ตอนที่แล้วตอนที่ 558 พวกท่านจะมอบสิ่งใดให้แก่ข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 560 ดินแดนปีศาจเมฆาครามโจมตี

ตอนที่ 559 นายท่านส่งสารลับให้แก่เจ้า


3cc700a48d9474a5246f80b5cd53f81a.jpg

คนแห่งท้องทะเลอันไกลพ้นเหล่านี้ไม่คิดว่า หยางไค่จะง่ายต่อการเจราเช่นนี้ เดิมทีพวกเขาต้องการที่จะใช้ความรุนแรงในการแย่งชิงสมบัติเหล่านั้นมา เพราะสำนักแห่งท้องทะเลอันไกลพ้นเป็นสำนักที่ตระกูลทั้ง 8 มิอาจควบคุม

เมื่อแย่งชิงมันมาได้ก็กลับไป เพียงแค่กลับไปถึงท้องทะเลอันไกลพ้น ตระกูลทั้ง 8 ก็ไร้ซึ่งอำนาจต่อพวกเขา

แต่ว่ากลิ่นอายแห่งผู้ฝึกยุทธุ์ในจวนของหยางไค่ ทำให้การวางแผนของหลี่หยุนชุนและคนอื่นๆต้องล้มเหลว หากมีการต่อสู้ขึ้จริง พวกเขาอาจจะไม่สามารถเอาชนะ นอกจากนั้น ในวันนี้ทราบเพียงเบาะแสของกระบี่มารโลหิตและบุพผาโลหิตพันปีเท่านั้น พวกเขายังไม่ทราบว่าสมบัติชิ้นอื่นๆของสำนักอื่นๆอยู่แห่งหนใด

หากทำให้เจ้าเด็กน้อยแห่งตระกูลหยางเคืองโกรธ จากการต่อสู้ที่เอาความตายเข้าแลกคงไม่ส่งผลดีต่อพวกเขา

“มันเป็นสิ่งที่สมควร” หลี่หยุนชุนกล่าวด้วยความเจ้าเล่ห์ เขารีบรับคำกล่าวมาและกล่าวในขณะที่จ้องมองหยางไค่ : “ให้พวกเราปรึกษาหารือกันก่อนได้ไหม ?”

หยางไค่ยิ้มให้แก่พวกเขา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถรอได้

สายตาของคนแห่งสำนักในท้องทะเลอันไกลพ้นแปรเปลี่ยนไป ราวกับว่าพวกเขากำลังปรึกษาหารือกันด้วยความเคร่งขรึม

หยางไค่หันไปหาปี่ลู่แล้วกล่าวถาม : “ปี่ลู่เจ้ามาได้อย่างไร ?”

ปี่ลู่ดึงชิวยี่ม้งเอาไว้โดยไม่ปล่อย นางกล่าวโน่นนี่กับนาง ทำให้ชิวยี่ม้งลำบากใจยิ่งนัก นางต้องการที่จะออกจากการจับกุมของปี่ลู่ แต่ไม่สำเร็จ เมื่อได้ยินเสียงกล่าวถามของหยางไค่ ทำให้ชิวยี่ม้งรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง

ปี่ลู่หยุดชะงัก นางลุกขึ้นอย่างฉับพลัน : “ข้าลืมไปเลย นายท่านให้ข้ามาส่งสารลับให้แก่เจ้า”

“สารลับเช่นไร ?”

“รีบหนีออกจากที่นี้ให้เร็วที่สุด คนแห่งดินแดนเทวะกำลังจะเดินทางเข้ามา”

“หมายความว่าอย่างไร ?” สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนไป : “ต้องไปยังแห่งหนใด”

“ตรงนี้ ……….” สีหน้าของปี่ลู่ประกายด้วยความเคร่งขรึม : “พวกเขาใช้โอกาสในสงครามการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดแห่งตระกูลหยางไค่ ที่ทำให้กองกำลังของตระกูลทั้ง 8 ที่ไร้ซึ่งความสามัคคี พวกเขาจะเข้ามาทำลายเมืองแห่งสนามรบและมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง ภายใต้การนำทัพของราชันย์มารปีศาจทั้ง 6 พวกเขาเริ่มลงมือโดยเคลื่อนไหวยอดฝีมือในระดับสูง พวกเขาต่างมุ่งหน้ามาที่นี้ เมืองแห่งสนามรบมิอาจต่อต้น เจ้ารีบหนีไปเถอะ  ”

“จะมาถึงที่นี้ตอนไหน ?” หยางไค่กล่าวถามด้วยสุ้มเสียงต่ำทุ้ม เขาทราบในทันทีว่าหายนะได้เข้ามาเยือน

“ช่วงค่ำคืนของวันนี้” ในขณะที่ปี่ลู่กล่ว นางยังแสะยิ้มเจื่อนๆออกมา

“เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ?” หยางไค่กล่าวตะโกนด้วยความโกรธ หลังจากที่กล่าวตะโกนเขามองเห็นรอยยิ้มของปี่ลู่ ทำให้เขาทราบในทันทีว่านางตั้งใจ

หากตนเองไม่ถาม นางไม่มีทางบอก

สตรีนางนี้…..

หยางไค่ต้องการที่จะจุดไฟเผานางให้เป็นเถ้าถ่าน ภายใต้คำสั่งของซันชิงหล่อนางสามารถส่งสารลับให้แก่ตนเองถึงว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลว แต่จากที่ปี่ลู่ลุ่มหลงซันชิงหล่อ ทำให้ปี่ลู่อยากให้ตนเองตายไปไวๆ และทราบในทันทีว่านางคิดเช่นนี้กับตนเอง

ชิวยี่ม้งตื่นตกใจจนนิ่ง ผ่านไปสักพักนางจงกล่าวถาม : “เจ้าหมายความว่า ประมุขแห่งมารปีศาจนำพาราชันย์ปีศาจทั้ง 6 มุ่งหน้ามายังที่นี้ ?”

“ยังมียอดฝีมือแห่งดินแดนเทวะอีก ดินแดเทวะมียอดฝีมือมากมายยิ่งนัก” ปี่ลู่กล่าวด้วยเสียงต่ำทุ้ม

“กล้าหาญยิ่งนัก” สีหน้าของชิวยี่ม้งเยือกเย็นลง : “คิดว่าตระกูลทั้ง 8 ของเราไม่มีการป้องกันหรืออย่างไร ?”

“พวกเจ้ายังคิดจะต้านทาน ?” ปี่ลี่กล่าวด้วยสีหน้าที่เย้ยหนัน : “ในเมื่อคนแห่งดินแดเทวะมาถึงที่นี้ แน่นอนว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ทั้งหมด พวกเจ้าไม่สามารถต่อต้านการโจมตีของพวกเขาได้”

“ตรงนั้นมี่ยอดฝีมือแห่งเขตแดนเหนือเทพสวรรค์กี่คน ?” ชิวยี่ม้งกล่าวถามเพื่อตรวจสอบความพร้อมของพวกเขา

“10 กว่าคน ดินแดนของนายท่านมีเพียงนางคนเดียวที่มีการบ่มเพาะในเขตแดนนี้ ส่วนดินแดนของคนอื่นๆมีทั้งหมด 2 คน”

“ซันชิงหล่อบรรลุเขตแดนแล้ว ?” หยางไค่ตื่นตะลึง ตอนนั้นที่แยกจากนาง นางมีการบ่มเพาะในเขตแดนเทพสวรรค์ขั้นสูงสุด ไม่เจอกันเพียง 1 ปีว่า นางมีการบ่มเพาะในเขตแดนเหนือเทพสวรรค์

ดินแดนปีศาจเมฆาคราม ราชันย์มารปีศาจทั้ง 6 ต่างมีการบ่มเพาะในเขตแดนเหนือเทพสวรรค์ นอจากนั้นแต่ละคนต่างมีพลังความแข็งแกร่งที่ร้ายกาจ ฝีมือที่ตื่นตะลึงต่อผู้พบเห็น

หากไม่เป็นเช่นนี้ การบุกโจมตีสำนักหมื่นพันโอสถเมื่อ 1 ปีกว่า คงไม่สำเร็จ

“มีเพียง 10 คนเท่านั้น ในเมืองแห่งสนามรบมียอดฝีมือแห่งเขตแดนเหนือเทพสวรรค์ถึง 7 คน” ชิวยี่ม้งยิ้มจางๆ แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่นางทราบดีว่าสาถนการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ปี่ลู่ส่ายศีราะ ใบหน้าเผยให้เห็นความเยัยหนัน : “ไม่มีประโยชน์ อย่าว่าแต่มี 7 คนเลย หากรวมไปถึงยอดฝีมืแห่งเขตแดนเหนือเทพสวรรค์ของตระกุลทั้ง 8 ก็มิอาจหยุดยั้งประมุขแห่งมารปีศาจ ประมุขแห่งมารปีศาจท่านนี้ แตกต่างจากประมุขคนอื่นๆ นายท่านของข้ากล่าวไม่มีผิด ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา หากเขาต้องการ เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถเอาชนะยอดฝีมือแห่งเขตแดนเหนือเทพสวรรรค์คนหนึ่ง 3 กระบวนท่าสามารถฆ่าะยอดฝีมือแห่งเขตแดนเหนือเทพสวรรรค์คนหนึ่ง”

สีหน้าของชิวยี่ม้งแปรเปลี่ยนไป

“นอกจากนั้น ประมุขแห่งมารปีศาจ ยังมีราชันย์สัตว์อสูรวิญญาณ ราชันย์ผู้เด็ดเดี่ยว ราชันย์แห่งภูตผีร่ำไห้ ราชินีปีศาจผู้ทรงเสน่ห์ ราชันย์สายฟ้าทะลวงปฐพี ราชันย์พิษทะลายพิภพ ราชันย์ปีศาจเทวะ !

ราชินีปีศาจผุ้ทรงเสน่ห์ พวกเขาทั้ง 6 นายท่านของข้ามี่การบ่มเพาะที่อ่อนแอที่สุด ” ปี่ลู่กล่าวด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“หยางไค่ ทำอย่างไรดี ?” ชิวยี่ม้งกล่าวถามด้วยความรบร้อน เรื่องใหญ่มหันต์เช่นนี้ ได้ทิ่มแทงเข้าสู่ห้วงสมองของนาง จนทำให้นางรู้สึกมึนงง

ในบางครั้ง หากหยางไค่มิได้อยู่ตรงนี้ นางจะรักษาภาพพจน์ของนางเอาไว้ แต่ว่าเมื่อเจอกับคนที่สามารถพึ่งพาได้ ชิวยี่ม้งจะสูญเสียความสามารถในการแยกแยะคาดเดาเรื่องทั้งหมด

หยางไค่มองไปที่ปี่ลู่ด้วยสีหน้าที่กลียดแค้น

เมื่อปี่ลู่มาส่งสาร นั่นหมายความว่าสารนี้เป็นความจริง แม้ว่าซันชิงหล่อจเป็น 1 ในราชันย์มารปีศาจทั้ง 6 แต่ระยะเวลาที่ได้อยู่ใกล้ชิดนาง นางมีจิตใจดี และยังให้ปี่ลู่มาส่งสารเรื่ีองนี้ด้วยตนเอง

“ชิวยี่ม้ง เจ้าและโ่ห่วซินเฉินไปยังตำหนักผนึกจิตวิญญาและกล่าวบอกเรื่องราวที่เจ้าไดยินมาให้แก่พวกเขาทั้ง 7” หยางไค่กล่าวสั่งด้วยสีหน้าที่ต่ำทุ้ม

“ได้” ชิวยี่ม้งพยักหน้า แล้วกล่าวถาม : “หากพวกเขากล่าวถามว่าสารนี้ได้มาจากไหน ……...จะทำอย่างไรดี ?”

“กล่าวตามความจริง”

ชิวยี่ม้งกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น : “ข้าขอตัวก่อน”

พวกเขาทั้ง 7 ต้องถามต้นตอของสารลับอย่างแน่นอน หากกล่าวความจริงแก่พวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือไม่ฟัง จะยิ่งทำให้ชื่อเสียงที่ว่าหยางไค่มีความเกี่ยวพันธุ์กับมารปีศาจมากขึ้น

มีความสัมพันธุ์กับราชินีปีศาจผู้ทรงเสน่ห์ ยังไม่เรียกว่ามีความเกี่ยวพันธุ์กับมารปีศาจหรือไง ?

แต่สถานการณ์ที่หนักหน่วงตรงหน้า หยางไค่ก็ไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้ต่อไป

หลังจากที่หยางไค่สั่งการเรียบร้อย เขานั่งเงียบอยู่ที่เดิม เขามิได้ห้ามปรามและเสนอความคิดเห็น ราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกันเขา

หลังจากที่ชิวยี่ม้งออกไป หยางไค่เดินออกไปด้วยความรีบร้อน

“คุณชายหยาง……...”หลี่หยุนชุนไม่สามารถนั่งได้อีกต่อไป เขากล่าวตะโกนเรียบก ตนเองและคนอื่นๆเดินทางมายังยาวไกลเพื่อค้นหาสมบัติแห่งสำนัก อีกเพียงน้อยน้อยก็จะได้รับสมบัติคืน แต่กลับเรื่องฉับพลันนี้ขึ้นแล้วพวกเขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร ?

หากการต่อสู้ในครั้งนี หยางไค่ตายไปแล้ว พวกเขาจะไปหาเบาะแสะจากใครอีก ?

“ทุกท่านโปรดรอก่อน” หยางไค่ไม่มีเวลาไปสนใจพวกเขา เขากล่าวกำชับและหายไปในพริบตา

สีหน้าของหลี่หยุนชุนแปรเปลี่ยนอย่างไม่น่ามอง

คนแห่งท้องทะเลอันไกลพ้นจ้องมองไปที่ปี่ลู่ หากไร้ซึ่งสารลับที่เจ้าเด็กสายคนนี้นพาเข้ามา ในตอนนี้พวกเขาคงจะเจรจากับหยางไค่ด้วยความราบรื่น

ปี่ลู่ที่ถูกจ้องไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เมื่อมาถึงลานสวน หยางไค่ได้ผิวปาก ทันใดนั้น เงาร่างของคนจำนวนมากมายได้ปรากฏ

“คุณชายน้อย มีเรื่องใดให้รับใช้ ?” ซูฟงกล่าวถาม

“ตามข้ามาทั้งหมด” หยางไค่เดินเข้าไปหาเม้งวู่ในห้องด้วยความรีบร้อนเพื่อจะขอรับคำชี้แนะจากเขา

หลังจากที่ไปถึงห้งอของเม้งวู่หยาง เขาเตะประตูออก โดยไม่สนใจว่าเม้งวู่หยาจะเกรี้ยวโกรธหรือไม่

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่น ทำไมถึงกระวนกระวายกันเช่นนี้ ?” เม้งวู่หยารู้สึกไม่พอใจ เสียงกล่าวถามของหลิงไท่ซ่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“ดินแดนปีศาจเมฆาครามนำพากองทัพมายังเมืองแห่งสนามรล” หยางไค่กล่าวอธิบายง่ายๆจากสารลับที่เขาได้้รับ สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนไป และกล่าวถามความเป็นไปได้ที่จะเกิด

“เป็นไปได้ 90 ส่วน” หยางไค่กล่าวตอบด้วยสุ้มเสียงที่ต่ำทุ้ม ก่อนจะจดหมายในมือมอบให้แก่หยิงจิ่ว : “เจ้ากลับตระกูลหยาง ส่งจดหมายนี้ให้แก่พ่อข้าด้วยตนเอง”

“ขอรับ”

“หยิงจิ่วรับจดหมายและพลันหายตัวไปในทันที”

เหล่าผู้พิทักษ์โลหิต เขาเป็นผู้มีความว่องไวมากที่สุด การส่งจดหมายในครั้งนี้ จึงต้องมอบให้เขา

“เจ้าคิดจะทำเช่นไร ?” เม้งวู่หยากล่าวถาม

“ออกไปจากที่นี้ ให้เร็วที่สุด ในตอนนี้ยังมีเวลาเหลือ” หยางไค่สูดลมหายใจเข้า แม้ว่าในจวนจะมียอดฝีมือไม่น้อย แต่การบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธุ์อยู่ในระดับขั้นไที่ไม่สูงมาก โดยเฉพาะสหายของหยางไค่ หากพวกเขาเข้าสู่การต่อสู้กับดินแดนปีศาจเมฆาคราม มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะตายอยู่ที่นีีทั้งหมด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด