ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 78 - ชุดการควบคุมแสง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 80 - เรื่องวุ่นวายในหอสมุด

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 79 - เซรั่มพันธุกรรมพื้นฐาน-ไนท์วิชั่น


หลังจากเปิดหน้าต่างโฮโลแกรมของตัวเองขึ้น แฟรงคลินก็อ่านข้อความที่เพิ่งส่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และรีบตอบรับคำสั่งกลับไปทันที

ตามปกติแล้ว เขาจะไม่ใช่เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่ได้รับข้อความขอให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ ยังมีนักเรียนในสถาบันอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักเรียนชั้นปีสูง ๆ แบบเขา ที่ลงทะเบียนรับงานเอาไว้ เพื่อหาคะแนนจีโนสำหรับการใช้จ่ายในการทำงานวิจัย รวมถึงหาซื้อทรัพยากรที่จะช่วยให้ตัวเองมีความแข็งแกร่งที่มากขึ้น

เซรั่มพันธุกรรมพื้นฐานที่แฟรงคลินเพิ่งทำล้มเหลวลงไป ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ของสิ่งที่จะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนแข็งแกร่งขึ้นได้ เขากำลังพยายามที่จะสร้างเซรั่มที่มีส่วนประกอบของยีนไนท์วิชั่นขึ้นมา

เซรั่มประเภทนี้ เมื่อถูกใช้เข้าไปในร่างกายของมนุษย์แล้ว มันจะไปช่วยจัดเรียงลำดับเบสในเส้นสายดีเอ็นเอขึ้นมาใหม่ โดยจำเพาะเจาะจงไปที่ตำแหน่งยีนที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น ดัดแปลงลำดับยีนที่จุดนั้นให้เหมือนกันกับต้นแบบที่ถูกอยู่ในเซรั่ม

มันจะทำให้สายตาของมนุษย์ที่ได้รับเซรั่มเข้าไป สามารถมองเห็นในเวลากลางคืนได้อย่างชัดเจน

และนี่เป็นเพียงแค่เซรั่มพันธุกรรมขั้นพื้นฐานเท่านั้น ประสิทธิภาพของมันนั้นมีจำกัด มันต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน กว่าที่จะปรับเปลี่ยน จัดเรียง และสร้างยีนไนท์วิชั่นขึ้นมาบนสายดีเอ็นเอเดิมได้มากพอ และแสดงผลออกมาได้ ผู้ที่ใช้มัน จะสามารถมองผ่านความมืดได้อย่างชัดเจนในระยะ 10 เมตร

แม้ว่าจะเป็นเซรั่มพันธุกรรมขั้นพื้นฐาน และระยะการมองเห็นไม่ได้ไกลมากนัก แต่มันก็ยังมีมูลค่าที่สูงมาก ถ้านักเรียนคนใดคนหนึ่งต้องการจะซื้อมันจากสถาบันมาใช้

เพราะมันสามารถเป็นพื้นฐานสำหรับการต่อยอด ปรับเปลี่ยนลำดับเบสโดยใช้เซรั่มพันธุกรรมที่มีระดับสูงขึ้น และเกี่ยวข้องกับยีนที่ควบคุมการมองเห็นในภายหลังได้ มันจะทำให้การตัดแต่งยีนนั้นมีเสถียรภาพเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

และการซื้อวัตถุดิบมาสร้างขึ้นเอง มีราคาถูกกว่าการซื้อเซรั่มสำเร็จรูปหลายเท่าตัวนัก นั่นคือเหตุผลที่แฟรงคลิน กำลังพยายามผลิตมันขึ้นมา ทั้งเพื่อใช้ด้วยตัวเอง และอาจจะเป็นหนทางหารายได้ชั้นดีอีกด้วย

หลังจากที่ออกจากอาคารที่เขาเช่าห้องทดลองใช้อยู่ออกมาได้ แฟรงคลินก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาเดินเครื่องของชุดสกายวอคเกอร์ที่สวมอยู่ทันที หลังจากที่กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เครื่องยนต์ก็ส่งพลังออกมา มันพยุงให้ร่างของเขาลอยสูงอยู่บนนั้น หลังจากที่กำหนดทิศทางของเป้าหมายได้แล้ว แฟรงคลินก็เริ่มออกวิ่งในทันที ใช่แล้ว! เขากำลังวิ่งอยู่บนอากาศ ด้วยความเร็วที่สูงกว่าการเคลื่อนที่อยู่บนพื้นดิน อย่างเทียบกันไม่ได้เลย

...............

หลังจากใช้เวลาเพียงไม่นานนัก เขาก็มายืนขมวดคิ้วอยู่ที่จุดหมายปลายทางแล้ว สภาพของสถานที่เกิดเหตุตรงหน้า ทำให้แฟรงคลินรู้ได้ทันทีเลยว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว

มีคนนอนสลบอยู่บนพื้น ดูแล้วน่าจะเป็นนักเรียนทั้งหมด แต่จำนวนนั้นมากถึง 4 คนด้วยกัน

เขาเริ่มขยับตัวเพื่อเข้าไปทำหน้าที่สำรวจพื้นที่เกิดเหตุตามที่ได้รับมอบหมายมา แต่ไม่ก่อนที่จะได้ยินเสียงของเครื่องยนต์ดังเบา ๆ มาเข้าหู

วูซ!!

เสียงนั้นดังให้ได้ยินชัดขึ้นเรื่อย ๆ และปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งกำลังร่อนลงมาจากด้านบน เครื่องยนต์ขนาดเล็กค่อย ๆ ลดกำลังลงเรื่อย ๆ จนลงมาร่างนั้นลงมายืนอยู่ที่พื้นได้อย่างนิ่มนวล

แม้ว่าแฟรงคลินจะยังไม่รู้ว่าคนที่มานั้นเป็นใคร เพราะผู้มาใหม่ อยู่ในชุดเสื้อคลุมที่ปิดบังตัวเองเอาไว้ได้อย่างมิดชิด แต่เขาก็มีสีหน้าที่มืดมนไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องดีนัก ที่จะมีคนมาแบ่งรายได้จากงานนี้ไป

หลังจากที่ผู้มาใหม่ปิดเครื่องยนต์ของเขาลงเรียบร้อย แฟรงคลินที่ปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติได้แล้ว ก็เดินเข้าไปตรวจสอบอาการของเด็กนักเรียนที่นอนสลบอยู่คนหนึ่ง ปากก็เอ่ยคำทักทายออกไป “เธอก็มาด้วยเหรอ?”

ผู้มาใหม่ไม่ได้เอ่ยทักทายตอบกลับมา เธอเพียงแต่ยกมือขึ้นเปิดฮูดของชุดคลุมที่ปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ออก เผยให้เห็นหน้าตาสวยงามของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ดวงตาสีเทานั้นกำลังเป็นประกาย กวาดมองดูพื้นที่รอบ ๆ อย่างละเอียด

คีร่าไม่ได้สนใจที่จะทักทายแฟรงคลินอย่างมีมิตรไมตรีเลย เธอถามคำถามที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ออกไปแทน “เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน?”

แฟรงคลินก็ไม่ได้สนใจความเย็นชาของเธอเช่นกัน เขานั่งยอง ๆ อยู่ที่พื้น กำลังกวาดตามมองสถานที่เกิดเหตุไปรอบ ๆ พยายามหาร่องรอยที่น่าสนใจไปเรื่อย ๆ “อย่ามาถามฉันเลย ฉันเพิ่งมาถึงก่อนเธอแค่แป๊บเดียวเท่านั้น”

หลังจากที่ตรวจสอบอาการของทุกคนจนครบแล้ว เขาก็เอ่ยออกมา “เด็กพวกนี้ ดูเหมือนจะแค่สลบไปเท่านั้น กระดูกหักแค่ไม่กี่ท่อน ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต” แม้ว่าแฟรงคลินจะยังไม่ได้เป็นผู้ช่วยนักพันธุศาสตร์ แต่ประสบการณ์ของเขานั้นก็ยังมากพอ ที่จะตรวจอาการบาดเจ็บเบื้องต้นแบบนี้ได้

และถึงแม้ว่าเขาจะมั่นใจเรื่องการตรวจอาการบาดเจ็บ แต่เรื่องการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญที่เขาจะอวดตัวเองได้เลย นี่คือเหตุผล ที่ทางสถาบันมอบหมายให้คีร่าเข้ามาร่วมสอบสวนในงานนี้ด้วย เธอนั้นมีความสามารถในการรวบรวมหลังฐานจากที่เกิดเหตุ ซึ่งจะใช้ขยายผลออกไปเสาะหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้ได้

คีร่ามองไปรอบ ๆ บริเวณด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด ดวงตาของเธอเหมือนจะมีแสงสีเทาเปล่งเป็นประกายออกมา มันทำให้รอบ ๆ บริเวณที่เธอจ้องมองไปนั้น สว่างขึ้นมาจากปกติเล็กน้อย มันเป็นทักษะที่เธอนั้นฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และมีประโยชน์ในการรวบรวมหลักฐานมากเลยทีเดียว

เสียงของแฟรงคลินดังขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันว่าน่าจะเป็นการทะเลาะกันเป็นกลุ่ม ถ้าดูจากการที่ไม่มีภาพอะไรบันทึกเอาไว้ได้เลย และไม่มีสัญญาณเตือนส่งไปที่ AI หลักของระบบ พวกเขาน่าจะใช้สนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้าอะไรสักอย่างด้วยแน่ ๆ มีแต่กลุ่มขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถนำของอย่างนี้ออกมาใช้ได้” นี่คือการสรุปที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว

แต่คีร่าที่กำลังตรวจสอบรอยแตกที่เกิดจากการกระทืบเท้าของเดวิด พร้อมกับรอยเท้าลึกอีกจำนวนหนึ่งอยู่ ส่ายหน้าออกมาอย่างไม่เห็นด้วยทันที “จากที่ฉันตรวจดูร่องรอยทั้งหมดแล้ว ไม่น่าจะใช่กลุ่มคน น่าจะมีแค่เพียงคนเดียวมากว่า ที่จัดการกับนักเรียน 4 คนนี่จนสลบไปทั้งหมด”

แฟรงคลินจ้องหน้าเธออย่างสงสัย เขาคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปเสียด้วยซ้ำ

คีร่าพยักหน้ายืนยันอย่างมั่นใจ “ฉันคิดว่า.. ไม่สิ! ฉันแน่ใจว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ลงมือ ร่องรอยทั้งหมดนี้น่าจะเกิดขึ้นจากคน ๆ เดียวเท่านั้น”

และหลังจากนั้นไม่นาน นักเรียนที่สลบทั้ง 4 คนก็ถูกนำตัวออกจากที่เกิดเหตุไป พร้อมกับการรายงานถึงเรื่องราวที่ตรวจสอบได้เข้าสู่ระบบ

...............

หลังจากนั้นไปอีก 2-3 อาทิตย์ เดวิดไม่ได้ปล่อยให้การต่อสู้ระหว่างเขากับกลุ่มของนิคมาส่งผลอะไรทั้งสิ้น เขายังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอย่างหนักอยู่ทุกวัน ไม่ยอมเหลวไหลเลยแม้แต่น้อย

ตอนที่เข้าสู่อาทิตย์ที่ 2 ของการเปิดเรียน มันเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายสำหรับเดวิดอยู่พอสมควร การคุ้มครองของเขานั้นหมดเวลาลง และสามารถถูกนักเรียนคนอื่นบังคับท้าประลองได้อีกครั้ง

ตามปกติแล้ว เมื่อการบังคับท้าประลองเกิดขึ้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ผู้ที่เป็นฝ่ายเริ่มต้นการประลอง จะเสียสิทธิ์ในการบังคับท้าประลองของอาทิตย์นั้นไปทันที

ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ถูกท้าประลอง ก็จะได้รับการคุ้มครอง โดย AI จะระบุการคุ้มครองเอาไว้ในข้อมูลส่วนตัวจนหมดเวลา 1 อาทิตย์ แล้วจึงจะยกเลิกการคุ้มครองนั้นออกไป

แต่ช่วงเวลา 2 อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เดวิดต้องรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย เผชิญกับการโจมตีของนักเรียนที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน และเขาก็ยังรอดมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จนกระทั่งเจอการโจมตีของนักเรียนคนหนึ่งเข้าไป มันเกือบทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักเลยทีเดียว

ในตอนนั้น เดวิดกำลังอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลาย เพราะได้จัดการกับการบังคับท้าประลองไปเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่เป็นเพราะเขานั้นมีความสามารถในการรับรู้อันตราย และปฏิกิริยาที่ว่องไวแล้ว คงโดนการโจมตีที่รุนแรงนั้นจัดการภายในกระบวนท่าเดียว

กลายเป็นว่านักเรียนคนนั้น ถึงกลับสามารถหาอุปกรณ์ที่แทรกแซงการคุ้มครองมาใช้กับเดวิด ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่ต้องถูกบังคับถ้าประลองอย่างไม่รู้ตัว มันเป็นการทุ่มทุนอย่างมโหราฬไม่น้อยเลยทีเดียว น่าเสียดายที่มันไม่ประสบความสำเร็จ

.......

หลังจากจบชั้นเรียนสุดท้ายของวันนี้แล้ว เดวิดกล่าวลากับไนฮุน แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่หอสมุดอย่างรวดเร็ว การฝึกฝนของเขานั้นเกิดปัญหาขึ้นมาในที่สุด ความก้าวหน้าของมันหยุดลงอย่างกะทันหัน ตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันก่อน มันทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดของเขาไม่เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงอัตราการหมุนเวียนของเลือดด้วย การฝึกฝนของเขากลายเป็นความพยายามที่สูญเปล่าไป

จากการคำนวณของเขาก่อนหน้านี้ การฝึกฝนด้วยจำนวนรอบที่มากขึ้น จะทำให้ประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายนั้นลดลงเรื่อย ๆ แต่มันจะสามารถฝึกต่อไปได้อีกเป็นปี ๆ ไม่ใช่หมดประสิทธิภาพลงไปอย่างกะทันหันแบบนี้

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในร่างกาย มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างในหน้าอกของเขา คอยป้องกันไม่ให้หัวใจเต้นเกินความเร็วสูงสุดขึ้นไปได้อีก เขาจึงต้องมาที่หอสมุด เพื่อศึกษาให้รู้แน่ชัด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่

เมื่อเขาเข้ามาในอาคารหอสมุดได้แล้ว ก็หันไปเห็นหญิงสาวคนเดิมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เคาน์เตอร์ ให้ความสนใจกับหนังสือที่มองไม่เห็นตรงหน้าเหมือนกับครั้งก่อน ตอนที่ขู่เขากับไนฮุนที่เพิ่งเคยเข้ามาในหอสมุดเป็นครั้งแรก มันยังเป็นความขุ่นเคืองอยู่ในใจของเดวิดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

เขาตัดสินใจก้าวยาว ๆ ตรงไปหาเธอทันที และเมื่อมายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้ เขาก็ยื่นมือออกไปเคาะลงที่เคาน์เตอร์โลหะนั้นเบา ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากเธอ เมินเฉยต่อคำเตือนที่เธอเคยเอ่ยเอาไว้คราวก่อนอย่างสิ้นเชิง.. ในเมื่อนักเรียนไม่ได้รับอนุญาตให้สู้กันตามใจชอบ เขาจะต้องไปกังวลอะไร?

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด