ตอนที่แล้วเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 42: จากเมล็ดสู่ต้นกล้า 3
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 1: ความคลางแคลง

เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 2 บทที่ 0: อารัมภบท


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

เล่มที่ 2 บทที่ 0: อารัมภบท

(ด้วยฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านของเด็ก อารมณ์ของวอลสันจึงไม่เป็นไปตามความคิด)

ล้อรถค่อยๆ หยุดลง เป็นเวลาสองสามวันแล้วที่เราออกจากหมู่บ้านซาดิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเรา จากจุดนี้ เราไม่สามารถมองเห็นมันได้อีกต่อไป

มันเริ่มดึกแล้ว เราจึงหยุดเกวียนและเริ่มเตรียมการตั้งแคมป์…ที่จริงข้าสามารถให้ไรเฟิลดึงเกวียนของเราในตอนเช้าและใช้กลไกเรดสโตนบนเกวียนของเราเพื่อให้มันเคลื่อนที่ต่อไปในตอนกลางคืนได้ ถึงแม้มันจะทำให้เร็วขึ้นมาก แต่เราก็ไม่มีเหตุผลต้องทำเช่นนั้น

จากประสบการณ์ของนักเดินทางและนักผจญภัย การตั้งแคมป์ในเวลากลางคืนและหาเสบียง รวมถึงการเดินทางจากหมู่บ้านซาดินไปยังเมืองหลวงจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการเดินทาง

แต่เกวียนหมาป่าของเราเร็วกว่าเกวียนม้าปกติมาก นอกจากนี้ เราไม่จำเป็นต้องหยุดเพื่อหาเสบียง ดังนั้นหากไม่มีอะไรผิดพลาด เราสามารถไปถึงเมืองหลวงได้ด้วยเวลาที่ใช้ 60% หรือน้อยกว่าเวลาปกติ

กลับไปเรื่องที่การตั้งแคมป์ ข้านำอ่างอาบน้ำสองอ่างที่ทำจากเหล็กและแผ่นไม้บางส่วนจากกระเป๋าเก็บของของข้าออกมา ด้วยเหตุนี้จึงมีห้องน้ำสองห้องที่แยกจากกัน! หนึ่งสำหรับผู้ชายอีกหนึ่งสำหรับผู้หญิงแน่นอน สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเทน้ำร้อนลงในอ่างอาบน้ำและเจ้าสามารถอาบน้ำได้เลย

เกรซที่นั่งข้างกองไฟได้ลุกขึ้นมองดูเนื้อสัตว์ที่ยังไม่สุก

ส่วนสี่นักผจญภัยกำลังพูดคุยและหัวเราะกัน ในขณะที่พวกเขากำลังสร้างเต็นท์ของพวกเขาเอง ข้าต้องปล่อยให้พวกเขานอนนอกเกวียน เพราะมีพื้นที่ไม่เพียงพอสำหรับพวกเขา เกวียนเป็นของสำหรับเมล่อนและเกรซ

ส่วนข้าน่ะเหรอ ข้าไม่สนใจเรื่องเตียงของข้าหรอก เอาผ้าห่มมาให้ข้า ข้าก็สามารถนอนบนที่คนขับได้แล้ว

ต้องขอบคุณไรเฟิลที่ทำให้เราไม่ต้องเฝ้ายามในเวลากลางคืน เราแค่ต้องทำให้ไฟลุกไว้ตลอดก็พอแล้ว นี่เป็นหนึ่งในข้อดีของการให้ไรเฟิลดึงเกวียนของเรา

ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์เท่านั้น แม้แต่โจรก็ไม่โจมตีเรา ข้าคงต้องขอโทษพวกเจ้าทุกคนที่อยากจะเห็นฉากต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นแบบนั้น แต่เมื่อมีไรเฟิลอยู่รอบๆ คงไม่มีใครคิดหาปัญหากับเราไปอีกนาน

ลองคิดดูสิว่าถ้าเจ้าเป็นโจรแล้วเห็นเกวียนแปลกๆ ทั้งยังเห็นว่ามันเป็นหมาป่ายักษ์ที่ดึงมัน เจ้าจะต้องการโจมตีมันอีกเหรอ? ไม่มีทาง!

น่าเสียดายเลยนะ ข้ากะอยากจะลองระบบรักษาความปลอดภัยเสียหน่อย อย่างปืนใหญ่ที่ยิงแท่งเหล็กขับเคลื่อนโดยเรดสโตน หินเวทมนตร์ลมและผงปืน

เมล่อนบอกข้าว่ามีคนขี่ม้าพร้อมอาวุธเข้ามาใกล้ แต่ก็ถอยกลับไปหลังจากที่พวกเขาเห็นเรา ข้าถามว่านางรู้ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่นางตอบมา "ข้ารู้ว่ามีม้าของมนุษย์ด้วยเสียงเท้าของมันและกลิ่นของพวกเขา ข้าได้ยินเสียงดังกึกก้อง นี่หมายความว่าพวกเขามีอาวุธและพวกเขากำลังมองมาจากที่สูงเป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาต้องเป็นโจรหรือหัวขโมยแน่นอนค่ะ"

ตอนนี้เมล่อนดูเหมือนจะกลายเป็นหน่วยสอดแนมได้แล้ว เดี๋ยวก่อน มีหน่วยสอดแนมบ้านไหน 1 ปะทะ 10 ได้กัน? จากการต่อสู้ครั้งล่าสุด นางแสดงให้เห็นแล้วว่านางเก่งมากเพียงใด

ถึงแม้นางจะไม่ใช่ [กำไลป้องกัน] แต่นางก็ยังสร้างรอยยุบบนใบหน้าพวกเขาได้อยู่ดี แต่ก็ดีแล้ว…เกิดนางใช้มันขึ้นมา ร่างกายของคนที่โดนคงระเบิดเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงบอกเมล่อนว่าอย่าใช้มันจนกว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น

หลังจากที่เราทำอะไรหลายอย่างแล้ว ข้าก็มาที่กองไฟ เมล่อน เกรซและนักผจญภัยเข้าไปอยู่ในที่ของพวกเขาแล้ว ทุกคนกำลังพูดอย่างกระตือรือร้น แต่ละคนมีไม้เสียบเนื้อที่สุกกำลังดีอยู่ในมือ

ส่วนเกรซและเมล่อน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางออกจากหมู่บ้านซาดินและพวกนางก็อยากรู้จริงๆ ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้ พวกเราทุกคนจึงมานั่งฟังเรื่องเล่าของกุลตัน

ส่วนสหายของเขาบางครั้งก็หัวเราะ เอ่ยขัดหรือโต้แย้งเรื่องเล่าอันไร้ซึ่งความจริงไป

แต่ข้าไม่สามารถเข้าไปในการสนทนาของพวกเขาได้ ดังนั้นแทนที่จะนั่งกับพวกเขาและกระอักกระอ่วนใจ ข้าจึงไปนอนข้างเกวียนและฟังพวกเขาพร้อมกับหยิบขนมปังออกมาจากกระเป๋าเก็บของ

"จะว่าไปแล้วคุณกาบับ ท่านช่วยบอกเราถึงเรื่องภารกิจที่พวกท่านรับมาครั้งนี้ได้ไหม?"

“โอ้ เรื่องนั้นสินะ ข้ารู้เพียงว่าเราต้องช่วยพวกเขาค้นหาและกำจัด [มังกรปฐพี] ระดับล่างที่พ่ายแพ้และถูกขับไล่โดย [ดีวาแห่งสายลม] เราไม่ต้องการที่จะรับภารกิจนี้มาหรอก เพราะความเสี่ยงสูงมาก แต่ภารกิจนี้มาจากสมาคมของเมืองหลวง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถปฏิเสธได้”

“ดีวาแห่งสายลมเหรอ?”

“นางเป็นนักผจญภัยระดับ S เป็นผู้หญิงที่ทรงพลังจริงๆ เหมือนกับผู้กล้า! ข้าได้ยินมาว่านางจะเป็นผู้นำภารกิจนี้...”

อืม…เมื่อการสนทนาเริ่มต้นขึ้น เมล่อนดูเหมือนจะสนใจมากทุกครั้งที่พวกเขาพูดถึงชีวิตของการเป็นนักผจญภัย

ดูเหมือนว่านางจะสนใจการเป็นนักผจญภัยมากจริงๆ เมื่อคิดถึงความสามารถของนางการเป็นนักผจญภัยระดับสูงแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย…แต่ข้าเคยถามนางมาก่อนแล้ว แต่นางปฏิเสธข้าทันที

จริงๆ แล้วข้าต้องการให้นางใช้ชีวิตในแบบของข้าเองอย่างอิสระและไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตเป็นทาสของข้าเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าข้าเคยปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นทาสเลย...แน่ตางกลับอยากให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ไว้สักวันคงต้องคุยปัญหาเรื่องนี้กับนางเสียหน่อยแล้ว

หลังอาหารเย็น มีเพียงบางส่วนที่อยู่ตรงกองไฟเท่านั้น

ข้านั่งอยู่ข้างกองไฟถือไม้ย่างมาร์ชเมลโล่ เพราะข้ารู้สึกเบื่อมาก หลังจากที่ทุกคนใช้เวลาทำความสะอาดในห้องน้ำแล้ว ข้าก็จะเก็บห้องน้ำไป ดังนั้นเราจึงสามารถออกไปได้ทันทีหลังจากที่เราตื่นขึ้นมาในตอนเช้า โดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดเก็บของเลย

ซึ่งยามนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว หลังจากขับรถมาทั้งวัน ข้าก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย ข้ามองไปที่เถ้าถ่านในกองไฟและเปลือกตาของข้าก็หนักเหมือนตะกั่ว

...ข้าไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานข้าก็ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงครูดบางอย่าง

จากนั้นข้าก็เห็นเกรซนั่งอยู่ข้างๆ ข้า ตัวข้ามีเสื้อคลุมอยู่ ดูเหมือนนางจะเอามาคลุมให้ข้า

แล้วนางก็รู้ตัวว่าข้าตื่นแล้ว "วอลสัน...ถ้านอนที่นี่จะเป็นหวัดนะ..." เกรซกล่าว

แปลกจัง นางเพิ่งคุยกับข้าเหรอ? ทุกวันนี้นางแค่หันหลังกลับหรือเดินจากไปเมื่อเห็นข้า ราวกับคิดว่าข้าเป็นสิ่งสกปรก...

เจ้าคิดว่าทำไมข้าต้องนั่งกินคนเดียวล่ะ? เพราะข้าไม่อยากให้เรื่องมันน่าอึดอัดใจ

“ไม่เป็นไร แม้ว่าข้าจะป่วย ข้าก็ยังขับรถไปส่งเจ้าที่เมืองหลวงได้” ข้าผลักมือของนางออกไป “เจ้าสิที่ต้องเป็นคนเก็บผ้าคลุมนี้ไว้ เจ้าคงไม่อยากเป็นไข้หวัดในวันแรกของการไปสถาบันใช่ไหมล่ะ?”

ในใจของข้ากลับเริ่มรู้สึกหมดความอดทนอย่างไม่มีเหตุผล เวรแล้ว มาร์ชแมลโลว์ที่ข้าทิ้งไว้ในกองไฟได้หายไปเสียแล้ว

“...คือข้าไม่ได้จะพูดอย่างนั้น” เกรซขมวดคิ้ว

“โทษที ข้าเองก็ไม่ได้จพสื่อไปทางนั้นเหมือนกัน” ข้ายักไหล่ “แล้วมีอะไรเหรอ?”

“...ไม่มีอะไรหรอก แค่ช่วงนี้วอลสันเย็นชากับข้า”

เย็นชา?

เจ้าบอกว่าข้าเย็นชาเนี่ยนะ? อะไรนะ! เจ้าทำทุกอย่างลงไปแบบนี้และจะบอกว่ามันเป็นความคิดของข้า พร้อมกับใช้ข้าเป็นเด็กรับใช้เนี่ยนะ!?

“...ข้าแค่อยากจะอยู่กับวอลสัน เหมือนกับเมล่อน...”

"เหมือนกับเมล่อนงั้นเหรอ?" ข้าเลิกคิ้วขึ้น

“...วอลสันกับเมล่อนเป็นคนดี...และมีของขวัญ...” เกรซพูดตะกุกตะกักอีกครั้ง ข้าใช้เวลาไม่กี่วินาทีในการเข้าใจประโยคของนาง

ของขวัญที่นางพูดถึงคงเป็นรูปปั้นตัวน้อยที่สร้างจากไม้นางฟ้าพันปีกระมัง ข้าทำมันขึ้นมาตอนที่ข้ารู้สึกเบื่อตอนขับรถหมาป่า มันเป็นเหมือนกับเครื่องรางเพื่อความปลอดภัย แต่สำหรับความหมายเชิงสัญลักษณ์ มันไม่มีอะไรพิเศษเลย

ดังนั้นเจ้าแค่อยากจะบอกว่าต้องการมันเป็นของขวัญใช่ไหม? เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมขนาดนั้นก็ได้หรอกนะ

“แน่นอนข้ามีของขวัญให้เจ้าเพื่อขอบคุณที่เดินทางกับบริษัทท่องเที่ยวของวอลสัน”

ข้านำอีกอันมาให้กับเกรซ หวังว่าชีวิตในสถาบันของเกรซจะดำเนินไปอย่างมีความสุขนะ ข้ากำลังสงสัยว่าข้าจะให้มันกับนางยังไงดี แต่ดูเหมือนว่าเกรซจะมาเอามันไปก่อนที่ข้าจะถามด้วยซ้ำ

รูปปั้นแกะสลักเหมือนกลีบซากุระ ถ้านางไม่ชอบ...

“ถ้าเจ้าไม่ชอบก็บอกข้าได้นะเกรซ ข้ายินดีที่จะทำใหม่ให้” ข้าลุกขึ้นยืนพร้อมกับโยนรูปปั้นให้กับเกรซ นางมองไปที่รูปปั้นที่ตกลงบนต้นขาของนาง

“วอลสัน ข้าไม่ได้…”

"ข้าจะไปนอนแล้ว ราตรีสวัสดิ์" วันนี้อารมณ์ของข้าขึ้นลงอย่างผิดปกติ ข้ารีบปีนขึ้นไปบนที่นั่งคนขับ

ถ้าเจ้าต้องการของขวัญก็เอาไปแล้ว

...แต่เดี๋ยวเจ้าได้ตื่นเต้นกว่านี้ เพราะไม้คทาของเจ้ากำลังจะเสร็จแล้ว

ข้าดึงผ้าวิเศษออกมาและจ้องมองไปที่ตัวอักขระเวทมนตร์ที่จารึกไว้ ข้าอยากจะหลับไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นฉันข้าดื่มยามานาบังคับตัวเองให้ผลิตมานาตามความสามารถสูงสุดของข้า จากนั้นข้าก็คว้าปากกาถ่านของข้าขึ้นมา

แล้วข้าก็หลับลงไปอย่างรวดเร็วตรงที่นั่งคนขับ เนื่องจากมานาที่หมดลง

เหตุไฉนข้าถึงทำตัวเช่นนั้นออกไปกันนะ? ข้าเริ่มจะสงสัย

แต่บางทีในยามนี้นางคงไม่ต้องการข้าแล้วกระมัง

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด