ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 403 ความทะเยอทะยาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 405 จัดตั้งกระดานหมากรุก

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 404 ราชา


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 404 ราชา

แปลโดย iPAT  

“หลังจากที่ข้าเข้าพบท่านหญิงคราวก่อน ข้าเดินทางไปยังภูเขาเถาองุ่นเขียวทันทีเพื่อฆ่าตาแก่นั่น อย่างไรก็ตามข้าลงเอยด้วยการตกหลุมพรางของฟู่ชิงยินแห่งวังหลอมรวมดาบ หลังจากนั้นเขาก็สร้างค่ายกลแตกสลายไว้บนภูเขาเถาองุ่นเขียวทำให้ข้าไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้อีก”

“ค่ายกลแตกสลาย! เจ้าสามารถผ่านเข้าไปงั้นหรือ?” การแสดงออกของหอยทากมังกรกลายเป็นกระวนกระวายเล็กน้อย

“ท่านรู้จักมันงั้นหรือผู้อาวุโสหอยทากมังกร? กล่าวตามตรง ข้าไม่สามารถผ่านเข้าไปได้และข้าก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดผ่านมันได้นอกจากท่านหญิงแมงมุม นั่นทำให้ข้าต้องใช้เวลาวางแผนอยู่นาน ข้ารอกระทั่งคืนที่สมาชิกของกองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจไปรวมตัวกันที่เมืองชิงเหอ”

“กองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจ?” คิ้วของหินเหล็กเพลิงขมวดแน่นอน นี่เป็นชื่อที่ใช้เย้ยหยันปีศาจโดยตรง

“ถูกต้อง กองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจประกอบด้วยนิกายต่างๆและนำโดยวังหลอมรวมดาบ ในมณฑลชิงเหอ ฟู่ชิงยินดูเหมือนจะเป็นผู้รับผิดชอบ”

“กล่าวต่อไป” ราชินีแมงมุมครุ่นคิด

“ข้าตามพวกเขาไปที่นั่นและพบผู้ฝึกตนก่อกำเนิดมาพร้อมกับเรือเหาะลำใหญ่ก่อนจะจากไปต่อหน้าทุกคน หลังจากนั้นข้าก็ได้เรียนรู้ว่ามันมีชื่อว่าเรือเหาะมังกรทะยานซึ่งเป็นเครื่องจักรทรงพลังที่มนุษย์สร้างขึ้น ข้าตามมันไปอย่างลับๆและพบว่ามีผู้ฝึกตนก่อกำเนิดสองคนอยู่บนเรือ...”

หลี่ฉิงซานเล่าเรื่องทั้งหมดในลมหายใจเดียวและทำให้ห้องเงียบลง เขาจี้เรือเหาะที่ทรงพลังของมนุษย์ ทำลายล้างค่ายกลแตกสลาย ภูเขาเถาองุ่นเขียว และผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวในครั้งเดียว กระบวนการทั้งหมดเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก เขาต้องมีทั้งสติปัญญาและความกล้าหาญมากพอที่จะทำเรื่องนี้

“เจ้ามีบางอย่างจริงๆ สิ่งที่ข้าชอบที่สุดคือคนที่มีอำนาจ ความแข็งแกร่ง และร้ายกาจ!” หินเหล็กเพลิงหัวเราะเสียงดังและตบไหล่หลี่ฉิงซานอย่างแรงพร้อมกับน้ำหนักหลายพันตันที่พุ่งออกจากมือของเขา

“บึม!” หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใต้เท้าหลี่ฉิงซานแต่เขายังยืนนิ่ง

“ตอนนี้ข้ายิ่งอยากสู้กับเจ้ามากกว่าเดิม” หินเหล็กเพลิงเงยหน้าและหัวเราะเสียงดัง

“เจ้าจะได้รับโอกาสนั้นแน่นอน” หลี่ฉิงซานเดินออกไปด้านหนึ่งและสะบัดแขน

“เจ้ากลัวว่าข้าจะขายเจ้างั้นหรือ?” ราชินีแมงมุมยืนขึ้นและมองไปที่หลี่ฉิงซาน

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ท่านชอบงั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานยิ้ม การทรยศ ความอิจฉา ความโกลาหล และความเจ็บปวดคือธรรมชาติของราชินีแมงมุม นางเป็นคนชั่วร้ายอย่างแท้จริง

“นั่นคือสิ่งที่ทำให้เจ้ามีเสน่ห์ ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะสนุกกับเจ้าและกินเจ้าอย่างเต็มปากเต็มคำ” ราชินีแมงมุมเดินลงมาจากบัลลังก์อย่างช้าๆ และสัมผัสแก้มของหลี่ฉิงซาน นางเลียริมฝีปากสีแดงสดของนางและกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า

เศษเสี้ยวของความตกใจฉายผ่านดวงตาของเย่หมิงจู

หลี่ฉิงซานลอบสั่นไหวอยู่ภายใน เขาเคยได้ยินจากเย่หลิวป๋อว่าราชินีแมงมุมจะกินคู่นอนของนางทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น

หากผู้ใดกล้าพอที่จะสนใจนาง นางก็จะเป็นคนรักที่อันตรายที่สุด อย่างไรก็ตามหลักการที่ว่าปีศาจจะไม่ฆ่ากันเองยังมีอยู่จริง ดังนั้นนางจึงไม่เคยแตะต้องปีศาจ

หลี่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ท่านอาจได้รับโอกาสนั้นในอนาคต!”

“โอ้ เมื่อใด?”

“เมื่อท่านกินข้าไม่ได้!”

“เจ้ากล้าหาญมาก!”

“นี่เป็นเพียงร่างแยก หากร่างหลักของข้าอยู่ที่นี่ ข้าคงฉี่ราดไปแล้ว” หลี่ฉิงซานยักไหล่

“เจ้าต้องการสิ่งใดเป็นรางวัล? บอกข้า!” ราชินีแมงมุมกลับไปนั่งที่บัลลังก์ของนางในเสี้ยวพริบตา

“ข้าอยากเป็นราชาของเผ่ารัตติกาล!” หลี่ฉิงซานตอบโดยไม่ลังเล

“ช่างกล้าหาญนัก!” ราชินีแมงมุมกล่าวเสียงเย็น เผ่ารัตติกาลเป็นของเล่นชิ้นสำคัญของนาง แต่เขากลับกล้าพอที่จะขอของเล่นชิ้นนี้

การแสดงออกของเย่หมิงจูเปลี่ยนไปเช่นกัน ทันใดนั้นนางก็เข้าใจความหมายที่หลี่ฉิงซานเคยกล่าวว่า “ข้าจะไปเอาของที่ข้าต้องการด้วยตนเอง” นางเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน แต่สิ่งที่นางต้องการมีเพียงทำให้กลุ่มเงาแมงมุมกลายเเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางกลุ่มทั้งหมดของเผ่ารัตติกาล แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความทะเยอทะยานของเขา ความทะเยอทะยานของนางกลับไร้นัยสำคัญโดยสิ้นเชิง

“หากท่านไม่ยินยอม สิ่งเดียวที่ข้าทำได้คือละทิ้งดินแดนและหนีไปที่อื่น”

“เจ้ากำลังขู่ข้างั้นหรือ?” ราชินีแมงมุมหรี่ตา

“ไม่อย่างแน่นอน กองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจจะมาถึงเร็วๆนี้เพื่อแก้แค้น ดินแดนของข้าจะต้องรับแรงกระแทก ศัตรูเต็มไปด้วยคนทรงพลัง ดังนั้นมีเพียงการรวบรวมความแข็งแกร่งที่เพียงพอเท่านั้นจึงจะสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ หรือท่านจะบอกว่าท่านพอใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆนี้?”

“เราอยู่ที่จุดเริ่มต้นของสงคราม เผ่ารัตติกาลเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสภาวะแตกแยก พวกเขาจะไร้ประโยชน์ในยามคับขันและพ่ายแพ้ไปทีละกลุ่ม ข้าจะรวมพวกเขาเป็นหนึ่งและสร้างดาบในมือของท่านเพื่อต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจ นี่ไม่น่าสนใจกว่าการให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเองงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าขณะที่เขากล่าวเสียงดัง นี่คือความตั้งใจของเขา ตราบเท่าที่เขาสามารถรวบรวมเผ่ารัตติกาล พวกเขาจะกลายเป็นกองทัพที่ไม่อ่อนแอกว่ากองกำลังพันธมิตรปราบปีศาจของมณฑลชิงเหอ เขาจะมีบางสิ่งที่สามารถพึ่งพาเมื่อเขาเผชิญหน้ากับฟู่ชิงยิน และเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำการค้าใดๆอีกต่อไป ขณะที่เผ่ารัตติกาลจะต้องประเคนสมุนไพรจิตวิญญาณให้เขา

ราชินีแมงมุมจมลงสู่ห้วงแห่งความคิด คำกล่าวของหลี่ฉิงซานสมเหตุสมผล ในช่วงที่เกิดสงคราม การรวบรวมกองกำลังเป็นเรื่องสำคัญมาก

“ท่านหญิง ท่านทำไม่ได้!” เงาโลหิตเร่งกล่าว หากหลี่ฉิงซานประสบความสำเร็จ อิทธิพลในโลกใต้ดินของเขาจะเหนือกว่าขุนพลปีศาจทั้งสาม เขาจะกลายเป็นขุนพลปีศาจที่ทรงพลังที่สุดภายใต้การบังคับบัญชาของราชินีแมงมุม

“ทั้งสามเป็นรุ่นพี่ของเจ้า พวกเขาเหนือกว่าเจ้าทั้งอายุและสติปัญญา หากสองในสามของพวกเขาสนับสนุนเจ้า ข้าก็จะตกลงตามนั้น ตอนนี้มีเสียงคัดค้านหนึ่งเสียงแล้ว” ราชินีแมงมุมยิ้ม

“ข้าสนับสนุนเขา! ข้าจะสนับสนุนทุกสิ่งที่เจ้าต่อต้าน!” หินเหล็กเพลิงมองไปที่เงาโลหิตด้วยสายตาดูแคลน

“หินเหล็กเพลิง!” เสียงของเงาโลหิตเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง

“แต่ข้ามีเงื่อนไข เจ้าต้องต่อสู้กับข้าด้วยร่างหลักของเจ้า หากเจ้าแพ้ ตำแหน่งนี้จะตกเป็นของข้า วิธีนี้ดีหรือไม่?” หินเหล็กเพลิงชี้ไปที่หลี่ฉิงซาน

“ไม่มีปัญหา!” หลี่ฉิงซานยิ้มอย่างมั่นใจ ปีศาจจะพูดกันด้วยความแข็งแกร่งเสมอ

ตอนนี้เหลือเพียงหอยทากมังกรเท่านั้น เขาเป็นขุนพลปีศาจที่ฉลาดที่สุดและลึกลับที่สุดภายใต้การปกครองของราชินีแมงมุม ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาความคิดของเขา

“หินเหล็กเพลิง เจ้าอาจแข็งแกร่ง แต่เจ้าขาดความสามารถในการเป็นผู้นำ” หอยทากมังกรกล่าวอย่างช้าๆ

“หากเจ้าต้องการตำแหน่ง เจ้าจะได้รับมัน” หินเหล็กเพลิงกล่าว

“ข้าไม่มีพลังงานขนาดนั้น เงาโลหิต เจ้าคิดอย่างไร?”

“ข้าจะสนับสนุนสิ่งนี้แต่เงื่อนไขของข้าจะเหมือนกับหินเหล็กเพลิง” เงาโลหิตเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว หากหอยทากมังกรสนับสนุนเขา สถานการณ์ของเขาจะกลายเป็นเสียเปรียนบ บางทีนี่อาจเป็นโอกาสที่สวรรค์ส่งมาให้เขา

“ข้าขอคัดค้าน” หอยทากมังกรกล่าวอย่างช้าๆ ขณะที่เขาถอยไปหนึ่งก้าวด้วยดวงตาส่องประกาย