ตอนที่แล้วตอนที่ 87 มุ่งทะยานอย่างไม่ลังเล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 89 จริงเท็จ

ตอนที่ 88 ระดับปรับแต่งจิต


กัวหลินซานหยิบบางอย่างออกมาจากอก เดินถอยหลังไปสองสามก้าว เล็งที่เฉินเฟยและสิ่งแปลกประหลาดที่กำลังวิ่งไล่ตามอย่างบ้าคลั่งจากระยะไกล

“หินบันทึกภาพ? ศิษย์พี่กำลังทำอะไร?”

เฉินเฟยมองสิ่งที่อยู่ในมือกัวหลินซานอย่างประหลาดใจและมองกัวหลินซานอย่างสับสน นี่เขาคิดจะทำอะไร?

“เก็บหลักฐานไง ศิษย์น้อง ครั้งนี้เจ้ามีส่วนร่วมด้วย!”

กัวหลินซานยิ้มอย่างสดใส ในภาพถ่าย เฉินเฟยถือกระบี่ยาวในมือข้างหนึ่งโดยมีสิ่งแปลกประหลาดเขียวหลายสิบตัวไล่ตามเป็นพื้นหลัง แน่นอนว่าเทียนขาวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เฉินเฟยมองกัวหลินซานอย่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่ากัวหลินซานจะพกหินบันทึกภาพติดตัวด้วย

เฉินเฟยรู้จักหินถ่ายภากจากก่อนหน้านี้ มันไม่สามารถบันทึกเสียง มีเวลาสั้นและภาพค่อนข้างเบลอ

เป็นเช่นเดียวกับตอนที่เฉินเฟยอยู่ในการประเมินสมาคมนักหลอมโอสถ หินบันทึกภาพบันทึกได้เพียงไม่กี่ส่วนจากทั้งหมด

นอกจากนี้มันยังจำกัดจำนวนครั้งในการใช้ หลังใช้งานไม่กี่ครั้งจะพังทันที มันมีราคาแพงแต่ไม่ทนทาน

ไม่อย่างนั้นหากหินบันทึกภาพอยู่ได้นานกว่านี้ เกรงว่าในโลกนี้คงมีการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านอื่น

“ศิษย์พี่ ไปเถอะ!”

เฉินเฟยมองสิ่งแปลกประหลาดเขียวเหล่านั้น หลังจากกัวหลินซานหยิบหินบันทึกภาพออกมาบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนแรกเขารู้สึกประหม่าและกลัว ตอนนี้กลับเป็นภาพเลือนรางเหมือนเป็นการพักผ่อน

“โฮก!”

ทันใดนั้นสิ่งแปลกประหลาดเขียวกระโดดออกมาจากไหนไม่รู้ได้พุ่งเข้าหาเฉินเฟย เฉินเฟยสบัดแขน โล่กระบี่ถูกสร้างขึ้นป้องกันสิ่งแปลกประหลาดเขียวตัวนั้น

“ได้ ไปกันเถอะ” กัวหลิฯซานเก็บหินบันทึกภายแล้วหัวเราะเสียงดัง

“ดี!”

เฉินเฟยโอบไหล่กัวหลินซานวิ่งลงจากภูเขาต่อ จำนวนสิ่งแปลกประหลาดเขียวที่อยู่ด้านหลังไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก รวมแล้วมีประมาณสี่สิบห้าสิบตัว เห็นได้ชัดว่าสลัดสิ่งแปลกประหลาเขียวไปได้มากมาย

ขณะที่สิ่งแปลกประหลาดเขียววิ่งตามมา พวกมันเบียดเสียงกันอย่างหนาแน่ พอเห็นจำนวนมากมายเช่นนี้ก็รู้สึกขยะแขยงไม่น้อย

เทียนขาวในมือกัวหลินซานเผาไหม้ไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ด้วยท่าร่างของเฉินเฟยจึงไม่น่ามีปัญหาที่จะไปถึงเมืองเซียนเมฆาด้วยเทียนขาวครึ่งเล่ม

โชคดีที่เฟิงซิวผู่และคนอื่นปิดกั้นสิ่งแปลกประหลาดทรงพลังได้ ไม่อย่างนั้นเฉินเฟยคงได้ล่อตัวที่แข็งแกร่งมาอยู่ในฝูงสิ่งแปลกประหลาดและคงไม่ง่ายเหมือนในเวลานี้

“ลากเข้าเมืองเซียนเมฆาเลยหรือไม่?” เฉินเฟยถามเสียงต่ำ

“ใช่ ลากเข้าเมืองไปเลย เมืองเซียนเมฆามีค่ายกลป้องกัน ตราบใดที่สิ่งแปลกประหลาดเข้าใกล้พวกมันต้องตายแน่” กัวหลินซานพยักหน้า

“ศิษย์พี่ กระบี่วิญญาณคืออะไร?”

การล่อสิ่งแปลกประหลาดครั้งนี้ไม่เป็นอันตราย ทันใดนั้นเฉินเฟยนึกถึงกระบี่ทิวเขามรกตในมือเฟิงซิวผู่ในตอนนั้น คนแรกที่สังเกตเห็นสิ่งแปลกประหลาดคือเฟิงซิวผู่หรือกระบี่เล่มนั้น

เฉินเฟยมองกระบี่ยาวในมือและป้องกันสิ่งแปลกประหลาดอีกสองสามครั้ง ในเวลานี้กระบี่ยาวเหล็กชั้นดีสึกกร่อนแล้ว หากใช้ปะทะอีกสองสามครั้งคงแตกหัก

“กระบี่วิญญาณเป็นกระบี่ที่มีวิญญาณ” กัวหลินซานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ

พอได้ยินคำตอบของกัวหลินซาน เฉินเฟยแทบจะสะดุดเท้าล้ม คำอธิบายนี้หยาบเกินไปหรือไม่ เป็นคำอธิบายตรงตามความหมายตามตัวอักษรหรือ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่รู้เหมือนกัน ข้าเพียงได้ยินอาจารย์พูดถึงเป็นบางครั้ง”

ราวกับรู้ว่าคำอธิบายของตัวเองไม่ได้เรื่อง กัวหลินซานจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินมาว่ามันเป็นอาวุธที่ใช้โดยผู้แข็งแกร่งปรับแต่งจิต สำหรับเราระดับปรับแต่งร่างกายยังไม่อาจแสดงพลังของมันได้อย่างเต็มที่ ศิษย์น้องรู้จักระดับปรับแต่งจิตหรือไม่?”

“ข้าได้ยินคนพูดกันว่าถัดจากระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน หากทะลวงต่อไปจะเป็นระดับปรับแต่งจิต” เฉินเฟยพยักหน้า

“ใช่ ต่อจากระดับขัดเกลาอวัยวะภายในคือระดับปรับแต่งจิต แต่ระดับปรับแต่งจิตเป็นเพียงชื่อเรียกโดยรวม ชื่อจริงของมันคือระดับขัดเกลาทวาร พวกเราใช้คำว่าเทพเนื่องจากเปิดจุดเล้นลับในร่างกายเพื่อกระตุ้นศักยภาพ” กัวหลินซานพูดด้วยความปราถนาบางอย่าง

“อาจารย์อยู่ในระดับปรับแต่งจิตหรือไม่?”

เฉินเฟยถามเสียงต่ำโดยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เฉินเฟยรู้สึกว่าลมปราณของเฟิงซิวผู่ไม่ค่อยต่างจากระดับขัดเกลาอวัยวะภายในมากนัก มากสุดเพียงลึกล้ำกว่า

“เคยเป็น อาจารย์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงทำให้ระดับลดลง ท้ายที่สุดแล้วอาจารย์เคยอยู่ในระดับขัดเกลาทวาร ดังนั้นจึงมีสิ่งพิเศษอยู่เล็กน้อยทำให้สารถใช้กระบี่ทิวเขามรกตได้” กัวหลินซานถอนหายใจ

เฉินเฟยไม่เข้าใจ เมื่อกำลังจะพูดต่อทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาไกลกว่าสิบลี้ แม้จะอยู่ไกลมากแต่ยังได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

เฉินเฟยทั้งสองหันไปมอง เห็นแสงกระบี่พุ่งขึ้นฟ้าซึ่งกินเวลาชั่วขณะก่อนจะหายไป

“นั่นใช่กระบี่ทิวเขามรกตหรือไม่?” เฉินเฟยถามอย่างรวดเร็ว

“ไม่รู้ ตรงนั้นอยู่ไกลเกินไป” กัวหลินซานส่ายหัว

“สิ่งแปลกประหลาดพวกนั้นหยุดแล้ว!” เฉินเฟยมองสิ่งประหลาดเขียวในระยะไกล เมื่อครู่พวกมันยังอยู่ติดกันและวิ่งอย่างบ้าคลั่ง แต่ตอนนี้เริ่มหยุดเท้าแล้ว

“แป๊ะ!”

ไส้เทียนขาวส่งเสียง แต่สิ่งแปลกประหลาดไม่ขยับแม้แต้น้อย

“ฮื่อ!”

เสียงทุ้มแหลมดังมาจากปากสิ่งแปลกประหลาด ทันใดนั้นสิ่งประหลาดก็หันกลับเข้าไปในภูเขา

“ผู้นำมันบาดเจ็บ สิ่งแปลกประหลาดพวกนั้นจึงกลับไป” ดวงตากัวหลินซานเป็นประกายและเป่าดับเทียนขาวที่เหลือ

“เช่นนั้นเราจะกลับไปที่สำนักเลยหรือไม่?”

“อืม กลับกันเถอะ”

กัวหลินซานพยักหน้า “สำนักรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว อีกไม่นานกองกำลังสนับสนุนคงมาถึง กลับไปรออาจารย์กับคนอื่นเถอะ”

“ได้!”

เฉินเฟยพยักหน้า ทั้งสองวิ่งไปที่สำนักกระบี่เริ่มดวงดาว

เนื่องจากทางลงภูเขาค่อนข้างไกล ทั้งสองจึงใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการกลับมายังสำนัก

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่กลับมาแล้ว!”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องเฉิน พวกเจ้าไม่เป็นอะไร เยี่ยมมาก!”

เมื่อเห็นกัวหลินซานกับเฉินเฟย ฝูงชนจึงเข้ามารวมตัวกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นี่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นหลังผ่านหายนะ หลายคนคิดว่าพวกเขาไม่รอดแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะกลับมาได้อย่างราบรื่น

“ทุกคนกลับมาหมดแล้วหรือ?”

กัวหลินซานมองฝูงชนและพบว่ามีคนหายไปอีกหลายคน เมื่อได้ยินคำพูดของกัวหลินซาน คนอื่นๆจึงเงียบลง

นี่ก็นานมากแล้ว หากยังไม่ได้กลับคงจะไม่ได้กลับมาอีก

กัวหลินซานถอนหายใจ เขากับเฉินเฟยพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แม้ว่าเทียนขาวจะดึงดูดสิ่งแปลกประหลาดไป แต่ระดับของมันมีจำกัดและไม่ได้ดึงดูดสิ่งแปลกประหลาดทุกตัวในคราวเดียว

ด้วยเวลาที่ต่างกันเล็กน้อย หากบางคนโชคร้ายก็คงได้เจอสิ่งแปลกประหลาดเขียว

หนึ่งชั่วยามต่อมา เฟิงซิวผู่และคนอื่นกลับมา

ทุกคนได้รับบาดเจ็บ มีแม้กระทั่งแขนขาดไปข้างหนึ่ง ร่างเฟิงซิวผู่เต็มไปด้วยเลือดแต่โชคดีที่เขาปลอดภัย

เฟิงซิวผู่ประหลาดใจเมื่อเห็นว่าคนมากมายจากสาขาตัวเองกลับมา การรับมือกับสิ่งแปลกประหลาดนี้ยากเกินความคาดหมายของทุกคน มันมีลูกเล่นมากมายที่ทะลวงการป้องกันของพวกเขาได้

ต้องการจะไล่ตามไปแต่ต้องมาติดพันเสียก่อน

แม้ว่าการช่วยเหลือจากสำนักจะไปไม่ถึง แต่เฟิงซิวผู่และบางคนยังรอดกลับมาได้ บางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับผู้นำตัวนนั้น

“ไปพักผ่อนเถอะ ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

เฟิงซิวผู่ถอนหายใจยาวหันกลับไปที่บ้าน คนอื่นต่างแยกย้ายกันไป

กลางคืนยาวนาน ผู้คนมากมายนอนพลิกตัวไปมา

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมื่อเฉินเฟยมาถึงลานบ้านเฟิงซิวผู่ เขาพบว่าที่นั่นมีคนโต้เถียงกันเสียงดัง