ตอนที่แล้วบทที่ 55: มูลค่านับสิบล้าน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 57: หนังสติ๊กขายดี!

บทที่ 56: จัดตั้งโรงงานแปรรูป


เมื่อมีเงินในมือแล้วถังเจิ้นก็เริ่มแผนการ

อย่างแรกคืออุปกรณ์  อาวุธที่พวกผู้พเนจรใช้นั้นน่าอนาถเกิน  ส่วนใหญ่เป็นของกาก ๆ ในสนามรบเป็นตายแบบนี้อุปกรณ์กาก ๆ มีโอกาสทำให้ตายสูง

ถังเจิ้นไม่ต้องการให้เหล่าลูกน้องต้องสวมใส่อุปกรณ์ประเภทนั้นต่อสู้กับมอนสเตอร์  ของป้องกันตัวมันต้องเอาอันดี ๆ สิ!

เดิมทีเขาวางแผนจะติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันขนาดชุดเกราะกันระเบิดให้กับเหล่าลูกน้องในอนาคตกันเลยทีเดียว  แต่พอไปเปิดเน็ตดูก็เห็นคอมเมนต์ว่าฟังก์ชันการป้องกันของชุดเกราะกันระเบิดมีจำกัดมาก  และไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้งานได้จริงเมื่อเจออาวุธเย็น (อาวุธที่ไม่เกี่ยวข้องกับไฟ  เผาไหม้หรือการระเบิดเช่นมีด  ดาบ  ขวาน  หอก  ธนู  ฯลฯ)

สถานการณ์ตอนนี้คือหากเงื่อนไขครบก็สามารถทำเองได้หมด  แต่หากทำเองไม่ได้ก็ต้องจ้างคนเอา

ดังนั้นถังเจิ้นจึงต้องการเพียงใครซักคนที่มีความสามารถในงานการแปรรูปโลหะที่เหมาะสมทำชิ้นส่วนให้  จากนั้นก็ส่งชิ้นส่วนเหล่านั้นไปประกอบที่โลกโหลวเฉิง  แต่ถ้าทำแบบถอดประกอบมันไม่เวิร์กก็เอาของสำเร็จรูปไปเลย

ทุกวันนี้จะทำอะไรก็ทำได้  แค่สร้างเกราะนี่เชื่อว่าไม่มีใครถามอะไรมากแน่ ๆ

นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับเกราะแบบถอดประกอบแล้วถังเจิ้นยังให้ความสนใจกับข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องป้องกันการแทงและเกราะเชนเมลด้วย  โดยเฉพาะแบบที่ถักจากห่วงโลหะนี่น่าสนใจมาก

เป็นเกราะที่ดูดีการป้องกันก็ไม่แย่ราคาก็สมเหตุสมผล  ถ้าเป็นแบบตัวยาวก็ตัวละประมาณ 2,000 หยวน  ถังเจิ้นว่าจะซื้อซัก 100 ตัว  ดังนั้นราคาจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 หยวน

แน่นอนว่าถังเจิ้นจะไม่ซื้อทีละหลาย ๆ ชุดพร้อมกัน  เขาวางแผนว่าจะซื้อซักสองสามชุดมาลองก่อน  ถ้าไปได้สวยล่ะก็จะผลิตเองมันซะเลย

จ่ายเงินเสร็จแล้วถังเจิ้นก็สั่งชุดป้องกันการแทงอีกสองสามชุด  จากนั้นก็เริ่มเดินดูอาวุธประเภทธนูและหน้าไม้

ของเหล่านี้ล้วนมีขายในออนไลน์เช่นกัน  แต่คุณภาพนั้นไม่รับประกันว่าจะดีหรือไม่  ถังเจิ้นได้เลือกดูร้านค้าที่มีชื่อเสียงมาสองสามร้ายแล้วสั่งซื้อมา 10 ชิ้น

ต่อมาก็หาข้อมูลการจ้างโรงงานให้ทำชุดเกราะ  ผลสรุปคือถังเจิ้นรู้สึกว่ามันแพงไปหน่อย  แม้ตอนนี้เขาจะมีเงินก้อนใหญ่แล้วก็ตาม  แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมละลายทรัพย์เล่นอย่างไร้ประโยชน์นะ

‘หรือจะหาจ้างคนรู้จักมาผลิตให้ดีหว่า?  เอาวะ!  ลองดู!’

ถังเจิ้นคิดกับตัวเองก่อนจะเอามือถือออกมาโทรหาอดีตเพื่อนร่วมงาน

ชายคนนี้ชื่อหวางต้าชิ่ง  อาศัยอยู่ในชนบท  เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต  ครั้งหนึ่งเคยทำงานกับถังเจิ้นเพราะสมัยก่อนเคยถูกพวกอันธพาลรังแก  แต่ก็มีแค่ถังเจิ้นนี้แหละที่ยืนหยัดช่วยเหลือ  ดังนั้นหวางต้าชิ่งจึงนับถือถังเจิ้นเป็นเพื่อนตาย  และทั้งสองมักจะโทรศัพท์คุยกันบ่อย ๆ ด้วย

ตอนนี้หวางต้าชิ่งทำงานเป็นชาวนาที่บ้านเกิดพร้อมกับคอยดูแลแม่ที่แก่ชราและกำลังป่วย  โดยยามว่างบ้างครั้งก็จะเข้าเมืองไปรับงานแปลก ๆ เพื่อหารายได้เสริมแก่ครอบครัว

กวางต้าชิ่งที่กำลังทำนาอยู่ได้รับสายจากถังเจิ้น  พอได้ยินว่าถังเจิ้นกำลังจะเช่าบ้านของตนและหาคนมาทำงานให้ก็ตบอกตนเองและบอกอย่างเต็มภาคภูมิว่า ‘ไว้ใจได้เลยเพื่อน!’

หลังจากที่ทั้งสองตกลงเรื่องนี้เสร็จถังเจิ้นก็โทรหาน้องสาว  คุยอะไรกันสั้น ๆ และบอกเธอว่าเขาซื้อบ้านไว้ในเมืองหลวงแล้ว  ให้เธอย้ายเข้ามาอยู่ได้ทุกเมื่อ

เดี๋ยวเขาจะเอากุญแจบ้านไปให้  ให้เธอไปรอเขาที่หน้าประตูโรงเรียนก่อน

หลังจากที่ถังเจิ้นเอากุญแจบ้านให้น้องสาวเสร็จแล้วก็ออกไปช้อปปิ้งต่อ

ต้องซื้อเครื่องเชื่อม  เครื่องตัด  เครื่องเจียร  เครื่องเจาะ  เครื่องขัด  เครื่องจักรและอุปกรณ์ทุกชนิด  นอกจากนี้ยังมีวัสดุสิ้นเปลืองต่าง ๆ ที่ถังเจิ้นซื้อมาเป็นจำนวนมากเผื่อไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายรอบ

ถังเจิ้นเลือกร้านค้าที่มีชื่อเสียงดีและซื้อทุกอย่างในทีเดียว  จากนั้นก็บอกที่อยู่จัดส่งสินค้าให้แก่ร้านค้าไป

หลังจากออกจากร้านนี้ถังเจิ้นก็ไปต่อที่ตลาดวัสดุก่อสร้าง

แผ่นเหล็กลาย  แผ่นสแตนเลส 304  แผ่นไทเทเนียม  และชุดท่อเหล็กที่มีสเปคต่าง ๆ กันไปอีก  ถังเจิ้นจัดการจ่ายเงินแล้วแจ้งที่อยู่ไปซะ

จากนั้นถังเจิ้นก็วิ่งไปอีกหลายที่และซื้อหนัง  ผ้าใบ  สี  และสิ่งของอื่น ๆ ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายที่เกินเบอร์ของมนุษย์ในโลกนี้

ถึงกระนั้นถังเจิ้นก็ยังรู้สึกว่าการไม่มีรถมันไม่สะดวกอยู่ดี  ดังนั้นเขาเลยไปที่โชว์รูมแล้วซื้อรถออฟโรดราคาว่า 300,000 หยวนมาใช้ขนของ

หลังจากสอบใบขับขี่แล้วถังเจิ้นขับรถกลับไปยังที่พักของตน  จากนั้นก็ไปหาปากกากับกระดาษมาเช็กเสบียงที่ซื้อมา

เพื่อที่จะปกปิดความสามารถถังเจิ้นจึงยังไม่คิดจะเอารถยนต์เข้าไปยังโลกโหลวเฉิง  แต่การมาถึงของเผ่าชื่อทำให้เขาไม่อาจทำตัวโลว์คลาสได้อีกต่อไป  และยังต้องฉวยโอกาสนี้ตั้งตัวให้ได้และบรรลุเป้าหมายให้เร็วยิ่งขึ้น

เมื่อพิจารณาจากสภาพทางภูมิศาสตร์ของโลกโหลวเฉิงแล้วรถยนต์ธรรมดาไม่เหมาะกับการใช้งานอย่างแน่นอน  แต่มีรถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตรบางรุ่นดูเหมือนจะค่อนข้างเหมาะสม  อีกทั้งเรื่องความทนทานยังสูงพอด้วย

ถังเจิ้นนึกถึงรถแทรกเตอร์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีท่อไอเสียอยู่ข้างหน้า  ด้วยยางที่หนาและแรงม้าที่เยอะทำให้เขาเชื่อว่ามันสามารถปรับให้เข้ากับภูมิประเทศของโลกโหลวเฉิงได้

การใช้งานนั้นสามารถใช้มันเป็นรถลากขนส่งบุคลากรและวัสดุต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการเดินทางได้อย่างมาก  ยิ่งไปกว่านั้นถังเจิ้นมีพื้นที่ช่องเก็บของที่เพียงพอที่จะใส่รถแทรกเตอร์ขนาดนี้ได้  แต่ถ้าเป็นคันใหญ่กว่านี้ช่องเก็บของเขายังไม่ใหญ่พอที่จะใส่ได้

หลังจากจัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จแล้วเขาก็ขับรถไปที่หมู่บ้านที่ครอบครัวของหวางต้าชิ่งอยู่ในเช้าวันรุ่งขึ้น

หลังจากขับรถมาหลายชั่วโมงถังเจิ้นก็มาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ครอบครัวของหวางต้าชิ่งอาศัยอยู่  ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ

หลังจากโทรถามก็รู้ว่าหวางต้าชิ่งกำลังรอถังเจิ้นอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน  เมื่อเห็นเขามาอีกฝ่ายก็ขึ้นรถและบอกทางไปที่บ้านของตน

บ้านของหวางต้าชิ่งตั้งอยู่ชายขอบของหมู่บ้านและมีลานขนาดใหญ่กินพื้นที่ถึง 2,000 ตารางเมตร  โดยในเวลานี้ในลานเต็มไปด้วยวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ

หลังจากไปเยี่ยมเยียนและมอบของขวัญให้กับแม่ของหวางต้าชิ่งแล้วถังเจิ้นกับหวางต้าชิ่งก็ไปคุยกันที่ลาน

ถังเจิ้นบอกกับหวางต้าชิ่งว่าเขาได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตและได้รับคำสั่งซื้ออุปกรณ์ประกอบฉากจำนวนหนึ่งมา  เขาเลยมีความคิดที่ว่าจะช่วยให้หวางต้าชิ่งและทุก ๆ คนในหมู่บ้านได้มีโอกาสทำเงิน

เขาเช่าสถานที่ในบ้านของหวางต้าชิ่งและให้เงินอีกฝ่ายเดือนละ 5,000 หยวน  โดยอีกฝ่ายจะต้องรับผิดชอบในการจัดทำอุปกรณ์ตามที่สั่งโดยมีค่าจ้างเพิ่มเติมอยู่ที่เดือนละ 10,000 หยวน  ซึ่งข้อแม้คืองานต้องออกมาดี

ไม่รู้หรอกว่าหวางต้าชิ่งจะเชื่อคำพูดของถังเจิ้นหรือไม่  แต่ก็ยังพยักหน้าตกลงโดยไม่ลังเลเพราะรายได้คือเดือนละหมื่นห้า

เมื่อข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นที่เหลือก็ง่ายแล้ว

ถังเจิ้นให้เงินก้อนแรกแก่หวางต้าชิ่งไป 50,000 หยวน  ให้อีกฝ่ายไปหาคนมาสร้างโรงเก็บของง่าย ๆ ในลานเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกมาเห็น

ต่อมาได้จ้างกลุ่มผู้ช่วยและช่างไฟมาติดตั้งและต่ออุปกรณ์และระบบไฟฟ้า

มีวัยรุ่นจำนวนมากในหมู่บ้านที่หาอาชีพเสริมทำยามว่าง  และแต่ละคนยังมีความชำนาญให้การเชื่อมเหล็ก  การตัด  และงานฝีมืออื่น ๆ ซึ่งหวางต้าชิ่งได้ออกไปเดินเล่นและคัดเลือกมาได้ 6 คน

แน่นอนว่าคนเหล่านี้ยินดีรับงานอย่างมีความสุขเพราะเป็นงานใกล้บ้านแถมยังเงินเดือนสูง

เมื่อเห็นว่ากำลังพลพร้อมแล้วถังเจิ้นจึงมอบพิมพ์เขียวให้กับหวางต้าชิ่ง  มันก็คือพิมพ์เขียวของชุดเกราะ  บริเวณหน้าอกตรงหัวใจทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีแผ่นเหล็กป้องกันไว้ทั้งหมด  ส่วนบั้นเอวกับหน้าท้องใช้แผ่นเหล็กขนาดเล็กหลาย ๆ แผ่นวางเรียงบนแผ่นหนังวัวอย่างหนาแล้วเอาหมุดตอกให้ติดกัน

โดยใต้หนังวัวมีการเย็บผ้าใบใส่เข้าไปอีกชั้นหนึ่งซึ่งมีน้ำหนักรวมเกือบ 20 จิน  นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนอย่างเช่นหมวก  และเกราะขาที่รายละเอียดค่อนข้างซับซ้อนเหมือนกันอีก

ถังเจิ้นต้องการให้มั่นใจในเรื่องคุณภาพ  ส่วนเรื่องความเร็วนั้นเขาเชื่อว่าหวางต้าชิ่งรู้ดีอยู่แล้ว

นี่เป็นรายการแรกที่ถังเจิ้นขอให้ทำและจำนวนที่ออเดอร์คือ 1,000 ชิ้น  หากวัสดุที่ต้องการไม่เพียงพอถังเจิ้นก็ให้หวางต้าชิ่งสั่งซื้อเองได้เลยแล้วก็โอนเงินให้อีกฝ่ายเพิ่มอีก 100,000 หยวนไว้เผื่อขาดเหลือ

จากนั้นเขาก็บอกกับหวางต้าชิ่งว่ากำลังจะไปปีนเขากว่าจะได้มาที่นี่อีกก็คงอีกประมาณครึ่งเดือน  และช่วงนี้ก็อาจติดต่อกันไม่ได้ด้วยจึงฝากฝังให้ดูและเรื่องต่าง ๆ ให้หน่อย  ทางด้านหวางต้าชิ่งก็ตอบเป็นมั่นเป็นเหมาะเลยว่า ‘ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ถัง  ฉันไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอน’

เมื่อปฏิเสธคำขอของหวางต้าชิ่งที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับแล้วถังเจิ้นก็ขับรถออกจากหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด