน้องสะใภ้อีกสองคนของเธอเป็นคนแบบไหน และอย่างที่เฉียวจินเหนียงพูด ท่านแม่ของเธอและฮูหยินอันอาจไม่สามารถไปจากที่นี่ได้เลยภายในช่วงสองวันนี้

“เอาล่ะ รับป้ายชื่อของข้าแล้วเจ้าไปได้เลย”

องค์หญิงฟู่ลู่พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้าก็จะไปด้วย”

ฉินเมียวเหมี่ยวตะคอก “ท่านจะทำให้พี่สะใภ้ของหม่อมฉันโกรธจนตายเลยเหรอเพคะ”

“ข้ารู้แล้วว่าข้าผิดจริงๆ” องค์หญิงฟู่ลู่กระวนกระวายจนแทบจะร้องไห้ “ข้าแค่ตั้งใจจะเยาะเย้ยเจ้าเท่านั้น ข้าไม่คิดว่านางจะได้ยินมันด้วย”

เฉียวจินเหนียงกล่าวว่า "เร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงฟู่ลู่ไปกับหม่อมฉันก็ถือเป็นเรื่องดีนะเพคะ”

อย่างไรก็ตาม เฉียวจินเหนียงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในจวนของหวังฉินบ้าง และผู้คนที่นั่นจะรับมือได้ง่ายหรือไม่ เมื่อองค์หญิงฟู่ลู่อยู่กับเธอ พวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรรุนแรงเกินไปนัก

องค์หญิงฟู่ลู่บอกให้สาวใช้ของเธอไปแจ้งข่าวแก่เจ้าหญิงโจวอัน จากนั้นตามเฉียวจินเหนียงขึ้นรถม้ากลับไปที่ฉางอัน

พวกเขาใช้เวลาเกือบ 1ชั่วยาม กว่าจะถึงที่จวนฉินก็เป็นเวลาค่ำแล้ว

ดวงอาทิตย์ที่กำลังลับไปย้อมทุกอย่างให้เป็นสีทอง และทหารเฝ้าประตูก็พาองค์หญิงฟู่ลู่และเฉียวจินเหนียงเข้ามาหลังจากตรวจดูป้ายของฉินเมียวเหมี่ยว

เฉียวจินเหนียงเข้าไปในลานของจวนฉิน มันใหญ่กว่าจวนของหวังอันหยวนเสียอีก การตกแต่งก็วิจิตรงดงามมากกว่า

แม่นมของเฉียวหรูหยุนทำความเคารพและกล่าวว่า “คุณหนูรอง องค์หญิงฟู่ลู่ ช่วงนี้นายหญิงไม่เจริญอาหารจึงทำให้ท่านไม่ได้ไปที่พระราชวังบนภูเขาทางเหนือด้วย รวมถึงเมื่อเช้านี้ที่นายหญิงถูกพวกสารเลวนั่นยั่วโมโหอีกแล้วเจ้าค่ะ บ่าวหมายถึงอนุของสามีนายหญิงเจ้าค่ะ พอนายหญิงกลับห้องไปท่านก็...”

เฉียวจินเหนียงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่แม่นมจะพูดคำหยาบคายเหล่านี้ ต่อหน้าเด็กสาวสองคนที่ "ยังไม่ได้แต่งงาน"

ทำไมฮูหยินใหญ่ถึงให้แม่นมที่โง่เขลาเช่นนี้แก่เฉียวหรูหยุนกัน?

เมื่อเฉียวจินเหนียงเดินเข้าไป เธอก็เห็นเฉียวหรูหยุนนอนอยู่บนเตียง เธอดูซีดเซียวมาก พวกเธอไม่ได้เจอกันแค่สองสามวัน แต่ตอนนี้นางกลับดูซูบผอมลงไปขนาดนี้

สภาพของนางในตอนนี้ทำให้เฉียวจินเหนียงนึกถึงแม่บุญธรรมของเธอตอนที่ท่านป่วยหนัก หลังจากนั้นท่านก็จากไปด้วยวัยเพียงสามสิบปี...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด