ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 13 : แขกผู้มาเยือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 15 : ส่งมอบโอสถอมตะ

[ตอนฟรี] ตอนที่ 14 : ความอวดดีที่ไม่สมควร


จวินเซียวเหยามองไปที่ไป่ยวี่เอ๋อ นางมีใบหน้างดงามอย่างไร้ที่ติ ผิวพรรณผ่องใสราวกับคริสตัล ขาที่เรียวยาว นางคู่ควรแล้วกับชื่อเสียงการเป็นสาวงามล่มเมือง

โดยเฉพาะจุดสีชาดขนาดเล็กตรงกลางหว่างคิ้วของนาง ซึ่งส่องสว่างราวกับเปลวเพลิง ยิ่งทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

ราวกับว่ามันมีเปลวเพลิงวิเศษที่สามารถเผาผลาญโลกทั้งใบได้กำลังซ่อนเร้นอยู่

ไป่ยวี่เอ๋อผู้นี้มีคุณสมบัติไม่แย่เลยทีเดียว

เดิมทีจวินเซียวเหยาวางแผนไว้ว่าหากสตรีผู้นี้เป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย นางอาจจะพอเป็นหมากให้กับเขาและคอยจัดการดินแดนจูเชวี่ยโบราณให้กับเขาได้

และผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น ดูเหมือนนางจะเป็นสตรีงามผู้หยิ่งยโสที่เคยชินกับการโดนสุนัขขี้ประจบคอยเลียแข้งเลียขา นางคงคิดว่าผู้ชายทั้งโลกจะคอยรุมล้อมนางและคอยเอาอกเอาใจนาง

“ถ้าหากเป็นนักเดินทางข้ามมิติคนอื่น บางทีอาจเริ่มประจบนางก่อนเป็นฝ่ายแรก แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่สำหรับข้า…” จวินเซียวเหยาส่ายหัวอยู่ในใจ

จวินเซียวเหยาครอบครองพรสวรรค์ไร้ผู้เทียบเคียง มีสถานะอันสูงส่ง และเบื้องหลังไร้เทียมทาน

เป็นชายหนุ่มตัวสูง หล่อและรวยมาก

ดังนั้นจากนี้ไป มันถึงคราวที่คนอื่นจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มประจบสอพลอเขาก่อน

อย่างที่เห็น จวินหลิงหลงคือหญิงสาวคนแรกที่เข้ามาประจบเขา

แต่ไป่ยวี่เอ๋อนางนี้ เห็นได้ชัดว่านางมีสติปัญญาไม่สูงเท่ากับจวินหลิงหลง หรือพูดอีกอย่างคือหลังจากถูกเลียแข้งเลียขามาเป็นเวลานาน ความฉลาดก็เริ่มลอยหายไป

กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าข้า จวินเซียวเหยา

“เจ้ากับข้ารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ?” จวินเซียวเหยาถามด้วยรอยยิ้มจางๆ

ไป่ยวี่เอ๋อชะงักไปเล็กน้อย

ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงถามสิ่งที่มันไม่เกี่ยวข้องกันขึ้นมาล่ะ?

แต่ไป่ยวี่เอ๋อยังคงตอบ “นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของยวี่เอ๋อและนายน้อย”

“สำหรับการพบกันครั้งแรก เจ้าก็เอ่ยขอโอสถอมตะราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ถึงข้าจะสัญญาไว้กับเจ้าก่อนหน้านี้ ข้าเคยพูดรึว่าข้าจะมอบมันให้กับดินแดนจูเชวี่ยโบราณแบบฟรีๆ?”

“ดินแดนจูเชวี่ยโบราณของเจ้าจะอยู่หรือล่มสลาย มันเกี่ยวอะไรกันกับข้า?”

“แล้วบิดาของเจ้าจะอยู่หรือจะตาย มันสำคัญอะไรกับข้า?”

รอยยิ้มของจวินเซียวเหยาหายไป เขาพูดอย่างไม่แยแส

จากนั้นไป่ยวี่เอ๋อจึงตระหนักได้ นางรู้สึกอับอายและอึดอัด

คำถามเพียงสามข้อของจวินเซียวเหยา ทำให้นางถึงกับเงียบสนิทและแสดงความลำบากใจออกมา

อันที่จริงแล้ว จวินหลิงหลงบอกนางเพียงว่ามีนายน้อยจากตระกูลจวินที่เต็มใจจะมอบโอสถอมตะให้กับนาง แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเต็มใจจะมอบให้โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ ชีวิตและความตายของดินแดนจูเชวี่ยโบราณหรือบิดาของนางนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับจวินเซียวเหยาเลยสักนิด

“แต่นายน้อย ท่านไม่ได้ขาดแคลนโอสถอมตะ ท่านสามารถช่วยชีวิตหลายชีวิต กระทั่งนับร้อยล้านชีวิตได้ด้วยโอสถอมตะเพียงแค่ต้นเดียว ท่านไม่ต้องการหรืออย่างไร?”

ไป่ยวี่เอ๋อยังคงยืนหยัดในการอ้างคุณธรรมอันสูงส่ง

การแสดงออกของจวินเซียวเหยาไม่แยแสโดยสมบูรณ์ เขาเอ่ยด้วยความเย็นชา “นั่นง่ายมาก เพราะมันคือโอสถอมตะของข้า หากข้าต้องการ ข้าจะโยนมันให้หมาตัวไหนข้าก็ย่อมทำได้!”

เมื่อไป่ยวี่เอ๋อได้ยิน ร่างกายอันบอบบางของนางสั่นสะท้าน ใบหน้าของนางซีดเผือด ความรู้สึกอันอัปยศอดสูได้ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกในหัวใจนาง

คำพูดของจวินเซียวเหยาไม่ได้หมายความว่าในสายตาของเขา บิดาของนางไม่ต่างจากสุนัขหรอกหรือ?

คิดถึงเรื่องนี้ ความโกรธของไป่ยวี่เอ๋อระเบิดออกมาชั่วขณะ ช่วยไม่ได้ที่จะขาดสติ

“นายน้อย ท่านจะหาข้ออ้างทำไมนัก ไม่ใช่ว่าท่านกระหายในเรือนร่างของข้าหรอกรึ แต่น่าเสียดาย ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ข้าคงต้องขออภัยที่ไม่อาจทำตามที่ท่านต้องการได้!”

ทันทีที่พูดจบ การแสดงออกของจวินหลิงหลงเปลี่ยนไปในทันที

นางไม่คาดคิดว่าไป่ยวี่เอ๋อจะพูดจาหยาบคายเช่นนี้

ไป่ยวี่เอ๋อกลับมารู้สึกตัวพร้อมกับความรู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ใบหน้าของนางซีดราวกับกระดาษ

นางเผลอกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของนางออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

จวินเซียวเหยาขบขัน

ได้ยินเสียงหัวเราะ ไป่ยวี่เอ๋อยิ่งหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น

จวินเซียวเหยาคว้าเอวบางๆ ของจวินหลิงหลงมาแนบด้านข้างด้วยมือของเขาโดยตรง

ห้าปีผ่านไป จวินหลิงหลงที่อายุครบสิบเก้าปี เท่ากับว่านางกลายเป็นสาวเต็มตัว นางมีรูปร่างที่ผอมเพรียว มีส่วนโค้งในจุดที่ควรโค้ง และมีส่วนเว้าในจุดที่ควรเว้า

จวินเซียวเหยาคว้าเอวบางของนางกะทันหันเกินไป แม้ว่าจิตใจของจวินหลิงหลงจะมั่นคง แต่นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบาๆ พร้อมกับแก้มที่แดงระเรื่อ

จวินเซียวเหยาแสดงออกด้วยสีหน้าขี้เล่น แต่ดวงตาของเขายังคงเฉยเมย

“หลิงหลง ทำไมเจ้าไม่ไปส่องกระจกดูความงามตัวเองหน่อยล่ะ หรือต้องให้ใต้เท้าผู้นี้พาไปหรือยังไง?”

“โอ้ ข้าไม่คิดว่าหลิงหลงของข้ามีกลิ่นกายที่หอมขนาดนี้เลย? แล้วเจ้าล่ะไป่ยวี่เอ๋อ เจ้าคิดว่ายังไง?” ด้วยคำพูดสองประโยคติดต่อกัน ไป่ยวี่เอ๋อละอายใจและหน้าแดงถึงที่สุด

จวินหลิงหลงยอดเยี่ยมกว่านางในทุกแง่มุมอย่างแท้จริง

แต่สิ่งที่ทำให้ไป่ยวี่เอ๋อตกตะลึงมากยิ่งกว่าคือคำเรียกตัวเองของจวินเซียวเหยา

บุตรพระเจ้า!

“ไม่นะ… หรือเด็กหนุ่มคนนี้คือบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน?”

ราวกับว่าเกิดสายฟ้าคำรามดังขึ้นในหัวของไป่ยวี่เอ๋อ พายุก่อตัวกลางมหาสมุทรและโหมกระหน่ำในดวงใจ ขาอันเรียวยาวของนางเริ่มสั่นเทาจนกระทั่งทรุดลงไปนั่งที่พื้น

บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลโบราณคือตัวตนผู้มีสถานะอันยิ่งใหญ่ที่สุด

ในตอนแรก ไป่ยวี่เอ๋อคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของนางควรจะเป็นเพียงแค่ดาวเด่นดวงหนึ่งของตระกูล จวิน

แต่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นบุตรพระเจ้า!

“ใต้เท้าบุตรพระเจ้า ได้โปรดอภัยให้กับความหยาบคายของไป่ยวี่เอ๋อด้วย!” ไป่ยวี่เอ๋อรีบคุกเข่าลงบนพื้นและโค้งหัวคำนับซ้ำๆ โดยไม่สนใจฝุ่นดินที่มาเปรอะเปื้อนเส้นผมแดงเพลิงของนางเลย

จวินเซียวเหยายังคงไม่แยแส

ส่วนจวินหลิงหลงก็ถูกเขาโอบกอดเอวไว้จนนางแทบจะหมดสติ

โดยเฉพาะเมื่อนางได้ยินคำว่าหลิงหลงของข้า ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว

จวินเซียวเหยามองไปที่ไป่ยวี่เอ๋อซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและร้องขออภัย เขาได้แต่ส่ายหัวเบาๆ

“หากเจ้ายอมจ่าย เจ้าก็จะได้รับผลตอบแทน ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เข้าใจในความเป็นจริงที่แม้แต่เด็กเล็กยังเข้าใจได้…”

จวินเซียวเหยาพูดด้วยความเฉยเมย

ไป่ยวี่เอ๋ออยากได้โอสถอมตะโดยไม่เสียอะไรสักอย่าง มันไม่แปลกประหลาดไปหน่อยหรือ

เชาสะบัดชายเสื้อและหันหลังจากไป

จวินหลิงหลงสงบสติลงเล็กน้อยและถอนหายใจกับไป่ยวี่เอ๋อ “ข้าคงช่วยเหลืออะไรเจ้าไม่ได้ ในเมื่อเจ้าทำตัวหยาบคายต่อหน้านายท่าน”

“ไม่นะ ได้โปรดบิดาข้ายังต้องการโอสถอมตะ เขาอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่กี่ปี!” ไป่ยวี่เอ๋อร้องฟูมฟาย นางรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ถ้าหากข้ารู้ตัวเร็วกว่านี้ ข้าจะยอมรับเงื่อนไขโดยไม่มีข้อแม้สักนิด

ความโอหังและความอวดดีได้ย้อนกลับมาทำร้ายตัวนางเอง

“ข้าน่าจะคิดมาก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เรื่องมันยุ่งยากแล้วสิ” จวินหลิงหลงกล่าว ไม่มีอะไรที่นางสามารถช่วยเหลือได้เลย

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับนางที่จะทำให้จวินเซียวเหยาขุ่นเคืองเพียงเพื่อไป่ยวี่เอ๋อ ซึ่งที่มีความสัมพันธ์กับนางอย่างตื้นเขิน

“ข้าขอแสดงเจตจำนงต่อบาปของข้า ข้าจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ลุกไปไหนเพื่อร้องขออภัยจากบุตรพระเจ้า!” ไป่ยวี่เอ๋อคุกเข่าก้มคำนับกับพื้น จนหน้าผากขาวบริสุทธิ์ของนางเปรอะไปด้วยเลือด

ไม่ว่าจะเพื่อดินแดนจูเชวี่ยโบราณหรือเพื่อบิดาของนางและตัวนางเอง ไป่ยวี่เอ๋อจะต้องร้องขออภัยจากจวินเซียวเหยาให้ได้

จวินหลิงหลงได้แต่ส่ายหัว และปล่อยให้นางทำต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกตระกูลจวินบางคนก็สังเกตเห็นว่าภายในพระราชวังเทียนตี้ นอกห้องส่วนตัวของจวินเซียวเหยา ได้มีสตรีงามในชุดสีแดงผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่เช่นนั้นด้วยความเสียใจและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“เฮ้ นั่นดูเหมือนจะเป็นองค์หญิงแห่งดินแดนจูเชวี่ยโบราณนะ ทำไมนางไปคุกเข่าอยู่ตรงนั้นล่ะ?”

“ชู่วว นางคงจะไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับใต้เท้าบุตรพระเจ้า อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย”

สมาชิกตระกูลจวินทั้งหมดต่างพากันรักษาระยะให้ห่างจากไป่ยวี่เอ๋อ และปฏิบัติต่อนางราวกับอากาศธาตุ

ภายในพระราชวังเทียนตี้ จวินเซียวเหยากำลังเอนกายลงในบ่อน้ำพุแห่งจิตวิญญาณเพื่อผ่อนคลายร่างกาย

“นายท่าน…” จวินหลิงหลงเดินเข้ามา

“ทำไม อยากไกล่เกลี่ยให้นางรึ?” จวินเซียวเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม

“หลิงหลงมิกล้า นั่นเป็นความผิดที่นางก่อด้วยตัวเอง เพียงแต่หลิงหลงมีความรู้สึกว่าดินแดนจูเชวี่ยโบราณที่อยู่เบื้องหลังนางนั้นยังคงมีประโยชน์อยู่บ้าง” จวินหลิงหลงคิด

นางครอบครองดวงใจวิจิตรเจ็ดลักษณ์ นางจึงค่อนข้างเฉลียวฉลาด

“เฮ้ ข้ามีแผนสำหรับนางไว้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้นางกำลังทำตัวนิสัยเสีย นางต้องถูกฝึกให้เข้าที่เข้าทางซะก่อน เพราะฉะนั้นก็ปล่อยให้นางอยู่แบบนั้นไปเถอะ” จวินเซียวเหยาเอ่ยสบายๆ

แม้ว่าเขาจะไม่ชอบหน้าไป่ยวี่เอ๋อ แต่จวินเซียวเหยาก็ไม่อยากยอมแพ้ในดินแดนจูเชวี่ยโบราณ

ด้วยการให้ไป่ยวี่เอ๋อเป็นสะพานเชื่อม เขาสามารถควบคุมดินแดนจูเชวี่ยโบราณได้ดีกว่า

“นายท่าน ท่านเป็นคนที่แย่จริงๆ” จวินหลิงหลงมองเขาด้วยสายตาที่หาดูได้ยาก และแสดงท่าทีอวดดีเล็กน้อย แต่กลับดูน่าเอ็นดู

ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาอายุแค่แปดขวบ แต่กลับดูเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์

แม้ว่านางจะมีดวงใจวิจิตรเจ็ดลักษณ์ นางก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของคนตรงหน้านางได้เลย

“ถ้าข้ามันแย่จริงๆ จนถึงตอนนี้ข้าจะไม่ทำแค่โอบเอวเจ้าแน่นอน” จวินเซียวเหยายิ้มสบายๆ ขณะจ้องไปที่ทรวดทรงของจวินหลิงหลง

ส่วนโค้งของบั้นท้ายอันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดขณะที่รัดรูปด้วยชุดคลุมหลวง

“นายท่าน หลิงหลงขอตัวก่อน” จวินหลิงหลงรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของจวินเซียวเหยา ทำให้นางหน้าแดงและรีบหมุนตัวหันหลังหนีจากไป

จวินเซียวเหยายิ้มเล็กน้อย

บางครั้งการหยอกล้อกับสาวใช้ผู้เย็นชาและปราดเปรื่องก็นับได้ว่าเป็นการผ่อนคลายที่ดี

“คู่หมั้นของไป่ยวี่เอ๋อรึ อืม หวังว่าเขาจะรู้ขอบเขตตัวเองนะ...”

ไป่ยวี่เอ๋อนั้น จวินเซียวเหยาจะต้องฝึกฝนนางให้ดี เพราะนางยังมีค่ามากพอให้ใช้งานได้

แทนที่จะสังหารพวกเขาโดยตรง มันจะไม่ดีกว่าหรือที่จะฝึกฝนพวกเขาให้เป็นทาสและตัวหมาก?

สำหรับคู่หมั้นของนาง จวินเซียวเหยาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะมีเบื้องหลังยังไง

ในดินแดนอมตะหวงเทียน จะมีรุ่นเยาว์กี่คนกันเชียวที่มีสถานะและเบื้องหลังสูงกว่าเขา?

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด