ตอนที่แล้วตอนที่ 390 กรงเล็บภูติโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 392 โกดังเก็บอาวุธ

ตอนที่ 391 พลังของขนอุย?


ตอนที่ 391 พลังของขนอุย?

ศูนย์ฝึกอบรมนักรบศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นกลางภูเขาที่มีขนาดความสูงมากถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งถ้าหากมองจากด้านบนพวกเขาจะมองเห็นภูเขาที่กลวงตรงกลาง และบริเวณตรงกลางหุบเขาที่กลวงอยู่ก็เป็นแอ่งน้ำที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 100 กิโลเมตร ทำให้ผู้ผ่านไปผ่านมาต่างก็ล้วนแล้วแต่ชื่นชมฝีมืออันน่าทึ่งของธรรมชาติที่ได้สรรสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาอย่างสวยงาม

ด้านบนของค่ายฝึกถูกล้อมรอบด้วยฝาครอบแก้วขนาดใหญ่ จึงทำให้ทางเข้าค่ายมีเพียงถนนทางด้านหน้าด้านเดียว เพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้ใครเข้าไปภายในค่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

เซี่ยเฟยโน้มตัวลงต่ำเว้นที่ว่างห่างจากทางเข้าประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งภูมิประเทศบริเวณนี้เป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ที่ถูกปูไปด้วยพื้นหินหลายร้อยกิโลเมตร และแน่นอนว่าทั่วทั้งบริเวณมีแมลงชนิดต่าง ๆ เพ่นพ่านอยู่ทั่วไปหมด

ในความเป็นจริงแมลงเหล่านี้ไม่สามารถจะถูกเรียกว่าเซิร์กได้ด้วยซ้ำ เพราะแมลงที่ถูกยอมรับว่าเป็นเผ่าพันธุ์เซิร์กจะมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โต มันจึงมีคำเปรียบเทียบขึ้นมาว่ายิ่งเซิร์กมีขนาดและรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับมนุษย์เท่าไหร่ ระดับการวิวัฒนาการของเซิร์กก็จะยิ่งมากขึ้นไปเท่านั้น

บริเวณทางเข้าค่ายฝึกเป็นอุโมงค์ที่เจาะทะลุผ่านภูเขาหินเข้าไป โดยตรงบริเวณทางเข้ามีทหารติดอาวุธคอยคุ้มกันอยู่อย่างหนาแน่น

ทหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปยังค่ายฝึกด้านในเท่านั้น แต่ยังป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนบางคนหนีออกมาจากค่ายฝึกที่น่าสะพรึงกลัวแห่งนี้อีกด้วย เพราะท้ายที่สุดค่ายฝึกของเซิร์กก็ไม่ได้มีความสะดวกสบายเหมือนกับค่ายฝึกของมนุษย์ ซึ่งบทลงโทษที่เบาที่สุดก็คือการอดอาหารเป็นเวลา 1 วัน

เผ่าพันธุ์เซิร์กมีการแบ่งชนชั้นสถานะทางสังคมกันอย่างชัดเจน และผู้ที่สามารถเข้าเรียนในศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานของเซิร์กชนชั้นสูงที่มีสิทธิพิเศษเหนือกว่าประชาชนโดยทั่วไป แต่เด็กเหล่านี้ก็มักที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กเอาแต่ใจ มันจึงจำเป็นจะต้องมีประตูคอยป้องกันไม่ให้ใครหลบหนีออกมาจากค่ายฝึก

น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าประตูค่ายฝึกจะอยู่ตรงหน้า แต่เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะบุ่มบ่ามเข้าไปได้ เพราะถ้าหากว่ามันมีระบบตรวจจับอิเล็กทรอนิกส์ติดตั้งอยู่ตรงบริเวณประตู แม้ว่าเขาจะมีความเร็วแค่ไหนแต่เซ็นเซอร์ก็พร้อมที่จะตรวจจับตัวตนของเขาได้ตลอดเวลา

หลังจากที่คิดได้แบบนี้ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเข้าไปทางเพดานโปร่งแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบน เพราะถ้าหากว่ามันไม่ได้รับการทำความสะอาด เพดานโปร่งใสแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อแสงที่ลอดผ่านเข้าไปอย่างแน่นอน ดังนั้นมันจึงจำเป็นจะต้องได้รับการทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ

ฟุบ!

ร่างกายของชายหนุ่มเคลื่อนที่ด้วยความว่องไวราวกับสายฟ้า พร้อมกับเคลื่อนที่ไปยังภูเขาอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เซี่ยเฟยไม่คาดคิดนั่นก็คือข้างภูเขามียานอวกาศลำเล็กของเซิร์กกำลังจอดอยู่ ซึ่งนักบินของยานลำนี้คือมดที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่กำลังเดินไปรอบ ๆ คล้ายกับว่ามันกำลังรออะไรบางอย่าง

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน มันก็ได้มีนักเรียนเซิร์ก 7-8 คนปีนเชือกลงมาจากด้านบน ซึ่งหลังจากที่พวกเขามองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง พวกเขาก็รีบวิ่งขึ้นไปบนยานอวกาศด้วยความตื่นเต้น

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าเด็กนักเรียนพวกนี้กำลังพยายามหาทางหนีออกไปเที่ยวเล่น เพราะท้ายที่สุดการใช้ชีวิตอยู่ในค่ายฝึกก็คงจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก พวกลูกคุณหนูกลุ่มนี้จึงพยายามหลบหนีออกไปหาความสะดวกสบาย

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในจักรวาลต่างก็ล้วนแล้วแต่แสวงหาอิสรภาพกันตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเซิร์กก็ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องนี้

หลังจากยานอวกาศบินจากไปเซี่ยเฟยก็เดินไปสำรวจเชือกที่ผูกติดเอาไว้บริเวณช่องแคบระหว่างโดมแก้วกับด้านบนของภูเขา และเขาก็ได้พบว่าเชือกเส้นนี้มีความแข็งแรงมาก นอกจากนี้มันยังมีลักษณะที่เหมือนกับถูกใช้งานมานาน หมายความว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่นัดพบสำหรับการแอบหนีออกไปด้านนอกมาแล้วหลายครั้ง

เซี่ยเฟยตบเช็คขนอุยที่อยู่บนไหล่ก่อนที่จะใช้มือจับเชือกทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปด้านบนด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเขาก็ปีนไปถึงยอดเขาที่มีความสูงมากกว่า 1 กิโลเมตรในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที

ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนอันมืดมิดที่มองไม่เห็นดวงดาวบนท้องฟ้า มันจึงมีเพียงกระแสลมที่พัดผ่านร่างของชายหนุ่มไปเท่านั้น

เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาชายหนุ่มก็สามารถมองเห็นแอ่งน้ำด้านล่างได้อย่างชัดเจน ซึ่งทั่วทั้งบริเวณถูกประดับไปด้วยอาคาร, สนามฝึกซ้อม, หอพัก, สนามต่อสู้, สระว่ายน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดูหรูหราในสายตาของพวกเซิร์ก

ทางเข้าสำหรับพนักงานทำความสะอาดห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตร ซึ่งหลังจากที่เดินผ่านประตูแคบ ๆ เข้ามาเขาก็เจอกับบันไดเวียนที่นำลงไปยังด้านล่าง

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากบันได เขาจึงรีบกลับไปซ่อนตัวด้านหลังก้อนหินและใช้มือข้างหนึ่งอุดปากขนอุยเอาไว้ไม่ให้มันส่งเสียงเรอออกมา เพราะเนื่องมาจากว่าช่วงนี้มันกินเยอะมากเกินไปหน่อยและชอบที่จะส่งเสียงเรอออกมาเป็นระยะ ๆ

“ท่านรองผู้อำนวยการวันนี้มีนักเรียนหนีออกไป 7 คนครับ ผมได้จดชื่อพวกเขาเอาไว้หมดแล้ว”

“โอเค พรุ่งนี้เฆี่ยนพวกเขาคนละ 100 ทีแล้วจับขังเอาไว้ 3 วัน 3 คืน ฉันอยากจะรู้ว่าครั้งหน้าพวกเขายังจะกล้าฝ่าฝืนกฎอยู่อีกไหม?”

“ได้ครับ ผมจดทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เด็กใหม่พวกนี้เป็นอย่างที่คุณบอกเอาไว้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เซิร์กส่วนใหญ่ต้องการจะเข้ามาฝึกอบรมในค่ายนี้ แต่พวกเขากลับใช้ความพยายามที่จะหนีออกจากค่ายนี้ไป ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”

“ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญให้พวกเขาได้จำเอาไว้ว่าอย่าทำแบบนี้อีกเป็นอันขาด เพราะโดยปกตินักเรียนใหม่ก็มักที่จะทำอะไรแบบนี้อยู่เสมอ และหลังจากที่พวกเขาถูกลงโทษมันก็จะไม่มีใครกล้าหนีออกจากค่ายอีกต่อไป แล้วรีบปิดประตูซะ! จะได้กลับไปพักผ่อนสักที”

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าช่องโหว่บนยอดเขาถูกเตรียมการเอาไว้ โดยใช้ฝึกเพื่อทดสอบนักเรียนใหม่ว่าพวกเขาสามารถทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจได้มากแค่ไหน

เซิร์กที่พูดมีคนหนึ่งเป็นตั๊กแตน ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นด้วงสีทอง ซึ่งเซี่ยเฟยจำได้ว่าด้วงเปลือกทองคนนี้คือรองผู้อำนวยการค่ายฝึกที่มีชื่อว่าจิมมี่ และระดับการฝึกฝนของเขาก็เทียบกับนักสู้มนุษย์ระดับสตาร์ริเวอร์ มันจึงทำให้เขาเป็นนักรบที่ทรงพลังมากและเป็นรองเพียงแค่ผู้อำนวยการค่ายฝึกอย่างโทนี่เท่านั้น

เซี่ยเฟยเริ่มเตรียมการที่จะลงมือ เพราะถ้าหากเขาสามารถจับจิมมี่ได้สำเร็จ เขาก็จะสามารถรีดเค้นเพื่อหาข้อมูลของกรงเล็บภูติโลหิตได้

ก่อนทำการเคลื่อนไหวชายหนุ่มได้ส่งกระแสจิตบอกขนอุยว่าอย่าทำอะไรวู่วาม จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าหาจิมมี่อย่างเงียบงัน

เซี่ยเฟยเปรียบเสมือนกับหมาป่าผู้หิวโหยที่พร้อมจะซุ่มโจมตีเหยื่อท่ามกลางความมืดมิด และในขณะนี้เขาก็เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหวตลอดเวลาเมื่อเหยื่อได้เผยจุดอ่อนออกมาให้เห็น

จิมมี่อ้าปากหาวและหันหลังกลับเพื่อเตรียมตัวกลับไปพักผ่อน เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ก็ดึกมากแล้วและเขาก็ต้องการที่จะกลับไปพักผ่อนภายในห้องของตัวเอง

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็พุ่งตัวออกมาจากเงามืด พร้อมกับใช้อสรพิษพันธนาการจู่โจมเข้าใส่ร่างกายของจิมมี่ ขณะที่มือขวาของเขาได้สะบัดออกไปเพื่อตัดศีรษะของอาจารย์ตั๊กแตนจากทางด้านหลัง

ฉัวะ!

เซเลสเชียลมูนเคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วที่สูงมาก และอาจารย์ตั๊กแตนคนนั้นก็ไม่ทันจะได้ส่งเสียงร้องออกมาก่อนตายเลยด้วยซ้ำ

ในอีกด้านหนึ่งจิมมี่ก็ถูกอสรพิษพันธนาการพันเอาไว้แน่น ขณะเดียวกันก็มีใบมีดเย็น ๆ จ่ออยู่ที่คอไม่ห่างมากนัก

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที และมันก็เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครสามารถจะตั้งตัวได้ทัน

“แกเป็นใคร? แล้วแกต้องการอะไร?” จิมมี่กลืนน้ำลายพร้อมกับกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“แกไม่จำเป็นจะต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร แค่บอกฉันมาว่ากรงเล็บภูติโลหิตอยู่ที่ไหนก็พอ?” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเย็นชา

“แกพูดเรื่องอะไร? ฉันไม่รู้เรื่อง!” จิมมี่กล่าวตอบหลังจากผงะไปเล็กน้อย

ร่างของจิมมี่สูงกว่าเซี่ยเฟยมาก ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อจ่อมีดเข้าไปที่ลำคอของอีกฝ่าย และการพยายามยืนค้างท่านี้เอาไว้มันก็เริ่มทำให้เขารู้สึกอึดอัด

ผัวะ!

ชายหนุ่มเลือกเตะตัดขาบริเวณข้อพับด้านหลังหัวเข่าของจิมมี่อย่างรุนแรงเพื่อบังคับให้แมลงตัวนี้คุกเข่าลงบนพื้น แต่เสียงที่เกิดขึ้นมาจากการจู่โจมของเขา มันก็คล้ายกับว่าขาของจิมมี่จะถูกทำลายจนแตกออกเป็นชิ้น ๆ

ด้วงทองส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก

เซี่ยเฟยใช้ปลายมีดเชิดหน้าของจิมมี่ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมองไปยังศัตรูตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

“ฉันจะไม่ใจดีแบบนี้อีกเป็นครั้งที่ 2 บอกฉันมาว่ากรงเล็บภูติโลหิตถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหน? ไม่อย่างนั้นก็ตายไปซะ!”

อย่างไรก็ตามทันทีที่เซี่ยเฟยพูดจบลงร่างกายของเขาก็รู้สึกแข็งทื่อเหมือนกับจู่ ๆ ร่างของเขาก็ถูกสาปให้กลายเป็นหิน

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น!’ เซี่ยเฟยตะโกนภายในใจ

น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวได้เลย

จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็นึกถึงวิชาจี้จุดของนิยายกำลังภายใน แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากลมปราณ แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้พลังพิเศษของแมลงตรงหน้าต่างหาก

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนที่เขาได้เดินทางไปยังซากปรักหักพังโบราณเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นเขาได้พบกับเซิร์กที่มีความเร็วอันน่าอัศจรรย์จนเกือบจะเทียบได้กับความเร็วของเขาในช่วงเวลานั้น และมันก็ทำให้เขาได้ค้นพบกับความจริงว่าในเผ่าพันธุ์เซิร์กก็มีผู้สามารถใช้พลังพิเศษได้เหมือนกับมนุษย์

“ไอ้แมลงนี่เป็นผู้ใช้พลังพิเศษประเภทควบคุม ตอนนี้คลื่นพลังงานจากร่างของมันล็อกระบบประสาทของนายเอาไว้ มันจึงทำให้นายไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายของนายได้” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเนื่องมาจากเขาเป็นวิญญาณมันจึงทำให้เขามีความอ่อนไหวต่อพลังงานมากกว่าเซี่ยเฟยที่เป็นมนุษย์

เซี่ยเฟยแอบโทษตัวเองอยู่ในใจที่เขาประมาทคู่ต่อสู้จนทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้

พลังพิเศษประเภทควบคุมมีหลายลักษณะ ซึ่งบางคนสามารถควบคุมการกระทำของคนอื่นได้ผ่านทางเสียง บางคนสามารถควบคุมความคิดของคนอื่นได้ผ่านทางการจ้องมอง และพลังพิเศษของจิมมี่ก็ถือได้ว่าเป็นพลังพิเศษด้านการควบคุมที่ดีที่สุดคือการใช้พลังงานในการควบคุมระบบประสาท

มันเป็นที่ทราบกันดีว่าถ้าหากระบบประสาทได้รับความเสียหาย มนุษย์ก็จะไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ และพลังวิเศษที่จิมมี่ได้ครอบครองก็คือพลังพิเศษที่สามารถควบคุมระบบประสาทไม่ให้เคลื่อนไหว

อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ว่าเซี่ยเฟยจะไม่พยายามทำการดิ้นรน แต่สมองของเขาไม่สามารถส่งสัญญาณไปให้อวัยวะต่าง ๆ ได้เลย มันจึงทำให้เขารู้สึกราวกับว่าทั้งตัวของเขากำลังถูกสาปเป็นหินอยู่จริง ๆ

จิมมี่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันและพยายามลุกขึ้นยืนด้วยขาขวาเพียงข้างเดียว แต่เนื่องมาจากขาซ้ายของเขาถูกเซี่ยเฟยเตะจนหัก เขาจึงแทบที่จะไม่สามารถยืนด้วยขาข้างเดียวได้ไหว

“ไอ้มนุษย์ที่น่ารังเกียจ! ดูซิว่าแกจะทนได้สักแค่ไหน” จิมมี่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เนื่องมาจากว่าร่างของเขาถูกมัดด้วยอสรพิษพันธนาการ เขาจึงอ้าปากเพื่อเตรียมพร้อมจะกัดกินเซี่ยเฟยเข้าไปทั้งเป็น

ฟันของเผ่าเซิร์กมีความคมมากเป็นพิเศษและฟันของจิมมี่ก็มีความคมมากเช่นเดียวกัน เขาจึงอ้าปากกว้างและพยายามกัดเข้าที่ลำคอของชายหนุ่ม ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณที่มีความเปราะบางมากที่สุด

เซี่ยเฟยไม่สามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกการจู่โจมในครั้งนี้ได้ เนื่องมาจากว่าระบบประสาททั้งหมดของเขาถูกปิดกั้น มันจึงทำให้สถานการณ์ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องวิกฤตอย่างยิ่ง

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นมาจากไหล่ของชายหนุ่ม และแน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่แสงที่เกิดมาจากใครที่ไหนนอกเสียจากขนอุยที่อยู่ตรงนั้นตลอดเวลา

เซี่ยเฟยกับขนอุยได้ผูกพันตามพันธสัญญาและเมื่อชายหนุ่มได้พบกับอันตรายถึงตาย มันจึงทำให้ขนอุยรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอย่างรุนแรง

ถุย!

พริบตาต่อมาอุกกาบาตสีเงินก็ถูกพ่นออกมาจากปากของขนอุยด้วยความเร็วที่สูงมาก และเนื่องจากจิมมี่ถูกอสรพิษพันธนาการมัดเอาไว้แน่น มันจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะหลบหลีกการโจมตีครั้งนี้ไปได้

เมื่ออุกกาบาตลูกเล็กพุ่งเข้าชนกับจิมมี่ จู่ ๆ ร่างของด้วงทองก็หายไปจากอากาศอย่างกะทันหันกลายเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นแตกกระจายไปทั่วทั้งในอากาศ

ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าการสังหารของขนอุยจะเรียบง่ายมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นการสังหารอย่างไร้ร่องรอย เพราะมันสามารถทำให้เป้าหมายถูกสลายร่างจนกลายเป็นเศษเสี้ยวพลังงาน

“โอ้พระเจ้า! อย่าบอกนะว่าขนอุยก็มีพลังวิเศษ!!” อันธอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด