ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 42 : ห้ายอดทักษะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 44 : ตรึงใจด้วยไก่ 1 ตัว

[ตอนฟรี] ตอนที่ 43 : วีรบุรุษช่วยสาวงาม


ภายนอกของจวินเซียวเหยายังคงสงบนิ่ง แต่ภายในกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

คาดไม่ถึงว่าสถานที่ลงชื่อแห่งใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลง

แต่เห็นได้ชัดว่าสุสานผานหวู่ไม่เหมือนกับคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน

ที่นั่นเป็นพื้นที่ลับส่วนตัวของราชวงศ์เทพผานหวู่ จะให้คนนอกเข้าไปได้อย่างไร?

“ท่านปู่ บางทีราชวงศ์เทพผานหวู่อาจไม่ยอมให้คนนอกเข้าไปในพื้นที่ลับของพวกเขาถูกไหม?” จวินเซียวเหยาส่ายหัวเบาๆ

“เอ่อ.. นั่นก็จริง แต่ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ปู่แค่กำลังบอกเจ้าว่ามันมีหนทางนี้ ถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ ก็ช่างมัน การรีบเร่งย่อมไม่ส่งผลดีต่ออนาคตของเจ้า” จวินจ้านเทียนกล่าวอย่างเอาแต่ใจ

“งั้นค่อยคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังนะครับ” จวินเซียวเหยาพูดไม่ออก

ความเอาแต่ใจของตระกูลจวินเหมือนจะอยู่ในสายเลือดตั้งแต่เกิด

แต่ถ้าเป็นไปได้ จวินเซียวเหยายังคงต้องการแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง

“จักรพรรดิผานหวู่มีกายาเทพบรรพกาล หากข้าสามารถค้นหาข้อมูลบางอย่างได้ มันจะช่วยให้ข้าไม่ต้องอ้อมไปมามากมาย” จวินเซียวเหยาพึมพำ

กายาเทพบรรพกาลเป็นสิ่งที่หายากสุดๆ และยากมากที่จะถือกำเนิดขึ้นมาในแต่ละยุคสมัย

แต่กายาเทพบรรพกาลที่พิสูจน์เส้นทางแห่งเต๋าและบรรลุขอบเขตจักรพรรดินั้นหายากยิ่งกว่า

ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนจวินเซียวเหยาผู้มีสูตรโกงในการทำลายโซ่ตรวนทั้งสิบเส้นในตอนที่ถือกำเนิด

ในยุคสมัยของจักรพรรดิผานหวู่ บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องยากในการบ่มเพาะกายาเทพบรรพกาลเหมือนกับยุคนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะทำลายโซ่ตรวนอย่างง่ายดาย

“สุสานผานหวู่ หากข้ามีโอกาสในอนาคต ข้าต้องไปเยี่ยมเยือนแน่” จวินเซียวเหยาคิดในใจ

หลังจากนั้น จวินเซียวเหยายังคงฝึกฝนต่อไปในพระราชวังเทียนตี้

เขามีลางสังหรณ์อย่างคลุมเครือในใจว่าคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนอาจจะเปิดออกภายในไม่กี่ปีนี้

ก่อนจะถึงเวลานั้น จวินเซียวเหยาก็จำเป็นต้องเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไป

...

กาลเวลาลอยล่อง พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี

ตอนนี้จวินเซียวเหยาอายุสิบเอ็ดปีแล้ว แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเขากลับดูเหมือนหนุ่มน้อยวัยสิบห้าหรือสิบหกปี

ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาราวกับพระเจ้าผู้ไร้มลทิน ผู้ใดเผลอจ้องมองจำต้องอับอายเพราะเกรงว่าสายตาของตัวเองจะสร้างความแปดเปื้อนให้จวินเซียวเหยา

ในปีที่ผ่านมา การบ่มเพาะของจวินเซียวเหยาได้มาถึงระดับสมบูรณ์แบบของขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ดูเหมือนความก้าวหน้าจะไม่มากนัก

เหตุผลหลักก็เพราะเขาใช้ความพยายามทั้งหมดไปกับการฝึกฝนเหล่าเคล็ดทักษะ

หลังจากฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะรูปแบบที่สองสำเร็จ ความเร็วนี้ถึงกับทำให้บรรพชนที่สิบแปดพูดไม่ออกและถอนหายใจไม่หยุด

ส่วนสุดยอดกระดูก หลังจากดูดซับสารอาหารไปมากมาย มันก็ได้เลื่อนระดับไปสู่ทักษะที่สมบูรณ์นามว่า หัตถ์พระเจ้า

นี่คือรูปแบบที่สมบูรณ์ของเทพชิงแสง

แก่นแท้มังกรก็ถูกย่อยโดยจวินเซียวเหยาอย่างหมดจดเช่นกันและสายเลือดมังกรอันเข้มข้นได้ช่วยให้เขาปลุกอีก 20,000 พลังคชสารยักษ์

ตอนนี้เขาปลุกไปแล้ว 70,000 พลังคชสารยักษ์ ซึ่งนับเป็นพละกำลังสูงถึง 700 ล้านจิน

จำเป็นต้องรู้ว่านี่ยังไม่ได้นับรวมกับพละกำลังจากกายาเทพบรรพกาล

จวินเซียวเหยาปลดปล่อยแค่พลังเทพคชสารทลายโลกันตร์มาโดยตลอด มันยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงขีดความสามารถและความคงกระพันอันไร้เทียมทานของกายาเทพบรรพกาล

แน่นอน ถ้าจวินเซียวเหยากระตุ้นพลังของกายาเทพบรรพกาลจริงๆ มันยิ่งจะน่าหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ จวินเซียวเหยายังได้รับเคล็ดทักษะของรังจู่หลงอีกด้วย อย่างเช่นกรงเล็บมังกรเฉือน หมัดมังกร มังกรแท้กักสวรรค์ และอย่างอื่น จากการดูดซับแก่นแท้มังกร

สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยก็คือมันไม่มีเคล็ดทักษะของมังกรที่แท้จริงอยู่ภายในแก่นแท้มังกรนี้

“เฮ้อ เอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะอย่างเดียวนี่มันโคตรน่าเบื่อ ชักจะคิดถึงเซียวเฉินขึ้นมาหน่อยนึงแล้วสิ…” จวินเซียวเหยาถอนหายใจเบาๆ

สงสัยจังว่าเซียวเฉินน้ำหนักเพิ่มขึ้นเท่าไหร่แล้ว?

จวินเซียวเหยาเหมือนจะได้เห็นทุ่งข้าวอวบเขียวขจี…

...

คุนโจว หนึ่งในสามพันดินแดนอมตะหวงเทียน

ที่ตั้งดินแดนนี้อยู่ห่างออกไปแสนไกล มันมีสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งแต่กลับเต็มไปด้วยเหล่าโจรออกอาละวาดและสัตว์อสูรสุดอันตราย มันเป็นสภาพแวดล้อมสุดขั้วที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตเลย

ดินแดนแห่งนี้ไร้ซึ่งขุมกำลังครอบครอง เห็นได้ชัดว่ามันคือดินแดนที่ถูกทิ้งร้าง

แต่มันก็เพราะดินแดนแห่งนี้ค่อนข้างอันตรายและมีสภาพแวดล้อมสุดขั้ว ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการหาประสบการณ์

เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์จากนิกายชั้นยอดมักจะมาคุนโจวเพื่อฝึกฝนหาประสบการณ์

เวลานี้ภายในคุนโจว ณ กลางเทือกเขาที่ค่อนข้างอันตราย

“หัตถ์มังกรครามฉีกฟ้า!”

หลังจากเสียงตะโกนดังกัมปนาท ร่างเงาที่ดูเหมือนมนุษย์ครึ่งมังกรสะบัดปีกมังกรมรกต ฝ่ามือของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บและชูออกสู่ท้องฟ้า

พริบตานั้น รูปแบบแสงมังกรครามนับร้อยพุ่งออกมา พวกมันรวมตัวกันราวกับมือที่สามารถทำลายสวรรค์ได้และฉีกกระชากสัตว์อสูรขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียวตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ อย่างรุนแรง

ฝนโลหิตโปรยปราย เศษเลือดเศษเนื้อของสัตว์อสูรกระจายออกไปทุกทิศทาง

ร่างมนุษย์ครึ่งมังกรผู้นี้มีเกล็ดมังกรครามบนร่างกาย ด้วยปีกที่หดเข้าสู่แผ่นหลังเผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง มันคือเซียวเฉิน

ผ่านมาแล้วสามปีนับตั้งแต่ถูกเตะออกมาจากตระกูลจวินอย่างน่าอับอายโดยจวินเซียวเหยา

เด็กน้อยในตอนนั้นได้เติบโตเป็นชายชาตรีในตอนนี้

แม้ว่าเซียวเฉินจะถูกจวินเซียวเหยาทำลายเส้นลมปราณและการบ่มเพาะ

แต่มันก็เป็นเหมือนกับพร หลังจากฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้า ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าและบรรลุถึงระดับกลางของขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์ แม้หลังจากแปลงเป็นมังกรคราม ก็ถึงขนาดที่สามารถสังหารกระทั่งสัตว์อสูรขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียวได้

“ใช้ได้ เจ้าสามารถฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้าไปจนถึงระดับที่สี่ภายในไม่กี่ปี เจ้าคู่ควรแล้วกับนามบุตรแห่งโชคชะตาของดินแดนชิงหลงโบราณของข้า”

ในความว่างเปล่าข้างเซียวเฉิน ชายชราในชุดคลุมมังกรครามพร้อมด้วยเขามังกรปรากฏตัวออกมา มันคือเสี้ยววิญญาณของผู้ก่อตั้งดินแดนชิงหลงโบราณ ปรมาจารย์ชิงหลง

เขามองเซียวเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

มันยากอย่างถึงที่สุดในการฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้า ขนาดตอนที่เขาเริ่มฝึกฝนมันยังต้องใช้เวลานานมหาศาลเลย

แต่ความเร็วในการฝึกฝนของเซียวเฉินได้ก้าวข้ามเขาในตอนนั้นไปแล้ว

กล่าวได้ว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ในอนาคต เซียวเฉินจะกลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่มือชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วสามพันดินแดนอมตะอย่างแน่นอน

เมื่อเซียวเฉินได้ยิน ไม่เพียงจะไม่มีความยินดีปรีดาบนใบหน้า แต่กลับมีแต่ความเกลียดชังและความเย็นชาแทน

“สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ อีกสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ ข้าบอกกับจวินเซียวเหยาว่าเราจะกลับมาสู้กันอีกครั้งภายในสามปี แต่มันทำเหมือนกับว่าข้าเป็นตัวตลก!”

“สามปีได้ผ่านไปแล้ว ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าใครคือตัวตลกตัวจริง!”

เซียวเฉินเต็มไปด้วยแรงผลักดันและจิตใจอันฮึกเหิม ราวกับว่าเขาได้เห็นจวินเซียวเหยาถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า

และไป่ยวี่เอ๋อ เขาจะทำให้นังสารเลวนั่นเสียใจ

เพียงเมื่อเซียวเฉินกำลังจินตนาการอยู่ในใจ มันกลับมีความเคลื่อนไหวบางอย่างไกลออกไป

“เซียวเฉิน มันมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง ระวังตัวด้วย” ปรมาจารย์ชิงหลงกลับเข้าสู่แหวนผานหลงและกล่าวผ่านข้อความเสียง

เซียวเฉินขมวดคิ้วและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

เขาหันไปทางนั้นและมองด้วยความประหลาดใจ

เขาเห็นหญิงสาวสวมกระโปรงผ้าไหมและผ้าคลุมหน้าสีขาว นางกำลังถูกไล่ล่าโดยกลุ่มโจร

โจรเหล่านั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม กลุ่มโจรหมัวหลาง (ปิศาจหมาป่า)

“นี่คนสวย วิ่งหนีต่อไปเถอะ ภายในคุนโจวนี้มีใครบ้างที่สามารถหยุดกลุ่มโจรหมัวหลางของข้าได้” หัวหน้าโจรเย้ยหยัน

ระดับการบ่มเพาะของเขาคือขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียว

“บ้าจริง ข้าไม่สามารถปลดปล่อยพลังของข้าได้ ไม่งั้นข้าจะถูกพวกเขาสังเกตเห็น ถึงตอนนั้นข้าก็จะถูกนำตัวกลับไป”

หญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าแอบรำคาญ

นางนั้นแอบหนีออกมาและถ้านางปลดปล่อยเคล็ดทักษะที่สืบทอด เกรงว่าจะถูกสัมผัสได้โดยผู้พิทักษ์ของนาง

“คนสวย ต่อให้เจ้ากรีดร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก” หัวหน้าโจรยิ้มอย่างชั่วร้าย

แต่ทันใดนั้น ร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาทันทีพร้อมกับเสียงอันเย็นชา

“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ!”

TL : เซียวเหยาเพิ่งจะล้อคำพูดนายไปนะเซียวเฉิน~

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด