ตอนที่แล้วบทที่ 335 – ได้พบกับอาจารย์อีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 337 – กลับคืนรูปลักษณ์เดิม

บทที่ 336 – เพื่อนที่เป็นเหมือนกับครอบครัว


ประตูใหญ่ไม่ได้ลั่นดานเอาไว้ ทำให้ผมกับตงรื่อสามารถเปิดและเดินเข้าไปข้างในได้โดยไม่ต้องเรียกให้ใครออกมาช่วยเปิดประตู เมื่อเข้าไปข้างใน ผมก็พบว่าสถานที่นั้นกว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง มีแม้กระทั่งพื้นที่สำหรับการฝึกซ้อมวิชาต่อสู้ สภาพแวดล้อมก็งดงามเป็นอย่างยิ่ง มันดูสงบร่มเย็นอย่างมาก และมีกลิ่นยาสมุนไพรลอยออกมาจาง ๆ ‘หืม? ทำไมถึงได้มีกลิ่นสมุนไพรอยู่ที่นี่ได้ ต่อให้เขาได้รับบาดเจ็บ การรักษาด้วยเวทย์มนต์ก็น่าจะเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้สมุนไพรนี่น่า ที่ป้อมปราการแห่งนี้ ไม่น่าจะขาดนักเวทย์เยียวยาอย่างแน่นอนนี่’

ราวกับอ่านใจของผมได้ ตงรื่อเอ่ยปากอธิบายออกมาก่อน “นี่เป็นความคิดของผู้อาวุโสน่ะ พวกเขาบอกว่า แม้ว่าการรักษาด้วยเวทย์มนต์จะรวดเร็วกว่า แต่มันก็มีผลข้างเคียงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในระยะยาวแล้ว การใช้สมุนไพรจะให้ผลที่ดีกว่า พี่ใหญ่จ้านหู่กับคนอื่น ๆ จะอยู่ที่ปีกด้านตะวันออกโน่น ส่วนมู่จือกับไหสุ่ยอยู่ที่ปีกด้านตะวันตก นายคิดจะไปที่ไหนก่อนล่ะ?”

ผมมองหน้าเขา ก่อนจะเอ่ยออกมา “พวกเราไปหาพี่ใหญ่จ้านหู่กับคนอื่น ๆ กันก่อน” ถึงแม้ว่าผมอยากจะพบมู่จือกับไหสุ่ยใจจะขาดแล้ว แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมควรจะไปดูอาการคนที่ได้รับบาดเจ็บก่อน และมันเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องส่วนตัวมากด้วย ผมให้ตงรื่อเดินนำทาง พาจนไปถึงห้องของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ตงรื่อผลักประตูและเดินเข้าไปในห้อง ปากก็เอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข “ฉันกลับมาแล้ว!”

เสียงอันอ่อนระโหยของซิวซือดังออกมาจากด้านใน “ได้ยินเสียงนายมีความสุขอย่างนี้ แสดงว่าจัดการกับพวกเผ่ามารจนถอยกลับไปได้แล้วใช่หรือไม่? เผ่ามังกรมาถึงแล้วสินะ ไม่อย่างนั้น แทบจะไม่มีทางเลยที่พวกเราจะเอาชนะได้!”

ตงรื่อหัวเราะออกมาเสียงดัง “ไม่หรอก ไม่ใช่เผ่ามังกร แต่เป็นผู้ช่วยเหลือที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเผ่ามังกรเสียอีก ฮ่าฮ่า!”

นั่นทำให้ทั้งห้องต้องตกอยู่ในความเงียบ เป็นจ้านหู่ที่เอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจนัก “หรือว่า..คงจะไม่..คงจะไม่เป็น...”

ผมรีบเดินเข้าไปในห้องทันที ส่งเสียงนำหน้าไปอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่ พี่คิดถูกแล้ว เป็นผมเอง! ผมกลับมาแล้ว!”ภายในห้องนั้นระเกะระกะเป็นอย่างมาก โต๊ะเตียงมากมายถูกจัดวางกันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนัก จ้านหู่ ซิวซือ เกาเต๋อ ซิงโอว และสามผู้อาวุโสพากันนอนพักฟื้นอยู่บนนั้นด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว แต่สายตาทั้ง 7 คู่นั้น กำลังมองมาที่ผมอย่างเป็นประกาย มันทั้งตื่นเต้น ดีใจ ประหลาดใจ แต่ไม่มีพวกเขาเลยสักคนที่สามารถกล่าวคำพูดอะไรออกมาได้

ในห้องนั้นมีแต่ความเงียบงันอยู่พักใหญ่ จนในที่สุด เสียงของพี่ใหญ่จ้านหู่ก็พึมพำออกมา “จางกง! เป็นเจ้าจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? จางกง เจ้าเด็กหัวเหม็น ในที่สุดก็กลับมาจนได้สินะ!”

อารมณ์ของผมเองก็เปลี่ยนแปลงหลากหลายไม่ต่างจากพวกเขานัก จนต้องเอ่ยขอโทษออกไปก่อน “พี่ใหญ่ เป็นความผิดของผมเองที่กลับมาช้าเกินไป ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังแล้ว” หลังจากนั้น ผมก็คุกเข่าลงต่อหน้าของเหล่าผู้อาวุโสทั้งสามที่ยังมีชีวิตอยู่ทันที

อาการบาดเจ็บของพวกเขานั้นดูจะไม่สาหัสมากนัก ผู้อาวุโสใหญ่ลุกขึ้นจากเตียง และเดินมาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขานั้นดูเปียกชื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “แค่เจ้ากลับมาได้ นั่นก็ดีมากแล้ว”

“แต่ผู้อาวุโสใหญ่! นั่นทำให้ผู้อาวุโสสามกับผู้อาวุโสสี่ พวกเขา...”

ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจ “รู้เรื่องแล้วสินะ ถึงแม้ว่าเจ้าสามกับเจ้าสี่จะต้องสละชีวิตไป แต่ก็เป็นการตายที่มีเกียรติ และสมศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง หน้าที่ตั้งแต่โบราณที่บรรพบุรุษมอบเอาไว้ให้เรา คือการปกป้องโลกใบนี้จากเผ่ามาร การสละชีวิตเพื่อทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ไม่ได้น่าผิดหวังมากนักหรอก จางกงเอ๋ย เจ้าไม่ต้องมาเสียใจให้กับพวกเรามากนักหรอก การอยู่มาได้นานขนาดนี้แล้ว การตายจะนับเป็นอะไรได้ ได้สู้ ได้ทำหน้าที่จนตัวตาย นับว่าเป็นเรื่องที่สมใจเสียมากกว่า”

เขานั้นสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้มากกว่าผม สมแล้วที่ผ่านประสบการณ์ในชีวิตมาอย่างโชกโชน แต่ผมยังทำใจให้ยอมรับมันไม่ได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเลย “ผู้อาวุโส แต่ข้า...”

ผู้อาวุโสใหญ่ยกมือห้ามไม่ให้ผมกล่าวอะไรออกมาอีก ก่อนจะเป็นคนกล่าวขึ้นมาเอง “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พอแค่นี้แหละ ในเมื่อเจ้ากลับมาได้แล้ว หน้าที่หลักในการจัดการกับเผ่ามาร ก็มอบกลับไปให้เจ้าดูแลได้แล้ว ถ้าดูจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างกายแล้ว พวกเราบอกได้เลยว่าเจ้าน่าจะได้รับสืบทอดพลังมาอย่างสมบูรณ์ แค่นี้ก็ถือว่าไม่ทำให้พวกเราผิดหวังแล้ว การอดทนและการเสียสละครั้งนี้ถือว่าไม่สูญเปล่าจริง ๆ”

ผมได้แต่กล่าวตอบออกไปอย่างหนักแน่น “ผู้อาวุโสใหญ่ ขอบคุณพวกท่านมากที่อดทนกันมาได้ยาวนานถึงขนาดนี้ ยื้อเวลาอันมีค่าเอาไว้ให้กับโลกนี้ได้ แต่ต่อจากนี้ไป ท่านสามารถวางใจได้แล้ว แม้จะเหลือแค่ลมหายใจสุดท้าย ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้เผ่ามารชนะไปได้อย่างง่าย ๆ แน่!

เขาหัวเราะออกมาเสียงดังทีเดียว “ได้ยินคำพูดอย่างนี้จากปากของเจ้า ข้าก็หมดกังวลแล้ว ไม่ว่าผลสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ถือว่าพวกเราทำกันจนสุดความสามารถ ไม่เหลืออะไรต้องให้เสียใจอีก”

เสียงของจ้านหู่ถามออกมา “จางกง! เจ้าเป็นคนที่ทำให้เผ่ามารถอยกลับไปได้อย่างนั้นหรือ?”

ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปากตอบกลับไป เป็นตงรื่อที่ชิงกล่าวออกมาก่อน “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? พี่ใหญ่จ้านหู่ ท่านคิดว่าจะมีใครอื่นมาช่วยอีก ท่านไม่ได้เห็นกับตา ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้จางกงแข็งแกร่งมากขนาดไหน ใช้แค่มือเดียว ก็สามารถจัดการกับสามมหามารหนีหัวซุกหัวสุดกลับไปได้แล้ว แค่ดาบแสงเพียงเวทย์เดียว ก็ทำให้เหวลึกนั่นสะอาดไปได้ในพริบตาเลย แถมพลังแห่งแสงที่ส่งออกมาจากตัวเขา ยังทำให้สัตว์ปีศาจเผ่ามารเหล่านั้นอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก กองทัพของฝ่ายเรา บุกออกจากป้อมไปกวาดล้างได้จนหมดสิ้นไปแล้ว”

ผมได้แต่จ้องหน้าเขาเขม็ง ก่อนที่จะรีบอธิบายออกมาซ้ำทันที “มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาพูดหรอก พี่ใหญ่ ทุกคน! พวกท่านต้องฟื้นฟูตัวเองกลับมาให้ได้เร็วที่สุด ผมคิดว่าอีกในไม่นานนี้ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายน่าจะมาถึงแล้ว ราชามารน่าจะกำลังคืนชีพอยู่ คงจะปรากฏตัวออกมาเร็ว ๆ นี้แล้ว พวกเราต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ให้ได้มากที่สุด จะได้รับมือกับการโจมตีใหญ่ได้”

ซิวซือกล่าวออกมา “ฉันรู้เรื่องที่นายพูดมาอยู่แล้ว วิธีเดียวที่จะจัดการกับราชามารได้ คือต้องใช้เวทย์ต้องห้ามของเผ่าเทพเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเราไม่น่าจะต้องพักฟื้นกันเป็นเวลานานมากนัก อีกไม่กี่วันก็คงจะกลับมาอยู่ในสถาพที่สมบูรณ์แล้ว อา! จางกง! เจ้ามาเยี่ยมพวกเราอย่างนี้ ไปเจอหน้ากับมู่จือแล้วก็ไหสุ่ยมาแล้วหรือยัง? พวกนางน่าจะคิดถึงเจ้ามากกว่าพวกเราอีกนะ ถ้ายังไม่ได้ไป ก็รีบไปหาพวกนางเดี๋ยวนี้เลย!”

นั่นทำให้ผมหน้าแดงออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว “ฉัน..ฉัน..”

เสียงหัวเราะของซิงโอวดังขึ้น “ฉัน ฉันอะไรของนาย? ยังไม่รีบไปอีก พวกนางทำเพื่อเจ้าทุกอย่างจริง ๆ อย่าให้รอนานไปกว่านี้เลย”

...............

ผมเคาะประตูไม่แรงนัก หัวใจของผมนั้นเต้นแรงกว่าเสียงเคาะนี้มาก ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดีเมื่อได้เจอกับพวกเธอ ไม่รู้ว่าพวกเธอจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง เมื่อได้เห็นหน้าผมอีกครั้ง และจะยกโทษให้ผมหรือเปล่า?

“ใครกัน? เข้ามาได้เลย!”

ตอนที่ผมเปิดประตูและเดินเข้าไป พบว่าห้องที่พวกเธออยู่นั้นมีขนาดเล็กกว่าห้องอีกด้านหนึ่งเล็กน้อย มีเตียงวางอยู่ด้านในแค่ 2 เตียงเท่านั้น มู่จือกำลังหันหลังให้ผม และก้มลงจัดแจงความเรียบร้อยของที่นอนอยู่ ในขณะที่ไหสุ่ยซึ่งหันหน้ามองมาที่ผมนั้น กำลังอ้าปากค้าง มองผมอย่างตกตะลึง ถึงแม้ว่าผมจะยังสวมหน้ากากของเทพเหมันต์อยู่ แต่ถ้าดูจากสายตาของเธอแล้ว เธอจำผมได้ตั้งแต่แรกเห็น

เสียงของมู่จือดังขึ้นมาอีกเบา ๆ เหมือนจะกล่าวกับไหสุ่ย “อาจจะเป็นตงรื่อ คงจะมาแจ้งข่าวเรื่องการต่อสู้ ครั้งนี้พวกเราน่าจะป้องกันเอาไว้ได้อีกครั้งแล้ว”

ผมชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่อยถาม “เธอรู้ได้อย่างไร?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด