ตอนที่แล้วเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 1: ความคลางแคลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 3: ธุรกิจและการเรียนรู้

เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 2: เมืองหลวง


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

เล่มที่ 2 บทที่ 2: เมืองหลวง

.

(เกรซ)

เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่ข้าอยากไป สถานที่ที่ข้าถวิลหามาตลอด ข้าไม่เคยเห็นเมืองที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย

ตึกรามบ้านช่องทุกจุดต่างสูงใหญ่ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเห็นในหมู่บ้านซาดินได้เลย มีร่องน้ำไหลผ่านทะลุไปทั้งเมือง ข้ารู้สึกได้เลยว่าการคมนาคมสะดวกกว่าในหมู่บ้านมาก

เพราะมีน้ำอยู่ ในเมืองหลวงจึงมีความชื้นสูงพอสมควร อากาศเต็มไปด้วยธาตุน้ำอันไม่เป็นมิตร พวกมันไม่สามารถทำร้ายข้าได้ แต่ระยะเวลาการใช้ทักษะเคลื่อนย้ายของข้าถูกลดทอนลงไป จากเดิมครึ่งวินาทีกลายเป็นประมาณหนึ่งวินาที

อืม…มันก็ไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวปกติ แต่คงจะอันตรายมากในการต่อสู้ระยะประชิด เนื่องจากข้าไม่สามารถใช้เคลื่อนย้ายในที่นี่ได้ ข้าจึงได้แต่ต้องเดินไปมาเท่านั้น

...ใช่แล้ว ทักษะเคลื่อนย้ายของข้ายังคงถูกเก็บปิดเป็นความลับอยู่ จะให้ใครรู้ก็คงไม่ได้

พอมาถึง วอลสันก็ไปยืมเกวียนม้าจากใครไม่รู้เพื่อขับมาส่งเมล่อนและข้าไปที่สถาบัน ยังมีเวลาอีกสองสัปดาห์ก่อนสถาบันเปิด แต่มีนักเรียนจำนวนมากรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ในที่สุด วอลสันก็ขับเกวียนไปที่ถนนตรงข้ามประตู

ข้ามองไม่เห็นข้างในเลยเพราะกำแพงหิน แต่อาคารหินพวกนี้ดูงดงามมาก และนี่คือสถานที่ที่ข้าจะอาศัยอยู่นับตั้งแต่นี้

"อืม ถึงสถาบันแล้ว ขอให้มีชีวิตที่ดีในโรงเรียนนะ" วอลสันดึงสายจูงและเกวียนก็หยุดลง

เมล่อนมองมาที่ข้าและกล่าวว่า "ดูแลตัวเองด้วยนะคะเกรซ"

ข้าก็มองไปทางเมล่อนพร้อมกับตอบไปว่า "...อือ ลาก่อนนะเมล่อน" นางยื่นกระเป๋าให้ข้า ระหว่างที่พูดคุยกันนี้ ข้าไม่ได้มองไปทางวอลสันเลย

ข้าถือกระเป๋าไว้บนหลังพร้อมกับหันหลังกลับ และเดินไปทางประตูสถาบัน

"ในเมื่อรู้จักกันมานับสิบปี ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็ควรบอกลากันหน่อยนะ แต่เอาเถอะ ข้าคงคาดหวังมากเกินไป" เมื่อข้าได้ยินเช่นนั้น เสียงถัดมาที่ข้าได้ยินก็เป็นเสียงควบม้าที่กำลังออกไป ข้าหันศีรษะกลับมา แต่วอลสันก็ไปเสียแล้ว

...จะให้ข้าบอกลาได้เช่นไร? แค่บอกลางั้นหรือ?

ข้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้า วอลสัน ยังมีอีกหลายเรื่องที่ข้าอยากจะทำร่วมกันกับเจ้า

ยามที่อยู่ในป่า ข้าไม่คิดเลยว่าหัวหน้ากลุ่มที่มาด้วยกับข้าจะไม่สนใจที่ข้าบอกให้หยุดโจมตี เขายังคงสั่งให้ทหารรับจ้างค้นหาในป่าและบอกให้พวกเขาโจมตีไรเฟิล ไม่ว่าข้าจะพยายามหยุดพวกเขายังไงก็ไม่มีผล

ตอนนั้น ข้าแค่อยากตอบแทนหัวหน้ากลุ่ม ถ้าข้ารู้ว่ามันจะจบลงด้วยความยุ่งเหยิงเช่นนี้ ข้าควรจะปฏิเสธเขาที่ขอร้องให้ข้าพาเขาป่าแล้ว

ช่วงหลังมานี้ เมื่อใดก็ตามที่ข้าต้องพูดคุยกับวอลสัน ข้าก็รู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก แต่ในระหว่างพูดคุยกัน ข้าก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ข้าคล้ายกับไม่สามารถพูดสิ่งที่อยู่ในใจของข้าออกไปให้วอลสันฟังได้เลย

วอลสัน เจ้าเกลียดข้าเหรอ?

"คุณลิวเบีย แอล.เมเยโลวา กรุณามาที่สนามทดสอบที่สาม!"

ทันใดนั้น เสียงประกาศก็ดึงข้ากลับมาสู่ความเป็นจริง

จุดที่ข้าอยู่คือสนามทดสอบที่สี่ของสถาบัน มันถูกใช้เป็นสนามทดสอบสำหรับนักเรียนนักเวทย์หน้าใหม่

ข้าได้อ่านคู่มือนักเรียนแล้ว วัตถุประสงค์ของการทดสอบนี้คือเพื่อทดสอบว่านักเรียนจะใช้พลังของพวกเขาได้ดีเพียงใด ซึ่งเวลาในการทดสอบใช้เวลาสองสัปดาห์ ในช่วงเวลานี้ นักเรียนจากทั่วทุกมุมโลกจะมาที่เมืองหลวงเพื่อทำการทดสอบ

ตอนนี้ข้ากำลังนั่งอยู่บนม้านั่งหินกับนักเรียนใหม่คนอื่นๆ ที่มองไปโดยรอบด้วยความประหม่า

หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าข้ามีผมสั้นสีขาว นางลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อนางได้ยินประกาศ จากนั้นนางก็เดินออกไปด้วยความมั่นใจ

ข้าเริ่มประหม่ามาก ข้าจับไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น อืม ข้าควรจะทำเช่นไรดี? ข้าจำได้ว่าข้าต้อง...

“คุณเกรซ! ได้โปรดมาที่สนามทดสอบแรก!” จากนั้นก็ได้มีประกาศเรียกชื่อของข้า ข้าลุกขึ้นเดินไปยังแท่นเล็กๆ ที่ล้อมรอบไปด้วยสิ่งกีดขวางเวทย์มนตร์

หญิงสาวที่อยู่บนสนามมีผมสีแดง แต่งตัวทะมัดทะแมงอย่างสง่างาม ข้าเดินขึ้นบันไดหินด้วยความลังเล ในที่สุดข้าก็ก้าวเข้าสู่สนามแล้ว

ข้ามองไปรอบๆ และก็เห็นว่ามีคนมากมายกำลังจับจ้องอยู่ตั้งแต่ชั้นที่สองยันชั้นล่าง

“เจ้าคือเกรซเหรอ?” เมื่อข้ามาถึงสนาม นางก็เอ่ยถามขึ้นมา

“เอ่อ ใช่ ข้า…ข้าคือเกรซ ในอีกไม่กี่สัปดาห์จะอายุสิบห้า ข้ามาจากหมู่บ้านซาดิน ข้าชอบอ่าน…”

“ข้าแค่อยากดูว่าถูกคน ไม่ได้บอกให้เจ้าแนะนำตัวเสียหน่อย” หญิงสาวผมแดงเลิกคิ้วขึ้น นางไม่ได้มองมาที่ข้าด้วยซ้ำ เพียงแค่จดจ่ออยู่กับกระดาษหนังในมือของนาง

"..." ข้าไม่รู้เลยว่าข้าควรจะพูดอะไรตอนนี้ออกไปดี

“ไม่เอาน่า อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่กินเจ้าหรอก” หญิงสาวผมแดงจ้องไปที่กระดาษของนาง จากนั้นข้าก็เห็นว่านางจดชื่อข้าลงไปบนกระดาษ "ไหนขอดูหน่อยซิ..."

“...เอ่อ นี่คือจดหมายที่ลุงมาร์บอนให้ข้ามา” จู่ๆ ข้าก็นำจดหมายที่คุณลุงให้เอาขึ้นมา ข้าหยิบมันออกมาจากกระเป๋า

เด็กสาวผมแดงไม่ได้หยิบมันไปด้วยมือ แต่นางกลับดีดนิ้วเสียงดังและจดหมายก็บินจากมือของข้า พร้อมกับคลี่ออกกลางอากาศ

นางเปิดจดหมายออกด้วยความประหลาดใจและจับจ้องมาทางข้า

"ผู้แนะนำเจ้ามาคือมาร์บอนเหรอ?"

“...ใช่ คุณลุงมาร์บอนให้จดหมายนี้แก่ข้ามา”

“อุ๊บ หลายปีมานี้เขาอยู่ที่ซาดินสินะ…มาเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า เจ้าถูกสาปจึงไม่สามารถสัมผัสน้ำได้โดยตรงสินะ? และเจ้าก็ไม่สามารถร่ายคาถาน้ำได้ด้วยใช่ไหม?”

"...ใช่"

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเก่งธาตุไหนบ้าง?”

“...” ข้าลังเลใจว่าควรจะบอกว่าข้าถนัดธาตุมืดดีหรือไม่

“ไม่เป็นไร เราไม่ได้เกลียดธาตุมืดกันหรอก อย่างน้อยก็ข้าคนหนึ่ง”หญิงสาวผมแดงกล่าว “บอกมาเถอะว่าเจ้าเก่งธาตุไหนบ้าง?”

“ส่วนใหญ่ธาตุมืด ลม ไฟและดิน ธาตุแสงข้าถนัดนิดหน่อย”

“ผู้ใช้ธาตุที่มีธาตุห้าอย่าง ไม่เลว” นางยังคงเขียนต่อไป “เจ้าอยู่ในระดับไหน?”

"...34." นางหยุดพูดไปและมองมาที่ข้าอีกครั้ง

“จริงหรือ?”

"...ค่ะ"

"เจ้ามีใบอนุญาตในการเป็นผู้ใช้ธาตุระดับกลางไหม?"

"...นั่นมันคืออะไรเหรอคะ?"

"ช่างมันเถอะ หมู่บ้านซาดินเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ก็ปกติอยู่แล้วที่จะไม่รู้จักอะไรแบบนี้… ในเมื่อเจ้าเป็นนักเรียนที่มาร์บอนแนะนำมา ข้าจึงอยากรู้จักกับเจ้ามากกว่านี้ ขอโทษทีนะ"

ทันใดนั้น ในขณะที่ข้าพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง นางก็จับมือข้าจนทำให้ข้ารู้สึกถึงพลังมานาพุ่งพล่านเข้ามาในร่างกายของข้า ข้าจึงตอบสนองออกไปด้วยจิตใต้สำนึก ข้าใช้มานาของตนเองเพื่อปิดกั้นมานานั้นและบังคับมันออกจากร่างกาย

ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและจ้องมาที่ข้า

"...โอ้ ข้าขอโทษ" ข้ากล่าวขอโทษออกไป สิ่งที่ข้าทำไปเมื่อครู่มันก็แค่ข้าไม่อยากให้นางเข้ามาสำรวจร่างกายของข้าก็เท่านั้น

“เจ้าใช้ได้เลย ลงทะเบียนบัตรประจำตัวของเจ้าเรียบร้อย” นางปล่อยมือและมอบกระดาษในมือให้ข้า “เอานี่ไปและไปยังจุดนัดถัดไปด้านหลัง เพื่อรับบัตรประจำตัวนักเรียนของเจ้า หลังจากนั้น เจ้าก็สามารถไปที่หอพักนักเรียนใหม่ได้เลย เจ้าจะต้องอาศัยอยู่ที่นั่นจนกว่าเจ้าจะเลือกสาขาใดสาขาหนึ่ง”

ถนนที่เป็นระเบียบล้วนทำมาจากอิฐ มีคลองน้ำอยู่ระหว่างกลางไหลผ่านอาคารที่เหมือนปราสาท

ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและชนชั้น/อาชีพ ที่แตกต่างกันก็มีอยู่มากมาย เสียงดังโวกเวกโวยวายไปทั่ว แม้แต่เอลฟ์ที่หายาก ครึ่งมนุษย์ที่มีหูแมวหรือหูหมาป่าก็ยังมี แต่มีคนที่เป็นกึ่งสิงโตและเสือน้อยพอสมควร

หลังจากได้รับบัตรประจำตัวและกุญแจแล้ว เกรซก็เดินไปที่สำนักงานทะเบียนนักเรียนใหม่พร้อมกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น

ครึ่งมนุษย์ประเภทอสูร... ที่หมู่บ้านซาดินไม่มีอะไรแบบนี้ พวกเขาไม่เหมือนกับเมล่อนเลย ครึ่งมนุษย์อสูรมักจะมีขนปุกปุยมากมายอยู่ตามตัว

“นี่! เจ้าที่อยู่ตรงนั้น เจ้ากำลังมองอะไรอยู่? เป็นเด็กใหม่เหรอ?” ดูเหมือนว่าครึ่งมนุษย์สิงโตจะรู้ถึงการจ้องมองของเกรซ พวกเขาจึงหันมาทางเกรซและตะโกนออกมา

มนุษย์สิงโตยืนอยู่บนถนนด้านนอกสำนักงานลงทะเบียน ล้อมรอบด้วยนักเรียนสี่ถึงห้าคน นักเรียนพวกนั้นมีอุปกรณ์ที่ดูสวยงามและหรูหรา โดยเฉพาะกับ [นักเวทย์] หญิงคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีขาวที่มีโครงสีทอง

"....เอ่อ ขอโทษด้วย" เกรซโค้งคำนับขอโทษ การจ้องมองเช่นนี้เป็นอะไรที่ไม่สุภาพมาก นางเองก็เพิ่งจะตระหนักได้

เมื่อเห็นการกระทำของเกรซ นักเรียนพวกนั้นก็เริ่มหัวเราะทีละคน เกรซไม่เข้าใจเหตุผลที่พวกเขาหัวเราะเลย จึงได้แต่เพียงมองพวกเขาด้วยความสงสัย

"พรู้ดดดด มาทางนี้สิ เจ้าอยู่สาขาไหนเหรอ?” หัวสิงโตพูดพร้อมกับวางมือบนสะโพกพลางมองไปทางเกรซ

"...สาขา?" เกรซถาม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ นักเรียนพวกนั้นก็ดูเหมือนจะหัวเราะดังขึ้นอีก

“เจ้าได้ยินไหม? นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสาขาคืออะไร”

“จริงสิ ท่านพ่อของฉันบอกมาว่าพวกคนชนบททุกคนจะยังไม่เข้าสาขาก่อน คนพวกนั้นจะต้องคัดเลือกกันก่อน ถึงจะเข้าสาขาได้” หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวกล่าว

"ฟังดูน่าสมเพชชะมัด งี้พวกเขาก็ต้องอยู่ในคอกหมูเหรอ?” เด็กชายที่สวมชุดเกราะสีเงินกล่าวถาม

หนึ่งในเด็กหนุ่มร่างสูงและผอมเพรียวพยายามที่จะกลั้นหัวเราะและหันไปมองเกรซ

"เฮ้ ชนชั้...เจ้า ข้าขอถามเจ้าหน่อยว่ารหัสนักเรียนของเจ้าบอกว่าหอพักของเจ้าคือหอพักนักเรียนใหม่เหรอ?"

"...ใช่ ขอโทษด้วยนะคะ มันไปทางไหนเหรอ...?"

“แหวะ! ข้าจะรู้ทางไปคอกหมูได้อย่างไรกัน!” ผู้ชายถ่มน้ำลายลงพื้น จากนั้นก็หัวเราะพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ

“...” เกรซไม่พูดอะไร นางแค่หันหลังและเดินจากไป

ไม่ว่านางจะไร้เดียงสาแค่ไหน แต่นางก็พอมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอยู่บ้าง นางรู้ดีว่าพวกเขามีเจตนาร้ายต่อนาง

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการเพิกเฉยเสีย หากเจอหน้าใครและหาเรื่องทันที มันก็คงจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก

จากนั้นเกรซก็หวนคิดถึงคำที่มาร์บอนเคยกล่าวบอก ถึงเรื่องคำแนะนำของสถานบัน สิ่งที่ต้องระวัง ฯลฯ

ราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์มี "สาขา" หกแห่งที่รู้จักกันในนาม บ้านปลาวาฬขาว บ้านมังกรมัจฉา บ้านนกยูงโรอา บ้านไวเวิร์น บ้านยูนิคอร์นและบ้านกริฟฟอน

การแบ่งนักเรียนออกเป็นหกบ้านนี้เป็นวิธีที่สถาบันการศึกษาพยายามปลูกฝังให้เกิดการแข่งขันระหว่างนักเรียน...และโดยปกติแล้ว นักเรียนใหม่ทั้งหมดจะเริ่มต้นจากหอพักนักเรียนปีหนึ่ง

แต่มาร์บอนบอกว่าบ้านทั้งหกหลังนี้ล้วนได้รับการสนับสนุนจากขุนนาง ดังนั้นเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลขุนนางที่เกี่ยวข้องก็จะถูกส่งไปที่หอพักของพวกเขา โดยไม่ต้องเข้าไปหอพักนักเรียนใหม่

...ด้วยเหตุผลเดียวกันที่บ้านสาขาทั้ง 6 แห่งมีความเกี่ยวพันกับชนชั้นสูง นักเรียนที่ไม่มีเส้นสายจึงได้แต่ต้องอยู่หอพักนักเรียนใหม่เป็นเวลาหนึ่งปีถ้วน

ทำให้หอพักนักเรียนจึงมีแต่ 'คนชนบท' เป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าข้าจะเคยเจอชนชั้นสูงแค่คนเดียวอย่างนีโอล่า แต่ข้าก็รู้สึกว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับคนชนชั้นสูงนั้นไม่เคยเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับข้าเลยสักนิดเดียว

ทั้งเจ้าคนพวกนี้ และนีโอล่าก็ด้วย... แถมนีโอล่ายังเป็นสาเหตุที่เกรซยังคืนดีกับวอลสันไม่ได้อีก ฮึก...

ต่อให้ไม่มีใครบอกทางก็ไม่เป็นไร นางยังคงอ่านตัวหนังสือได้อยู่ดี

เมื่อเดินตามป้ายบอกทางไปสักพัก นางก็ลงเอยด้วยการเดินวนไปวนมา แต่สุดท้ายก็หาหอพักของนักเรียนหญิง ซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของสถานศึกษาจนได้

มันเป็นอาคารสูงสามชั้น สร้างด้วยหินสีขาวล้วน อาคารทั้งหลังมีรูปร่างเหมือนตัว "ยู" และดูธรรมดามาก ไม่เหมือนสิ่งที่ขุนนางหนุ่มเรียกว่า 'คอกหมู' เลย มันใหญ่กว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นางคุ้นเคยเสียอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกรซเห็นหอพัก นางไม่ได้เข้าไปทันที นางได้กลับเลี้ยวเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ข้างหอพักแทน

เพราะนางได้เห็นเหตุการณ์ที่คุ้นเคยอย่างไม่ตั้งใจ เป็นภาพที่นางไม่อาจจะเดินหนีไปโดยไม่สนใจได้

ในตรอกข้างหอพัก มีพลังเวทมนตร์น้ำอันเป็นเอกลักษณ์กระจายไปโดยรอบ หญิงสาวสามคนกำลังขวางทางเข้า พวกนางพูดคุยกันโดยมีไม้เท้าอยู่ในมือ

“ถึงจะถูกน้ำสาดใส่ขนาดนี้ นางก็ยังเงียบอยู่ดี ช่างน่าโมโหเสียนี่กระไร ดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจเลยแฮะ” หญิงสาวร่างสูงกล่าว

“ถ้าอย่างนั้นเราควรจะเอาใจรุ่นพี่คลียาของเรายังไงกันดีนะ?” เด็กสาวร่างเล็กถามขึ้นมา

“เอางี้เป็นไง เราแก้ผ้านางแล้วมัดนางไว้บนเรือ จากนั้นก็ปล่อยให้มันลอยไปตามคลองดีไหม?” หญิงสาวร่างอ้วนเสนอขึ้นมา

“เอ๊ะ? นั่นมันจะไม่เกินเลยไปหน่อยเหรอ?” เด็กสาวร่างเล็กถามขึ้นมา

“แต่นี่อาจจะสามารถพิสูจน์ความภักดีของเราที่มีต่อรุ่นพี่คลียายังไงล่ะ! บางทีถ้าทำเช่นนี้ เราอาจจะได้เข้ากับบ้านกริฟฟอนก็ได้นะ!” หญิงสาวร่างสูงกล่าว

ในขณะที่พวกนางทั้งสามกำลังพูดคุยกันถึงกลวิธีการกลั่นแกล้งในเวลากลางวันแสกๆ พวกนางก็ไม่รู้เลยว่ามีกลีบดอกไม้กำลังลอยอยู่รอบๆ ตัวพวกนาง

ใช่แล้ว คล้ายดั่งเดจาวู แต่ดูเหมือนว่ามันจะขาดอะไรบางอย่างหรืออาจจะขาดใครสักคน คนที่จะยืนหยัดต่อสู้กับพวกคนพาล

ไม่นะ... ข้าคิดถึงวอลสันอีกแล้ว

จากนั้นเสียงของวัตถุหนักที่กระทบกับเนื้อก็ได้หนังก็ดังขึ้นสามครั้ง ตามด้วยเสียงของร่างที่ทรุดลงทั้งสามร่าง

เมื่อเดินเข้าไป เกรซก็เห็นว่ามีมนุษย์ ไม่สิ หูแหลม เป็นเอลฟ์งั้นเหรอ? นางเปียกโชกทั้งตัวเลย

ผมสีทองหยักศกกับกระโปรงและผ้าคลุมไหล่สีอ่อน มันคงจะสวยมาก ช่างน่าเสียดายที่มันเปียกไปหมดแล้ว

นางนั่งอยู่กับพื้นอย่างนิ่งเฉย ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อขอบคุณเกรซ

"ไม่ต้องมายุ่งกับข้า ออกไปเถอะ" นางพูดพร้อมกับก้มศีรษะลง เกรซมองไม่เห็นใบหน้าของนาง

เกรซรับฟัง แต่ก็ยังคงมองไปยังพื้นที่โดยรอบ มีวัตถุกระจัดกระจายไปทั่วพื้นดินจากถุงที่ฉีกขาดออก

จากวัตถุที่ตกลงบนพื้น เกรซก็สังเกตเห็นบัตรประจำตัวนักเรียนและกุญแจ... ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้

“...แต่ข้าไม่รู้จักห้องของข้า... กำลังหาคนอยู่ด้วย...” เกรซยื่นมือออกมาให้หญิงสาวที่นั่งและพูดอย่างอ่อนโยนว่า "... รุ่นพี่ออเลย์ช่วยพาข้าไปที่ห้องได้ไหม?”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด