ตอนที่แล้วตอนที่ 78 สำนักเพลิงเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 80 ลอบโจมตี

ตอนที่ 79 โล่กระบี่ดาวประดับราตรี


“สำนักเพลิงเทพ? พวกมันตั้งเป้าสำนักกระบี่เซียนเมฆาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงโจมตีพวกเรา?” ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล

เฉินเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อสำนักเพลิงเทพ

สำนักนิกายที่อยู่ใกล้เมืองเซียนเมฆาล้วนถูกสำนักชั่วร้ายนี้โจมตี ปกติพวกเขาจะมุ่งเป้าที่สำนักกระบี่เซียนเมฆา พูดได้ว่าขัดแย้งกับสำนักกระบี่เซียนเมฆา

สำนักนี้ไม่มีถิ่นฐานที่แน่นอนและลึกลับมาโดยตลอด แต่ทุกครั้งสามารถนำปัญหามาให้สำนักกระบี่เซียนเมฆาได้ สำนักกระบี่เซียนเมฆาเข้าปิดล้อมอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานสำนักเพลิงเทพก็ฟื้นตัวกลับมาใหม่

ราวกับว่าคนสำนักเพลิงเทพไม่มีวันตาย

“สำนักเพลิงเทพมีอารมณ์แปรปรวนเสมอ” กัวหลินซานส่ายหน้าพูด

บางทีสำนักเพลิงเทพอาจถือว่าสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวเป็นสาขาย่อยของสำนักกระบี่เซียนเมฆา การฆ่าพวกเขาบางคนจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หากทุกสำนักนิกายไม่ปิดล้อมปราบปรามสำนักเพลิงเทพ เกรงว่าสำนักนิกายอื่นคงอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้

ครู่ต่อมา ศิษย์ขัดเกลาไขกระดูกอีกหลายคนตามกลับมาโดยนำร่างศิษย์ทั้งสองที่ตายไปมาด้วย

“ศิษย์พี่กัวสงสัยสำนักฉางหงด้วยหรือไม่?”

ในที่พัก เฉินเฟยนั่งถัดจากกัวหลินซานแล้วถาม หลังขบวนเกวียนถูกโจมตีไม่นาน คนจากสำนักฉางหงก็มาสร้างปัญหาถึงที่ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะคิดแบบนี้

“ไม่รู้”

กัวหลินซานส่ายหัว “อาจจะใช่หรือไม่ก็ได้ ในทุกภารกิจสำนักฉางหงชอบส่งคนมาเอาเปรียบ ในสายตาของพวกเขา สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวของเราง่ายต่อการกลั่นแกล้ง”

หลังจากพูดแบบนี้กัวหลินซานก็ยิ้มแห้ง

สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวไม่ได้อ่อนแอ แต่เมื่อเทียบกับสามสำนักอื่นยังแย่กว่ามาก

คนมีความสามารถโดดเด่นที่อยู่ใกล้เมืองเซียนเมฆาจะได้รับคัดเลือกจากสำนักกระบี่เซียนเมฆาตั้งแต่แรก จากนั้นสำนักนิกายอื่นถึงจะมีโอกาส ผู้ที่ไม่ได้รับเลือกย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดต่อไป

สำนักฉางหงรับเฉพาะผู้ที่มีอายุต่ำกว่าสิบสามปีและทรงพลังกว่าสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว แน่นอนว่าคนอื่นย่อมไปที่สำนักฉางหง

หลังผ่านการเลือกทีละขั้น การมาที่สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวยังไม่ต้องพูดถึง ความจริงคือพรสวรรค์ของศิษย์ด้อยกว่าสำนักนิกายอื่น

แม้เมื่อครู่กวงติ้งป๋อจะหยิ่งยโส แต่เขาพูดถูกเรื่องหนึ่ง นั่นคือศิษย์สำนักฉางหงที่มีอายุถึงเกณฑ์จะออกไปด้านนอกได้ และมีเพียงคนส่วนน้อยที่อยู่ในระดับหลอมกระดูก

แต่ในสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว บรรดาศิษย์ภายในมีระดับหลอมกระดูกค่อนข้างมาก เฉินเฟยเป็นเยาวชนที่มีอายุมาก ในสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวมีคนเยาวชนอายุมากไม่เยอะนัก

“ศิษย์พี่กัว ท่านสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นห้าแล้วหรือยัง?” เฉินเฟยเปลี่ยนเรื่อง

“ใช่ เพิ่งสำเร็จวันนี้โดยบังเอิญ”

กัวหลินซานมองเฉินเฟยและพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้าด้วย เจ้าสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นแรกในไม่กี่วัน หากข้าช้ากว่าคงถูกเจ้าไล่ตามทันพอดี”

เฉินเฟยตกตะลึงเพราะตัวเองเป็นเหตุที่กระตุ้นอีกฝ่าย

“เมื่อกลับไปหลังจากจบภารกิจนี้ ข้าคงพร้อมทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน พอถึงตอนนั้นขะมีโอกาสแย่งชิงมรดกของศิษย์แท้จริง!”

กัวหลินซานพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคาดหวัง ในฐานะนักยุทธ์ ทุกคนต้องการฝึกวิชายุทธ์ขั้นสูงและพัฒนาระดับของตน กัวหลินซานไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน

“อาจารย์อาเฉียน!”

“อาจารย์อาเฉียนมาแล้ว!”

ทันใดนั้นศิษย์คนหนึ่งตะโกนเสียงดัง เฉินเฟยทั้งสองลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเห็นชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงที่พัก เขาดูเหมือนนักวิชาการ แต่เมื่อมองใบหน้าเขามันกลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสง่างามโดยปราศจากความโกรธ

“อาจารย์อาเฉียน!” กัวหลินซานรีบไปข้างหน้า

“บอกเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมา ห้ามตกหล่นแม้แต่จุดเดียว!” เฉียนหลินตู้พูดเสียงทุ้ม

“ขอรับอาจารย์อาเฉียน!”

กัวหลินซานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นรวมถึงรายละเอียดบางอย่างที่กัวหลินซานพบในจุดที่ขบวนถูกลอบโจมตีและกวงติ้งป๋อจากสำนักฉางหงที่มาสร้างปัญหา

ครู่ต่อมา เมื่อกัวหลินซานพูดจบ เฉียนหลินตู้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เก็บสมุนไพรต่อไป ข้าจะเป็นคนคุ้มกันการขนส่งสมุนไพรเอง!” เฉียนหลินตู้พูดเสียงทุ้ม

หากตกเป็นเป้าหมายของสำนักเพลิงเทพจริง ศิษย์ที่มีในตอนนี้ไม่อาจปกป้องได้แน่นอน หากสำนักเพลิงเทพลงมือเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ศิษย์เหล่านี้อาจตกอยู่ในอันตราย

อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้นี้ต่ำมาก สำนักเพลิงเทพไม่ค่อยจัดการกับสำนักอื่นรุนแรงนักเว้นแต่จะเผชิญหน้ากับสำนักกระบี่เซียนเมฆา

กัวหลินซานพยักหน้าตอบรับ เฉียนหลินตู้หายตัวไปจากที่พัก เขาไปที่สำนักอื่นเพื่อดูว่าพวกเขาเป็นคนเดียวที่ถูกโจมตีหรือโดนกันหมดทุกสำนัก

ตกกลางคืน คนเก็บสมุนไพรกลับมา ในตอนกลางคืนทัศนวิสัยจะต่ำลงจึงไม่อาจเก็บสมุนไพรต่อได้ นอกจากนี้ยังมีอันตรายบางอย่างอยู่

กองไฟถูกจุดขึ้น ทุกคนเริ่มพูดคุยด้วยเสียงเบา ขณะที่เฉินเฟยกำลังฝึกท่าร่างในป่าใกล้ๆ กระบี่ในมือเขาก็แกว่งไปมาอย่างต่อเนื่อง

กัวหลินซานนั่งอยู่บนพื้น มองร่างเฉินเฟยที่ฝึกซ้อมอยู่ระยะไกลและอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า

การทำงานหนักเช่นนี้ทำให้กัวหลินซานรู้สึกละอายใจ

กัวหลินซานเคยได้ยินมาว่าเฉินเฟยมักจะเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในห้องและไม่ออกไปหาความบันเทิง ตอนแรกกัวหลินซานคิดว่าข่าวลือนั้นเกินจริง แต่พอได้เห็นตอนนี้กลับกลายเป็นว่าข่าวลือพวกนั้นด้อยกว่ามาก

“เพียงแค่ฐานกระดูกแย่เท่านั้น ไม่ยุติธรรมเลย!” กัวหลินซานพึมพำกับตัวเอง

บางคนมีพรสวรรค์มากและสามารถเหนือกว่าคนอื่นได้โดยไม่ต้องพยายาม แต่บางคนแม้จะขยันจนหมดแรงแต่ผลลัพธ์ยังเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นอย่างนี้ นั่นจึงเป็นผลให้บางคนยอมแพ้และใช้ชีวิตอย่างยุ่งเหยิง

บางคนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และยังพยายามหนักต่อไป แม้ผลลัพธ์จะน้อยนิดแต่พวกเขาไม่เคยคิดยอมแพ้ ส่วนผลลัพธ์นั้นคงขึ้นอยู่กับเทพที่จะตัดสิน

“โชคดีที่ศิษย์น้องเข้ากันได้ดีกับพลังเข้าใจต้นกำเนิด การเข้าระดับขัดเกลาอวัยวะภายในจึงไม่ใช่ปัญหา และความเข้าใจยังไม่เลว ยังมีโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไปได้”

กัวหลินซานพูดเสียงต่ำจากนั้นหลับตาลงเริ่มหมุนเวียนพลังเข้าใจต้นกำเนิด หลังสำเร็จพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นห้า การทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในจึงกลายเป็นเรื่องแน่นอนและไม่มีอุปสรรคอีก

ในคืนที่มืดลง ร่างฉินเฟยยังคงเคลื่อนไหว ครู่ต่อมาร่างเฉินเฟยหายไปจากจุดเดิมและปรากฏบนยอดต้นไม้ที่ห่างไกล

[วิชายุทธ์: ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณ(รู้แจ้ง)]

เฉินเฟยอดยิ้มไม่ได้ ในที่สุดท่าร่างนี้ก็ถึงจุดสูงสุด ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณระดับรู้แจ้งไม่ทำให้เฉินเฟยผิดหวังเช่นกัน

เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ความเร็วเฉินเฟยเพิ่มขึ้นหลายส่วน วิชานี้สมกับชื่อฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณแล้ว

เฉินเฟยมองกระบี่ในมือ ทันใดนั้นแสงกระบี่ได้กระจายไปทั่วร่างเฉินเฟย หากมองจากระยะไกลจะเห็นว่าเหมือนมีโล่นับไม่ถ้วนล้อมรอบเฉินเฟย

เฉินเฟยขยับเท้าเคลื่อนไหว ร่างบนยอดไม้สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง ใบไม้และกิ่งก้านที่อยู่ใกล้ร่างเฉินเฟยถูกบดขยี้ทันที

“ชิ้ง!”

ทันใดนั้นแสงกระบี่สว่างวาบจากโล่กระบี่ ยอดต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่หมี่ล้วนแบนราบ

[วิชายุทธ์: กระบี่ดาวประดับราตรี(รู้แจ้ง)]