ตอนที่แล้วบทที่ 46: บันไดเพนโรส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48: ราชาซากศพกลับมากับวิหคมรณะ!

บทที่ 47: เมืองผู้พเนจรที่จอแจ


หลังจากออกจากเมืองเฮยเหยี่ยนโดยสวัสดิภาพแล้วถังเจิ้นก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังเมืองผู้พเนจร

ระหว่างทางกลับเมืองผู้พเนจรถังเจิ้นได้เห็นฉากนักรบกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ซากศพถึง 7 ครั้งซึ่งทั้งหมดล้วนใช้นักรบเฮยเหยี่ยนเป็นกำลังหลักและนักรบป่าคอยสนับสนุนช่วยเหลือ  จากนี้ที่เห็นดูท่าเมืองเฮยเหยี่ยนจะตัดสินใจเอาจริงแล้ว

ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นพวกที่มีความทะเยอทะยาน  เมืองเฮยเหยี่ยนเป็นเจ้าเหนือหัวเก่าของพื้นที่นี้  ส่วนจุดประสงค์ของเผ่าชื่อคือการพิชิตโลกโหลวเฉิง  ดังนั้นเมืองเฮยเหยี่ยนจึงเป็นอุปสรรคแรกในการพิชิตโลกของพวกมัน

ในท้ายที่สุดพื้นที่นี้จะต้องเหลือเจ้าเหนือหัวเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น  ดังนั้นต่างฝ่ายจึงต่างพยายามฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย

แม้ว่าความโกลาหลจะนำความอดอยากยากจนมาสู่ผู้คน  ทว่ามันกลับแฝงมาด้วยโอกาสในการทำธุรกิจอีกมากมาย  ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นและคว้าไว้ได้ก็เท่านั้น

เมื่อถังเจิ้นมาถึงเมืองผู้พเนจรก็พบว่าจำนวนผู้พเนจรที่เข้าออกเมืองนั้นเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา  ท่ามกลางคนเหล่านั้นยังเห็นชาวเมืองเฮยเหยี่ยนคนสองคนปะปนอยู่ด้วย

ทางเข้าเมืองผู้พเนจรวุ่นวายมาก  มีการต่อสู้ปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว  แต่ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันนั้นก็ยังมีการควบคุมไม่ให้มีคนตายไว้ได้อยู่

ถังเจิ้นสอบถามและพบว่าชาวเมืองเฮยเหยี่ยนพึ่งมาถึงที่นี่เมื่อสองวันก่อน  คนเหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการแจกจ่ายภารกิจล่ามอนสเตอร์ซากศพ  ตรวจสอบใบภารกิจที่ผู้พเนจรเอามาส่งพร้อมกับออกรางวัลไปตามนั้น

สำนักงานนี้ตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าเมืองผู้พเนจรซึ่งกลายเป็นจุดที่ดูมีชีวิตชีวามากที่สุดไปโดยปริยาย

จะเห็นมีนักรบป่าพร้อมสมาชิกทีมสำรวจเข้ามาส่งเควส  จากนั้นก็เลือกเอารางวัลที่ตนเองต้องการหรือไม่ก็อาหาร  หรือไม่ก็สะสมไว้ก่อนเพื่อแลกอาวุธกับชุดเกราะในภายหลัง

ผู้พเนจรบางส่วนที่มีอาวุธและชุดเกราะที่เสียหายหนักจะเอาเข้าไปซ่อมในเมือง  หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นของใหม่ไปเลย

เมื่อเทียบกับผู้พเนจรทั่วไปแล้ว  ผู้พเนจรเหล่านี้มีทุนเพียงพอ  อย่างน้อย ๆ แต่ละวันก็ไม่ขาดข้าวสามมื้อ

แน่นอนว่าลูกปัดสมองเหล่านี้แลกมาด้วยชีวิตของตน  บางทีวันหนึ่งพวกตนอาจต้องตายในแดนทุรกันดารก็เป็นได้  หากโชคดีก็ตายแบบร่างยังสมบูรณ์  หากโชคร้ายก็กลายเป็นอาหารมอนสเตอร์

ถังเจิ้นหยุดดูครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับถ้ำ

ภายนอกถ้ำมองไกล ๆ แล้วดูปกติดีทุกอย่าง

เด็กหญิงตัวน้อยมู่หรงจื่อเยว่นั่งยอง ๆ ที่ทางเข้าถ้ำมองดูหนอนที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่บนพื้น  ข้าง ๆ เธอคือต้าสยง  ทั้งสองคนชี้ไปที่พื้นและหัวเราะกันอย่างมีความสุข

“ดูไรอยู่อะแม่หนูน้อย!”

ถังเจิ้นเห็นฉากดังกล่าวก็ยิ้มและตะโกนถาม

“พี่ถังเจิ้นกลับมาแล้นนนนน!”

ทันทีที่เด็กหญิงตัวน้อยเห็นถังเจิ้นก็รีบลุกขึ้นและวิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามากอดและซุกหน้าถู ๆ กับตัวเขาทันที

ต้าสยงมองถังเจิ้นด้วยหน้าโง่ ๆ ท่าทางอยากวิ่งเข้าใส่ด้วยเหมือนกันแต่ก็ไม่กล้าเลยได้แต่มองอย่างคาดหวังอะไรบางอย่าง

ถังเจิ้นเห็นที่ต้าสยงที่กำลังน้ำลายไหลจากนั้นก็ก้มลงมองแม่เด็กน้อยที่ตาลุกวาวก็เดาความคิดเจ้าตัวตะกละทั้งสองออก

เขาเอามือซ่อนไว้ด้านหลังก่อนจะเอาออกมาแบซึ่งในมือที่แบอยู่นั้นมีลูกอมเม็ดเล็ก ๆ อยู่เต็มมือ

ลูกอมหลากสีสันเป็นประกายระยิบระยับเมื่อสะท้อนกับแสงแดด  เด็กหญิงตัวน้อยกับต้าสยงมองประกายแสงเหล่านั้นและโห่ร้องออกมาปานเจอไอเทมที่ส่องแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา  จากนั้นก็พากันเดินจากไปพร้อมกับลิ้มรสลูกอมที่ถืออยู่เต็มมือไปด้วย

มู่หรงจื่อเหยียนกับเฉียนหลงเองก็ได้ยินเสียงเอะอะข้างนอกแล้วเช่นกันจึงได้เดินออกมาดู  เมื่อเห็นว่าถังเจิ้นยังอยู่ดีต่างก็ถอนหายใจโล่งอก

ถังเจิ้นดูอาการบาดแผลของต้าสยงกับเฉียนหลงและเห็นว่าทั้งคู่ฟื้นตัวได้ดี

สำหรับผู้พเนจรแล้วการได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ  และความสามารถในการฟื้นตัวของทั้งคู่ก็ดีมาก  เมื่อรวมกับครีมไม้เลื้อยของมู่หรงจื่อเหยียนแล้วความเร็วในการฟื้นตัวของพวกเขาจะยิ่งเร็วขึ้น

“เป็นไงมั่ง?”

ถังเจิ้นตบหน้าอกของเฉียนหลงและถามด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไร  อาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้สบาย ๆ แต่แค่ครั้งนี้มันค่อนข้างจะน่าอึดอัดน่ะนะ  ฉันไปแอบถามคนอื่นมาแล้ว  ไอ้หน้าหนวดมันเป็นหัวหน้าทีมเล็ก ๆ แท้ ๆ แต่กลับมีอิทธิพลโคตรเยอะ  ถ้าจะแก้แค้นมันล่ะก็ต้องแอบทำอะ” เฉียนหลงตอบถังเจิ้นยิ้ม ๆ

“รู้แล้วหน่าไม่ต้องห่วงหรอก  เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน”

ถังเจิ้นมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะจัดการกับไอ้หน้าหนวดเครายังไง  เฉียนหลงเห็นว่าถังเจิ้นเลี่ยงไม่พูดหัวข้อนี้เขาเลยไม่พูดถึงอีก

มู่หรงจื่อเหยียนมองถังเจิ้นด้วยความกังวลตลอดเวลา  และเมื่อถังเจิ้นหันมามองเธอเธอก็แสดงถ้าทางเอียงอายเหมือนเด็กน้อยออกมา

ครั้งนี้ถังเจิ้นซื้อของมากมายให้กับทั้ง 4 คน  ทักทายกันเสร็จแล้วเขาก็ถือถุงใส่ของเข้าไปในถ้ำก่อนจะเทของในถุงออกมาแบ่งให้กับทั้ง 4

คนทั้ง 4 ที่เคยชินกับชีวิตอันแสนยากลำบากจะไปเคยเห็นอาหารอร่อย ๆ น่ากินและเสื้อผ้าดี ๆ สวย ๆ มากมายขนาดนี้ซะที่ไหน?

แต่ละคนต่างก็แสดงความตื่นเต้นออกมาให้เห็น  และที่หนักสุดคือแม่เด็กน้อยจื่อเยว่ที่ตอนนี้กระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งโดยในมือกอดถุงขนมถุงใหญ่เอาไว้แน่น

ต้าสยงก็นั่งยอง ๆ ขอด้วยสภาพน้ำลายไหลเป็นสาย  ถังเจิ้นเลยหยิบถุงขนมให้ไป

เจ้าตัวใหญ่ก็ส่งเสียงคำรามอย่างถูกใจจนเขาต้องเจ็บแก้วหูและเตะตูดมันไปที่หนึ่ง

มู่หรงจื่อเหยียนอดแอบยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าและสิ่งของต่าง ๆ ที่ถังเจิ้นให้มา

“พี่ถังไปเอาของพวกนี้มาจากไหนเหรอ” เฉียนหลงทนความอยากรู้อยากเห็นในใจไม่ไหว

ถังเจิ้นผู้นี้เต็มไปด้วยความลึกลับ  และยิ่งนานวันความรู้สึกนี้ก็ยิ่งมากขึ้น  ดังนั้นเฉียนหลงจึงอดที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้

ถังเจิ้นยิ้มและตอบว่า “ยังไม่ถึงเวลาบอก  รู้แค่ว่าการติดตามฉันคือตัวเลือกที่ถูกต้องแล้วก็พอ!”

เฉียนหลงพยักหน้าโดยเลิกสนใจคำตอบห้วน ๆ ของถังเจิ้นแล้วหันไปเล่นกับไฟฉายและมีดทหารที่ถังเจิ้นให้มาด้วยสีหน้ามีความสุข

หลังจากแจกของเสร็จแล้วมู่หรงจื่อเหยียนก็ไปเตรียมอาหาร  ส่วนถังเจิ้นกับเฉียนหลงนั้นได้เดินออกจากถ้ำไปนั่งบนก้อนหินและพูดคุยในเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงหลายวันมานี้

ถังเจิ้นฟังสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมพยักหน้ารับรู้และและครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ

ตามที่เฉียนหลงเล่านั้นพวกซอมบี้กลุ่มนี้แตกต่างจากมอนสเตอร์ตัวก่อน ๆ จริง ๆ นอกจากจะมีจำนวนมากแล้วยังมีความสามารถในการต่อสู้สูง  แต่กลับไม่ค่อยมีสมอง

ทีมนักรบที่ส่งมาจากเมืองเฮยเหยี่ยนได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมาก  จำนวนผู้พเนจรที่เสียชีวิตก็มีแต่จะมากขึ้น  กระนั้นแม้จะจ่ายค่าจ้างราคาแพงในการล่าพวกมันก็ตาม  แต่จำนวนของพวกมันก็ไม่ได้ลดลงเลย  มีแต่จะเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในสนามรบได้ดึงดูดมอนสเตอร์ในแดนทุรกันดารเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

ไม่กี่วันก่อนผู้พเนจรบางคนถึงกับเห็นมังกรปีกดำเลเวล 5 บริเวณขอบฟ้าไกล ๆ ซึ่งว่ากันว่ามังกรปีกดำตัวนี้มันยาวกว่า 20 เมตรและมักจะอาศัยอยู่ในสถานที่อันตรายในแดนทุรกันดารเท่านั้น  แต่คราวนี้มันถึงกับโดนกลิ่นเลือดที่โชยไปจนถึงต้องฟ้าดึงดูดมาเช่นกัน

มีรายงานว่าเมืองเฮยเหยี่ยนได้ขอความช่วยเหลือจากโหลวเฉิงอื่น ๆ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้รับการสนับสนุนหรือไม่

กลับกันคือมีผู้พเนจรจากพื้นที่อื่น ๆ ได้เข้ามารวมตัวกันที่นี่กันทีละคนสองคนโดยมีจุดประสงค์คือจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้แสวงหาโชคลาภในช่วงสงคราม

อุปกรณ์ของผู้พเนจรที่เสียชีวิตในสนามรบ  ลูกปัดสมองของมอนสเตอร์  รางวัลการทำภารกิจ  และการขายเสบียง  เหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้พเนจร

มีแม้กระทั่งกองคาราวานเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปยังเมืองเฮยเหยี่ยนเพื่อขนส่งเสบียงศึกในยามสงครามมาให้อย่างเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก

ข่าวเหล่านี้ทำให้ถังเจิ้นถึงขั้นตาลุกวาว  เพราะผู้พเนจรจากที่อื่นเหล่านี้อาจนำธนบัตร  ทอง  เงิน  และเครื่องประดับจำนวนมากมาให้เขาก็เป็นได้

หรือต่อให้ไม่มีสิ่งของพวกนี้เขาก็ยังสามารถตั้งร้านขายของชำเพื่อทำการขายส่งหาลูกปัดสมองจำนวนมากจากผู้พเนจรเหล่านั้นก็ได้เหมือนกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด